เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 363 สายโทรเข้าจากแผนกฉุกเฉิน
บทที่ 363 สายโทรเข้าจากแผนกฉุกเฉิน
เมื่อเห็นจางฝานมีสีหน้าท่าทางราวกับกินขี้เข้าไปแต่หากจะคายก็รู้สึกเสียดายแบบนั้นแล้ว ฉินเยว่ก็แทบจะหัวเราะออกมา!
แต่จะให้หัวเราะต่อหน้าจางฝานก็รู้สึกเกรงใจ! ด้วยเหตุนี้จึงจูงมือเฉินชางเดินออกไปข้างนอก พอเดินออกมาแล้วฉินเยว่ก็ดีใจเป็นล้นพ้น!
“ฮ่าๆๆๆ…ขำจะตายอยู่แล้ว เสแสร้งแบบนี้จบไม่ดีจริงๆ ด้วย!”
ฉินเยว่หัวเราะจนตัวสั่น
ตอนนี้เป็นเวลาเกือบทุ่มหนึ่งแล้ว ทั้งคู่เรียกรถไปยังถนนคนเดิน
พวกเขากินขนมกันไปไม่น้อย จากนั้นเฉินชางก็ชวนไปโรงหนังต่อ
เฉินชางจำกลยุทธ์ได้อย่างหนึ่ง ว่ากันว่าหากพาแฟนมาโรงหนัง ทางที่ดีควรดูหนังอยู่สองประเภท ประเภทแรกก็คือหนังซึ้ง อีกประเภทก็คือหนังน่ากลัว
หนังซึ้งคือหนังประเภททำให้คนดูสะเทือนใจ
หนังน่ากลัวก็คือหนังทริลเลอร์
เฉินชางคิดว่าตัวเองมีอีคิวสูงพอสมควรจึงเลือกหนังรักที่มีฉากซึ้งๆ มาเรื่องหนึ่ง แต่ความจริงก็คือเขากลัวว่าหนังประเภททริลเลอร์จะทิ้งเงาแห่งความหวาดกลัวไว้ให้เขา หากเขาต้องอยู่เวรดึกแล้วตกใจอะไรขึ้นมาคงไม่ดีแน่
……
……
“คุณครับ กี่โมงแล้ว” ฉินเสี้ยวหยวนหันไปถามภรรยาด้วยท่าทางกระสับกระส่าย
จี้หรูอวิ๋นถูกเขากวนจนทนไม่ไหว “คุณไม่มีมือถือหรือไงคะ นี่ถามมากี่ครั้งแล้ว”
ฉินเสี้ยวหยวนมองเวลา “สามทุ่มครึ่งแล้ว ทำไมยังไม่มาอีก ผมร้อนใจจะตายแล้ว”
จี้หรูอวิ๋นมองฉินเสี้ยวหยวน “คุณไม่สบายหรือไง ลูกของพวกเราออกไปเดท คุณจะเร่งทำไมคะ ฉันว่าทางที่ดีคืนนี้ไม่ต้องกลับบ้านจะดีที่สุด! ทำให้ข้าวสารกลายเป็นข้าวสุกจะได้แต่งออกไปเร็วๆ หน่อย! ลูกเราก็ยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปดแล้ว ถ้ายังหาแฟนไม่ได้อีกก็กลายเป็นสาวเทื้อกันพอดี!”
ขณะจี้หรูอวิ๋นพูดถึงฉินเยว่ก็ทั้งโกรธทั้งขำ “คุณว่าพวกเราแนะนำผู้ชายให้ลูกกี่คนแล้ว แต่ละคนฐานะทางบ้านก็ไม่ใช่ต่ำต้อย แต่เยว่เยว่ไม่ชอบ ตอนนี้ดีเลย ไม่ง่ายเลยกว่าลูกจะเจอคนถูกใจ แต่คุณกลับกลายเป็นแบบนี้ไปซะได้”
ฉินเสี้ยวหยวนถูกคำพูดของภรรยาทำเอาเสียขวัญไปหมดแล้ว!
เขาไม่รู้ว่าควรจะพูดเช่นไรดี แต่ว่า…จะสี่ทุ่มแล้ว เหล่าฉินเป็นห่วง กลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นหรือไม่
คิดแล้วฉินเสี้ยวหยวนก็ไม่วางใจ ด้วยเหตุนี้จึงดำเนินตามแผนการทันที!
……
……
ตอนนี้ภาพยนตร์ฉายมาถึงช่วงปลายแล้ว พระเอกและนางเอกฝ่าฟันอุปสรรคนานัปการ ในที่สุดก็ทิ้งคนรวยไปครองคู่กัน ทั่วทั้งโรงหนังเต็มไปด้วยเสียงสะอื้นและเสียงพึมพำ รวมไปถึงเสียงพูดคุยถกกันด้วยความแปลกใจ
ไม่กล่าวไม่ได้ว่าพล็อตที่ทิ้งคนมีเงินไปแต่งงานกับคนรักเช่นนี้ ทำให้ซาบซึ้งได้ไม่เลวเลยทีเดียว
พระเอกนางเอกก็ไม่เลวเลย ฉินเยว่ดูแล้วก็รู้สึกสะเทือนใจไปด้วย
เฉินชางและฉินเยว่จับมือกันแน่น ดวงตาจ้องมองไปที่อีกฝ่าย
แสงสีอันมืดสลัวในโรงหนัง เสียงเพลงซึ้งๆ ที่กำลังบรรเลง สิ่งเหล่านี้ทำให้ทั้งสองรู้สึกดำดิ่งไปกับความรักอย่างง่ายดาย พานให้เกิดสิ่งที่เรียกว่าแรงกระตุ้น
ใบหน้าของทั้งคู่ขยับเข้าหากัน เฉินชางกัดฟัน มองฉินเยว่ด้วยสายตาลึกซึ้ง เขาต้องการจุมพิต…
ฉินเยว่ตื่นเต้นแทบตายแล้ว เธอตื่นเต้นมากจริงๆ!
นี่เป็นจูบแรกของเธอ
เธอเคยคิดมาหลายครั้งแล้วว่าจูบแรกของเธอจะเกิดในสถานการณ์เช่นไร จะเกิดกับคนแบบไหน ทว่าเมื่อเผชิญหน้ากับเฉินชาง เธอกลับรู้สึกว่าเป็นแบบนี้ก็ไม่เลวเลย
เธอสัมผัสได้ถึงลมหายใจของเฉินชางที่เริ่มขยับเข้ามาใกล้ ยามที่ลมหายใจของเขากระทบลงบนหน้า ทำให้เธอรู้สึกร้อนรุ่ม
ชั่วขณะนั้นฉินเยว่รู้สึกกังวล เคร่งเครียด ไม่สบายใจ และคาดหวัง!
เธอหลับตาลง รอคอยสิ่งที่จะมาถึงในอีกไม่นาน!
ความจริงเธอรอมาหลายปีแล้ว รอตั้งแต่อายุสิบเจ็ดที่ยังไม่รู้จักความรัก เป็นวัยที่เริ่มดูหนังโรแมนติก เมื่อเวลาผ่านไป คนรอบตัวก็พากันแต่งงานไปทีละคนสองคน บางคนก็หย่าร้าง
ชั่วขณะนี้ เธอรู้สึกราวกับเวลาหยุดเดิน
เธอเกือบจะได้รับสัมผัสอันอ่อนโยนของเฉินชางอยู่แล้วเชียว
แต่ในตอนนี้เอง! เสียงโทรศัพท์ก็ดังเสียดหู!
ฉินเยว่และเฉินชางชะงักไปทันที!
โทรศัพท์ของทั้งคู่ดังขึ้นพร้อมกัน
ทั้งสองสีหน้าเปลี่ยนไปโดยพลัน
แผนกฉุกเฉินหรือ
นี่มันจะไร้เหตุผลไปหรือเปล่า ทำไมถึงดังพร้อมกันได้ล่ะ
ต่อจากนั้นน่ะหรือ ก็กระอักกระอ่วนสิ!
รับโทรศัพท์เถอะ!
เฉินชางหยิบโทรศัพท์ออกมาคุยเสียงเบา
เพิ่งกดรับก็ได้ยินเสียงพยาบาลเวรดังขึ้นว่า “หมอเฉินคะ ตอนนี้แผนกฉุกเฉินมีผู้ป่วยคนหนึ่ง หมอหวังวินิจฉัยไม่ได้…ตอนนี้คุณสะดวกมาหรือเปล่าคะ”
เฉินชางชะงักไปแล้ว!
สะดวกหรือเปล่าน่ะหรือ
ดูเหมือนไม่ค่อยสะดวกนะ
วินิจฉัยไม่ได้ก็ส่งเรื่องขอรักษาร่วมสิ
ผมเฉินชางกลายเป็นคนที่แผนกขาดไม่ได้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
เฉินชางรู้สึกอยากบีบโทรศัพท์ให้ระเบิดจริงๆ แต่หนังก็จบแล้ว ไปดูหน่อยแล้วกัน
“สาหัสหรือเปล่าครับ”
พยาบาลขมวดคิ้ว “ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ…”
เฉินชางชะงักไป นี่มันจะไม่เป็นมืออาชีพเกินไปหรือเปล่า
ทางด้านฉินเยว่เมื่อรับโทรศัพท์แล้วก็พบว่าได้รับคำพูดแทบจะเหมือนกัน
ทั้งสองสบตากัน ตัดสินใจว่าจะไปดูเสียหน่อย
หากเทียบกับเฉินชางแล้ว คนที่เกรี้ยวกราดที่สุดต้องยกให้ฉินเยว่แน่นอน ทว่าตอนที่ได้ยินเสียงของพยาบาลเสี่ยวหลิน ฉินเยว่ก็รู้สึกสิ้นไร้หนทาง
ไม่ง่ายเลยกว่าการรอคอยของเธอจะมาถึง…
โกรธมาก!
ทำยังไงดี!
ฉินเยว่มองเฉินชางด้วยใบหน้าแดงก่ำ เฉินชางก็มีท่าทีกระอักกระอ่วน
ช่างเถอะ ช่างเถอะ!
ทั้งสองรีบออกไปเรียกรถ มุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลอันดับสองทันที
บนรถ เฉินชางและฉินเยว่รู้สึกแปลกๆ พวกเขาได้รับโทรศัพท์จากแผนกฉุกเฉินอยู่บ่อยๆ แต่ครั้งนี้กลับรู้สึกเหมือนมีบางอย่างไม่ถูกต้อง แต่ไม่ถูกต้องอย่างไรก็บอกไม่ถูก
ทว่าตอนนี้ทั้งคู่จะยังมีอารมณ์มาจุ๊บๆ กันอีกที่ไหนล่ะ
ถึงอย่างไรพวกเขาก็แสร้งทำเป็นมีอารมณ์จุ๊บกันไม่ลงแล้ว
ตอนนี้ใจของฉินเยว่คิดหาวิธีมากมาย เธอต้องกลับไปหารือกับเหล่าฉินเรื่องย้ายตำแหน่งสักหน่อยแล้ว จะต้องย้ายไปแผนกที่สบายๆ หน่อย
จะเป็นแผนกศัลยกรรมก็ได้ แต่ต้องไม่ยุ่งเกินไป
เธอจะเอาอย่างคุณแม่ได้หรือเปล่านะ
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ฉินเยว่ก็ตัดสินใจแล้วว่าพอกลับถึงบ้านจะไปปรึกษากับคุณแม่สักหน่อยว่าจะทำให้ตนบรรลุเป้าหมายได้อย่างไร
รถคันนี้ขับค่อนข้างเร็ว เพียงไม่นานก็มาถึงหน้าประตูโรงพยาบาลแล้ว
เฉินชางและฉินเยว่รีบวิ่งไปยังห้องโถงของแผนกฉุกเฉิน พบว่าเสี่ยวหลินนั่งอยู่ตรงเคาน์เตอร์พยาบาลดูเหมือนกำลังเตรียมข้อมูลสำหรับแลกเวรวันต่อไปหรืออะไรบางอย่าง ส่วนพยาบาลน้อยที่อยู่ข้างๆ ก็กำลังยุ่งอยู่กับการจัดยา
นี่มันบรรยากาศฉุกเฉินบ้านไหนวะครับ
เฉินชางโกรธจนแทบกระอัก!
โอกาสที่สร้างมาอย่างยากลำบากถูกทำลายลงเช่นนี้น่ะหรือ
เฉินชางมองเสี่ยวหลิน “มีผู้ป่วยไม่ใช่หรือครับ เป็นยังไงบ้างครับ”
เสี่ยวหลินชะงักไป “อ๋อ ผู้ป่วยอยู่ในห้องหมอค่ะ หมอหวังกำลังวินิจฉัยอยู่ค่ะ เมื่อครู่มีผู้ป่วยที่ต้องเย็บแผลอยู่หลายคน หมอหวังยุ่งจนรับมือไม่ไหว แต่นี่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ หรือเร่งด่วนอะไรมากมาย หมอหวังคงรู้สึกไม่ดีหากจะไปรบกวนหัวหน้าแผนก สุดท้ายก็ได้แต่โทรหาคุณกับหมอฉินเพราะพวกคุณสองคนอยู่แถวๆ นี้น่ะค่ะ”
อืม พวกเขาฝืนรับข้ออ้างนี้อย่างไม่เต็มใจ!
เฉินชางและฉินเยว่เดินตรงไปที่ห้องหมอ เพิ่งจะเข้าไปในห้องพวกเขาสองคนก็ต้องหน้าเปลี่ยนสี เมื่อพบว่าขาของชายคนหนึ่งกลายเป็นสีม่วงดำไปแล้ว!
ตั้งแต่เข่าถึงข้อเท้า ทั้งสองด้านเป็นสีม่วงเล็กน้อย!
ที่แท้ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นหรอกเหรอเนี่ย
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เฉินชางก็เดินขึ้นหน้าไปด้วยใบหน้าเคร่งขรึมจริงจัง