เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 38 พวกเรามาหาหมอเฉิน
เฉินชางเพิ่งเดินออกมาจากห้องผ่าตัด เข้าไปในลิฟท์ จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงแจ้งเตือนดังขึ้น
[ติ๊ง! ค่าความรู้สึกดีของอันเยี่ยนจวิน -1!]
[ติ๊ง! ค่าความรู้สึกดีของหวังเชียน -1!]
เฉินชางชะงักไปโดยพลัน!
อะไรเนี่ย?
นี่มันสถานการณ์อะไรกัน?
สองศิษย์อาจารย์คู่นี้คิดจะทำอะไรผม?
หรือว่า…กำลังหึง?
เฉินชางคิดถึงความเป็นไปได้นี้
พริบตานั้น ในสมองของเขาก็เกิดภาพเรื่องราวของ…คู่รักคู่แค้นที่กำลังแย่งชิงตน ศิษย์อาจารย์ขัดแย้งกัน…ภายหลังเกิดความรักลึกซึ้ง เป็นอุปสรรคต่อความก้าวหน้าในวิชาแพทย์ สุดท้ายจากรักตนก็กลับกลายเป็นความแค้น ส่วนศิษย์อาจารย์ทั้งสองก็เปลี่ยนจากศัตรูเป็นมิตรอะไรประมาณนั้น
อา…
นิยายเรื่องนี้ ไม่แน่ว่าอาจเขียนได้หลายหมื่นตัวอักษรเลยทีเดียว โดยรวมแล้วก็เหมือนกับที่พูดออกมา
ฉันนี่มันเป็นคนมีความสามารถจริงๆ เป็นพวกยอดฝีมืออะไรประมาณนั้น
เฉินชางลงลิฟท์พลางฮัมเพลงไปด้วย
…………
…………
ตอนนี้ภายในห้องโถงแผนกฉุกเฉินกำลังอยู่ในความสับสนอลหม่าน
มีคนกลุ่มหนึ่งนั่งอยู่บนพื้นของห้องโถงแผนกฉุกเฉิน ถูกต้อง นั่งอยู่ในห้องโถงใหญ่โดยไม่ได้ก่อเรื่องอะไร ทำแค่นั่งอยู่แบบนั้น นั่งบนพื้นโดยไม่กลัวว่าก้นจะเย็น
คนกลุ่มนี้เป็นพวกตัวใหญ่มือหนา ล้วนเป็นชายฉกรรจ์หน้าตาโหดเหี้ยมอายุประมาณสามสิบสี่สิบปี นั่งอยู่บนพื้นอย่างเปิดเผย รอยสักบนร่างสวยมาก ไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรกันอยู่
คนกลุ่มนี้สวมชุดคล้ายเครื่องแบบนักโทษ สภาพเหมือนกำลังถ่ายหนังอยู่ แต่ละคนดูไม่น่าไว้ใจ
ในฐานะที่เป็นหัวหน้าพยาบาล เถียนเซียงหลานคงไม่อาจปล่อยให้พวกเขานั่งกางเกงลากพื้นอยู่แบบนี้ได้หรอกนะ?
มิฉะนั้นเงินเดือนของพนักงานทำความสะอาดก็จ่ายฟรีน่ะสิ?
แน่นอนว่าสาเหตุสำคัญเป็นเพราะจะส่งผลกระทบไม่ดี ถึงอย่างไรที่นี่ก็เป็นโรงพยาบาล ความสัมพันธ์ของหมอและคนไข้ค่อนข้างละเอียดอ่อน มักจะเกิดข่าวลือและปัญหาได้ง่าย
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เถียนเซียงหลานก็รีบเดินออกมา “สวัสดีค่ะ พวกคุณมีอะไรให้ดิฉันช่วยไหมคะ? นั่งพื้นแบบนี้ไม่ค่อยสบายหรือเปล่าคะ? พวกเรามีเก้าอี้อยู่ทางด้านนี้ ไปนั่งบนเก้าอี้กันเถอะค่ะ บนพื้นมันเย็น”
ชายที่เป็นหัวหน้าสักลายเสือพาดหน้าไปครึ่งหนึ่ง บริเวณหน้าอกแขวนสร้อยหยกกวนอูอันใหญ่ เอ่ยขึ้นว่า “ถ้าพวกเราไม่ได้พบหมอเฉินพวกเราก็ไม่ลุก!”
เถียนเซียงหลานพูดอย่างจนใจ “หมอเฉินผ่าตัดอยู่ค่ะ จริงๆ นะคะ!”
ชายคนนั้นส่ายหน้า “พวกเราไม่เชื่อหรอก หมออย่างพวกคุณชอบใช้เรื่องผ่าตัดมาอ้างทั้งนั้น!”
เถียนเซียงหลานชะงักไป เรื่องนี้คุณก็รู้เหรอ? เป็นคนมีไหวพริบจริงๆ!
“หมอเฉินผ่าตัดอยู่จริงๆ ค่ะ พวกคุณนั่งบนพื้นแบบนี้คิดจะทำอะไรคะ?”
ชายคนนั้นไม่ได้พูดอะไร กลับเป็นชายสวมแว่นด้านหลังที่เงยหน้าขึ้น “พวกผมนั่งบนพื้นครู่เดียวคงไม่ผิดกฎโรงพยาบาลหรอกนะครับ? แล้วก็ไม่ส่งผลกระทบกับข้อกำหนดในการปฎิบัติตัวในที่สาธารณะด้วยใช่ไหมครับ? แล้วก็ไม่ได้ผิดกฎหมายด้วยใช่ไหมครับ?”
เถียนเซียงหลานรีบพูดขึ้นทันที “ไม่ใช่ค่ะ ไม่ใช่แบบนั้น!”
จ้าวหู่ชิวเงยหน้าขึ้น “ถ้าหมอเฉินมาพวกผมก็ลุกแล้วละครับ! ถ้าวันนี้ไม่มา พวกผมก็นั่งอยู่ทั้งวัน เฮ้พี่น้อง จะกินอะไรดี ฉันสั่งมาให้กินดีรึเปล่า? กินหม้อไฟดีไหม?”
เถียนเซียงหลานรู้สึกเหมือนมีนกฝูงหนึ่งบินผ่านหัว
เถียนเซียงหลานถามว่า “พวกคุณมาหาหมอเฉินด้วยเรื่องอะไรคะ?”
จ้าวหู่ชิวตบที่แผลบนหน้าอก “คุณว่ามาทำอะไรล่ะ!”
ลูกน้องที่อยู่ด้านหลังเลียนแบบลูกพี่ พากันตบหน้าอก “คุณว่ามาทำอะไรล่ะ!”
เถียนเซียงหลานแทบอยากยกมือถือขึ้นมาโทรหาตำรวจ ปกติเหล่าเฉินดูไม่เหมือนคนแบบนี้นะ?
เขาคนเดียวไปซ้อมคนไว้มากมายแบบนี้เลยหรือ?
เหล่าเฉินโหดเหี้ยมขนาดนี้เชียว?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เถียนเซียงหลานก็หยิบมือถือขึ้นมา เตรียมกดโทรหาตำรวจ…
จ้าวหู่ชิวพูดต่อไป “แน่นอนว่ามาเย็บแผลไงล่ะครับ หมอเฉินเย็บแผลได้ดี วันนี้พวกผมเลยเจาะจงมาหาเขา แล้วยังนำของขวัญมาด้วย”
เขาพูดพลางหยิบกล่องที่อยู่ด้านข้างขึ้นโบกไปมา
เถียนเซียงหลานได้ยินว่ามาหาหมอจึงวางใจลงได้ มาหาหมอก็ดีแล้ว
แผนกฉุกเฉินค่อนข้างวุ่นวาย มักจะมีคนเข้าๆ ออกๆ ดังนั้นแผนกฉุกเฉินจึงเตรียมหน่วยรักษาความปลอดภัยไว้หลายคน
แต่ว่า…หน่วยรักษาความปลอดภัยเหล่านี้กลับนั่งก้มหน้าหลบตา เพราะอย่างไรคนอื่นเขาก็ไม่ได้ก่อเรื่อง
ยิ่งไปกว่านั้น!
ต่อให้คนอื่นเขาก่อเรื่อง ผมก็สู้ไม่ได้หรอก ใช่ไหมล่ะ?
แน่นอนว่า สิ่งแรกที่ผมจะทำก็คือโทรหาตำรวจ
คุณลุงฉินไท่ซานหน่วยรักษาความปลอดภัยอายุห้าสิบแปดปีถอนใจ มองไปที่ชายฉกรรจ์กลุ่มนั้น กำโทรศัพท์โนเกียในมือแน่น บนหน้าจอมีหมายเลข 110 ปรากฏอยู่ แต่ยังไม่ได้กดโทรออก
ตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ป่วยและหมอค่อนข้างตึงเครียด สิ่งสำคัญที่หน่วยรักษาความปลอดภัยสิ่งที่ต้องทำก็คือดำเนินไปตามกฎระเบียบ ถ้าคุณคิดให้หน่วยรักษาความปลอดภัยปกป้องคุณจริงๆ คงเป็นไปไม่ได้แน่นอน
อย่างไรเสียคนอื่นเขาก็รับเงินเดือนของหน่วยรักษาความปลอดภัย จะให้ใช้ชีวิตแบบบอดี้การ์ดก็คงไม่ได้
เถียนเซียงหลานรีบกดโทรหาเฉินปิ่งเซิง “เหล่าเฉิน ผ่าตัดเสร็จหรือยังคะ? รีบมาที่นี่หน่อยค่ะ มีคนกลุ่มใหญ่รอคุณอยู่ที่ห้องโถง”
เฉินปิ่งเซิงกดวางสาย ในสมองคิดถึงคำว่า “กลุ่มใหญ่” นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
เขารีบมาที่ห้องโถงใหญ่ เถียนเซียงหลานก็รีบเดินมาหา “เหล่าเฉิน คนกลุ่มหนึ่งมารอคุณอยู่ที่ห้องโถงแล้วค่ะ คุณไม่ได้ไปหาเรื่องใครไว้ใช่ไหม? ฉันดูแล้วคนพวกนั้นไม่เหมือนคนดีเลยค่ะ!”
เฉินปิ่งเซิงขมวดคิ้ว “เปล่านะครับ? ผมอายุเท่าไหร่แล้ว จะไปหาเรื่องใครได้อีกล่ะ?”
เถียนเซียงหลานเองก็รู้สึกแปลกใจ “งั้นหรือคะ? แต่พวกเขาเจาะจง บอกว่ามาหาหมอเฉิน!”
เฉินปิ่งเซิงพูดต่อ “ไปเถอะครับ ไปดูกันหน่อย”
เถียนเซียงหลานเดินตามไปที่ห้องโถง
หลังจากมาถึง เถียนเซียงหลานก็พูดกับทุกคนว่า “สวัสดีค่ะ หมอเฉินมาแล้ว! ทุกท่านรีบลุกขึ้นเถอะค่ะ”
ทุกคนได้ยินพลันดวงตาเปล่งประกาย รีบหันมาเงยหน้าขึ้นมอง แต่กลับเห็นชายวัยกลางคนเดินมา
จ้าวหู่ชิวขมวดคิ้วทันที “พวกเรามาหาหมอเฉิน!”
เถียนเซียงหลานพูดอย่างจริงจัง “ใช่ค่ะ นี่คือหมอเฉินแห่งแผนกฉุกเฉินของพวกเรา!”
จ้าวหู่ชิวส่ายหน้า “ไม่ใช่เขา!”
เถียนเซียงหลานพูดอย่างแน่วแน่ “ฉันคือหัวหน้าพยาบาลของแผนกฉุกเฉิน ฉันรับประกันได้เลยว่าแผนกของพวกเรามีหมอเฉินคนเดียว!”
เฉินปิ่งเซิงพยักหน้า!
“ใช่แล้วครับ ผมคือเฉินปิ่งเซิง หมอเฉิน!”
ตอนนี้เองพลันมีเสียงซุบซิบดังจากด้านล่าง!
“ลูกพี่ ไม่ใช่มั้งครับ? คราวที่แล้วพวกเราก็มาที่นี่! ผมจำได้แม่น!”
“จำได้บ้านแกสิ ครั้งที่แล้วดื่มไปขนาดนั้นยังจะจำอะไรได้อีก!”
จ้าวหู่ชิวหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดแชทในกลุ่มเพื่อน กดเข้าไปยังรายชื่อที่ถูกบันทึกไว้ว่า “งูน้อย”
เลื่อนดูไทม์ไลน์จนเห็นในที่สุด
“มังกรของโมนาลิซ่า ผลงานของปรมาจารย์เฉิน!”
เขาดูสัญลักษณ์บนเตียงที่อยู่ด้านหลังจางต้าหลง เป็นสัญลักษณ์ของโรงพยาบาลอันดับสองของจังหวัดไม่ผิดแน่!
ตอนนี้เอง ฉางลี่น่าจึงพูดกับเถียนเซียงหลานเสียงเบาว่า “หัวหน้าพยาบาลคะ บางทีพวกเขาอาจมาหาหมอเสี่ยวเฉินก็ได้นะคะ!”
เถียนเซียงหลานชะงักไป “เสี่ยวเฉิน?”
ฉางลี่น่าพยักหน้า!
เถียนเซียงหลานส่ายหน้า “ไม่น่าเป็นไปได้นะคะ?”
จ้าวหู่ชิวยืดตัวพูดว่า “คนที่พวกผมมาหายังหนุ่มอยู่ ตัวสูงหน่อย หน้าหล่อ ผมเยอะกว่าคนคนนี้”
เฉินปิ่งเซิงชะงักไปทันที!
เขารู้แล้วว่าใคร!
แต่ว่า…เขาไม่พอใจกับคำที่อีกฝ่ายใช้บรรยายตัวเองจริงๆ!
ถึงอย่างนั้นเมื่อเห็นชายฉกรรจ์กลุ่มนี้ เฉินปิ่งเซิงก็ยังรู้สึกจนใจ ทว่าเมื่อคิดถึงเฉินชางก็ต้องยิ้มแฉ่งออกมา