เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 383 ที่รัก ผมไม่อยากดิ้นรนแล้ว!
บทที่ 383 ที่รัก ผมไม่อยากดิ้นรนแล้ว!
เถามี่ได้รับเชิญให้มาร่วมการผ่าตัดในครั้งนี้ด้วย นี่เป็นกิจกรรมแลกเปลี่ยนทีมผ่าตัดของโรงพยาบาลตงต้า มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทีมหมอระหว่างสองฝ่ายเพื่อส่งเสริมซึ่งกันและกัน
การผ่าตัดเคสนี้ หัวหน้าและรองหัวหน้าแผนกศัลยกรรมหัวใจของโรงพยาบาลตงต้าเข้าร่วมด้วย คนสิบกว่าคนยืนรวมตัวกันอยู่ภายในห้องผ่าตัดเพื่อร่วมกันผ่าตัดและแลกเปลี่ยนความรู้
เฉินชางย่อมไม่มีโอกาสได้เห็นภาพเช่นนี้แน่นอน เขาไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะไปยืนดูการผ่าตัดในห้องสังเกตการณ์ ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น กระทั่งเก่อฮว๋ายก็ยังไม่มีคุณสมบัติมากพอเช่นเดียวกัน
นอกจากพวกเขาแล้ว ยังมีหมอน้อยอีกสามคนที่นั่งดูไลฟ์สดอยู่ในห้องทำงานของแผนกอย่างขยันขันแข็ง ถึงอย่างไรก็เห็นชัดเหมือนกัน เพียงแต่ไม่ได้บรรยากาศเหมือนอยู่ในห้องผ่าตัดเท่านั้นเอง
เก่อฮว๋ายทอดถอนใจออกมา “เฮ้อ หัวหน้าเถามี่เป็นหมอมากฝีมือด้านการผ่าตัดหัวใจและหลอดเลือดในมณฑลตงหยางของพวกเรา! น่าเสียดายที่ไม่ได้ดูการผ่าตัดของเขาใกล้ๆ”
เพื่อนร่วมงานที่อยู่ข้างๆ พยักหน้า “ใช่แล้ว ตอนผมเพิ่งเข้ามาทำงาน เคยร่วมผ่าตัดกับหัวหน้าเถาครั้งหนึ่ง ครั้งนั้นผมได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างเลยนะครับ!”
เพื่อนร่วมงานอีกคนหนึ่งก็ถอดใจออกมาเช่นกัน “เฮ้อ! ไต่เต้ามาถึงระดับรองหัวหน้าแพทย์ได้ก็ดีแล้ว ที่โรงพยาบาลของพวกเรา หากตำแหน่งไม่ถึงระดับรองหัวหน้าแพทย์ พูดออกไปก็ขายหน้าคนอื่นเปล่าๆ”
คำพูดนี้ทำให้ทั้งสามพากันถอนใจออกมารัวๆ! แต่เฉินชางกลับกลอกตาด้วยความขุ่นเคือง
ตอนนี้ผมเพิ่งเป็นแพทย์ดูแลไข้นะโอเคไหม ช่วยเกรงใจจิตใจอันบอบบางของแพทย์ดูแลไข้บ้างเถอะ
แผนกศัลยกรรมหัวใจของโรงพยาบาลตงต้าเป็นแผนกที่มีความสําคัญระดับชาติ หากคิดจะเข้ามาย่อมยากเสียยิ่งกว่ายาก! ตอนนี้ก็เปิดรับสมัครบุคลากรที่มีวุฒิการศึกษาระดับปริญญาเอกขึ้นไปเท่านั้น!
ตามกฎระเบียบการแพทย์แห่งชาติ หากคิดจะไต่เต้าไปถึงระดับรองหัวหน้าแพทย์ซึ่งก็คือระดับรองหัวหน้าแผนก หากมีวุฒิการศึกษาระดับปริญญาเอก ใช้เวลาเพียงสองปีก็เข้าร่วมการสอบเพื่อเลื่อนเป็นรองหัวหน้าแพทย์ได้แล้ว คนทั้งสามที่นั่งอยู่ตรงนี้ล้วนสอบผ่านระดับรองหัวหน้าแพทย์กันแล้วทั้งนั้น แต่โรงพยาบาลไม่ได้เรียกตัว!
หมายความว่าอย่างไรน่ะหรือ
นี่หมายความว่าคุณสอบผ่านตำแหน่งรองหัวหน้าแพทย์ในระดับชาติแล้ว แต่ทางโรงพยาบาลมีโควตาตำแหน่งไม่พอจึงไม่ได้จ้างคุณเป็นรองหัวหน้าแพทย์ ยังคงเป็นแพทย์เจ้าของไข้เช่นเดิม
นี่ก็คือตำแหน่งทางการงาน สำหรับโรงพยาบาลแล้ว นอกจากตำแหน่งทางการงานก็ยังมีภาระหน้าที่อยู่อีกอย่างหนึ่ง คือหน้าที่บริหารตามตำแหน่งงาน
ยกตัวอย่างเช่นสือฉี ตอนแรกสือฉีก่อตั้งแผนกศัลยกรรมทรวงอกขึ้นมาจึงได้เป็นหัวหน้าแผนกศัลยกรรมทรวงอก แต่ตำแหน่งทางการงานของเขาไม่ใช่หัวหน้าแพทย์ ดังนั้นตำแหน่งหัวหน้าแผนกและหัวหน้าแพทย์จึงมีความหมายที่แตกต่างกันอยู่เล็กน้อย
หากเทียบกันแล้ว จิ่งหรานจึงจะนับเป็นผู้ประสบความสำเร็จในชีวิต เพิ่งอายุสามสิบต้นๆ ก็ได้เป็นรองหัวหน้าแพทย์และรองหัวหน้าแผนกศัลยกรรมทรวงอกแล้ว มีทั้งตำแหน่งหน้าที่ด้านการบริหาร มีทั้งตำแหน่งด้านการงาน
ส่วนเฉินชางน่ะหรือ…ช่างเถอะ ไม่ต้องพูดถึงก็ได้!
ยังไงซะผมก็อาศัยหน้าตาทำมาหากิน ตำแหน่งทางการงานไม่มีประโยชน์อะไรหรอก อีกอย่างผมมีผู้อำนวยการเป็นลูกพี่ใหญ่ นี่แสดงให้เห็นชัดเจนแล้วไม่ใช่หรือว่าผมก็คือว่าที่หัวหน้าแผนก
ไม่แน่…อาจได้เป็นผู้อำนวยการก็ได้!
คิดถึงตรงนี้ เฉินชางก็กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาหลายส่วน
อยากโพสต์ลงไปในไทม์ไลน์บนวีแชทจริงๆ ว่า ‘รู้หรือเปล่าว่ามีลูกพี่เจ๋งๆ มันให้ความรู้สึกยังไง’
คิดได้ดังนี้ เฉินชางก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา ส่งข้อความไปให้แฟนสาวตัวน้อยที่ตั้งชื่อแชทให้ตัวเองว่า ‘เศรษฐินีฉิน’
“ที่รัก ผมไม่อยากดิ้นรนแล้ว!”
ไม่นานก็ได้ข้อความตอบกลับ “คืนนี้อาบน้ำรอเจ๊ที่โรงแรมเคมปินสกี้ห้อง 802 ได้เลย!”
เฉินชางถูกคำพูดประโยคนี้ของฉินเยว่หยอกเย้าจนหัวเราะร่วน ยัยนี่จะเจ๋งเกินไปแล้ว!
……
……
อันที่จริงไม่ใช่ว่าพวกหลี่เป่าซานไม่ผลักดันเฉินชาง แต่เรื่องตำแหน่งทางการงานพวกเขาก็ไม่มีปัญญาผลักดันเช่นกัน รัฐบาลมีมาตรการเคร่งครัดมาก หากอายุงานไม่ถึงที่กำหนด รัฐบาลก็ไม่อนุญาตให้คุณเข้าสอบ หากคุณไม่ได้สอบก็ไม่มีวันได้รับตำแหน่งทางการงาน
บางทีอาจมีคนสงสัยว่ามีข้อยกเว้นหรือไม่
กล่าวเช่นนี้แล้วกัน ตั้งแต่ยุคเก้าศูนย์เป็นต้นมา ทั่วทั้งประเทศก็ไม่มีใครได้เลื่อนตำแหน่งทางการงานทั้งๆ ที่คุณสมบัติไม่ครบตามกำหนดแม้แต่คนเดียว! เพราะระบบที่โปร่งใส มาจากการมีกฎเกณฑ์เช่นนี้
แม้จะเลื่อนขั้นตำแหน่งทางการงานไม่ได้ แต่ตำแหน่งด้านบริหารยังเลื่อนได้!
เฉินชางคิดไปถึงตอนที่ตนเองได้เลื่อนขั้นจากแพทย์ดูแลไข้เป็นรองหัวหน้าแผนกฉุกเฉิน คิดถึงตอนที่เฉินปิ่งเซิงเรียกตนเองว่า ‘หัวหน้าเฉิน’ พลันรู้สึกสบายไปทั้งตัว…
ดูท่าทางต้องรีบเอาอกเอาใจลูกพี่ใหญ่ซะแล้ว
……
เก่อฮว๋ายมองเฉินชางแปลกๆ อดถามไม่ได้ว่า “เสี่ยวเฉิน ทำไมตอนแรกคุณไม่ลงทะเบียนกับหัวหน้าเถาล่ะครับ หัวหน้าเถาทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลของคุณ หากลงเรียนกับเขาคงสะดวกกว่า!”
เฉินชางถอนใจออกมาอีกครั้ง ผมบอกคุณได้หรือว่าถ้าเรียนกับอาจารย์เมิ่งแล้วจะได้อาชีพใหม่
เก่อฮว๋ายเห็นเฉินชางทอดถอนใจเช่นนั้นพลันเข้าใจขึ้นมาทันทีว่ามันเกิดอะไรขึ้น
คงเป็นเพราะหัวหน้าเถาไม่ชอบเสี่ยวเฉินสินะ!
เมื่อคิดได้ดังนี้ เก่อฮว๋ายก็รีบปลอบใจ “เฮ้อ เสี่ยวเฉิน คุณอย่าเศร้าไปเลย หัวหน้าเถาจะมาตรฐานสูงก็เป็นเรื่องปกติ เขาเป็นคนระดับไหนแล้ว สุดยอดพอๆ กับหัวหน้าซย่าของพวกเรานั่นแหละ ถ้าคุณจะเลือกเขาก็ต้องยากกว่าแน่นอน!”
เพื่อนร่วมงานที่อยู่ข้างๆ ก็พยักหน้าเห็นด้วย “ใช่ๆ เสี่ยวเฉินไม่ต้องเศร้าไปหรอก อีกอย่าง หัวหน้าเมิ่งก็ดีมากเหมือนกัน ติดตามหัวหน้าเมิ่งก็ได้เรียนรู้อะไรไม่น้อยเลยนะครับ”
ทั้งสามพากันกล่าวปลอบใจเฉินชาง
อันที่จริงทุกคนต่างก็คิดว่าเฉินชางดีมาก ทั้งขยันขันแข็งและมีพรสวรรค์สูง
เฉินชางเห็นดังนั้นก็ทำได้เพียงถอนใจอยู่เงียบๆ คนเดียว
เขาจะพูดได้หรือว่าความจริงเถามี่อดรนทนไม่ไหวที่จะแย่งตนไปจากอาจารย์เมิ่ง ยิ่งไปกว่านั้นเขาบอกได้เลยว่าหัวหน้าเถายังต้องการการสั่งสอนและฟูมฟักจากตนอีกมาก
ช่างเถอะ ช่างมันเถอะ!
เฉินชางคิดว่าหากตนพูดออกไป พวกเขาต้องเข้ามาอัดตนแน่ๆ
เก่งเกินไปมักจะทำให้คนอื่นอิจฉาได้ง่าย!
เกิดเป็นคนถ่อมตัวสักหน่อยย่อมดีกว่า!
สุภาษิตนั้นพูดว่าอย่างไรนะ
จงซ่อนคมในฝัก!
ใช่แล้ว! คนเราจะต้องซ่อนความสามารถเอาไว้ให้ดี
ตอนนี้เอง เก่อฮว๋ายชี้ไปที่หน้าจอแล้วพูดว่า “เอาละๆ การผ่าตัดกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว!”
……
……
เถามี่ยืนอยู่ในห้องผ่าตัด เมื่อเห็นว่าท่ามกลางคนที่ยืนล้อมอยู่รอบด้านมีหัวหน้าแผนกและรองหัวหน้าแผนกศัลยกรรมหัวใจอยู่ด้วยก็อดยิ้มไม่ได้ วันนี้เป็นวันที่พวกคุณจะได้เปิดโลกแล้ว!
หลายวันมานี้ พูดได้เลยว่าเถามี่พยายามอย่างหนักทั้งวันทั้งคืนเพื่อเตรียมตัวสำหรับวันนี้ให้ดีที่สุด คำแนะนำที่เฉินชางมอบให้เขาในตอนนั้น เขาก็จดใส่สมุดเอาไว้ทั้งหมดแล้ว
เขาพิจารณาและใคร่ครวญไม่หยุดหย่อน พัฒนาฝีมือของตนเองไม่หยุดหย่อน ทั้งหมดก็เพื่อวันนี้!
ซย่าเกาเฟิงมองเถามี่ แย้มยิ้มออกมาเล็กน้อย “หัวหน้าเถา วันนี้ลำบากคุณแล้วนะครับ!”
เถามี่ยิ้มพลางโบกมือ “คำพูดเกรงใจพวกนี้ไม่ต้องพูดหรอกครับ พวกเราเตรียมตัวผ่าตัดเถอะ ขอผลเอกซเรย์ให้ผมดูหน่อยครับ”
ทันใดนั้นก็มีคนนำบันทึกประวัติผู้ป่วยเข้ามาให้
เถามี่เปิดอ่าน ดูผลการเอกซเรย์ จากนั้นก็หยิบภาพเอกซเรย์ทรวงอกและภาพ CT Scan ออกมาดูพลางพิจารณาว่าจะผ่าเปิดเช่นไรดี
เถามี่เป็นหัวหน้าแผนกที่มีประสบการณ์มากมาย และเพราะเขามีประสบการณ์มาก ข้อแนะนำเพียงเล็กน้อยของเฉินชางในตอนนั้นจึงทำให้เขานำไปคิดใคร่ครวญและพลิกแพลงต่อยอดได้มากมาย เมื่อมาถึงตอนนี้ย่อมคิดอะไรได้หลายอย่าง
เวลาผ่านไปหลายนาที เถามี่มีความคิดเกี่ยวกับการผ่าตัดคร่าวๆ แล้ว เขาจึงเดินออกไปล้างมือเพื่อเตรียมตัวผ่าตัด!
ผู้ป่วยถูกเข็นเข้ามา เมื่อเห็นว่าในห้องมีหมอเก่งๆ อยู่มากก็ตกใจไม่น้อย
นี่จะทำอะไรกันน่ะ
มีหมอมากขนาดนี้เชียว…
เขาเคยเห็นการผ่าตัดใหญ่โตขนาดนี้ที่ไหนกัน!
ตามความคิดของผู้ป่วย การผ่าตัดเล็กๆ ย่อมทำได้ง่าย แต่ว่า…เมื่อเห็นหมอในชุดผ่าตัดสีเขียวสิบกว่าคนยืนอยู่ในห้องก็ทำเอาเขาหวาดผวาแทบตาย
“หัวหน้าซย่า…นี่…จะทำอะไรกัน ทำไมมีหมอมากขนาดนี้ล่ะครับ” ผู้ป่วยเกิดความหวาดระแวงเล็กน้อยจึงรีบถามออกไป
ซย่าเกาเฟิงยิ้มตอบ “เมื่อวานผมบอกคุณแล้วไม่ใช่หรือครับว่าผมเชิญหัวหน้าเถาจากโรงพยาบาลอันดับสองมาผ่าตัดให้คุณ หมอคนอื่นๆ มาดูเพื่อเรียนรู้น่ะครับ!”
ชายคนนั้นได้ยินจึงผ่อนคลายไปได้บ้าง อารมณ์ก็มั่นคงขึ้นมาก
หลังจากเตรียมตัวพร้อมแล้ว วิสัญญีแพทย์ก็เริ่มงาน การผ่าตัดเริ่มต้นขึ้นแล้ว!
ซย่าเกาเฟิงกำชับว่า “หัวหน้าเถา ตอนนี้บริเวณที่เป็นพังผืดของผู้ป่วยขยายตัวไปมากแล้ว ผมคิดว่าจะต้องใช้พื้นที่ผ่าตัดมากหน่อยถึงจะดีนะครับ! ดังนั้น…หากจะผ่าเปิด…”
แต่ทางด้านเถามี่กลับแย้มยิ้มออกมาเล็กน้อย!
คราวที่แล้วเฉินชางเคยสอนเขามาแล้วว่าจะกรีดขวางตามแนวหน้าอกอย่างไร คิดไม่ถึงว่าจะได้ใช้งานเร็วขนาดนี้!
คิดได้ดังนี้ เถามี่ก็หยิบมีดผ่าตัดขึ้นมา แล้วเริ่มลงมือ!
การลงมีดของเขาทำให้คนที่อยู่รอบๆ ขมวดคิ้วเล็กน้อย
ผ่าอะไรแบบนั้นน่ะ