เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 394 ผู้กินอิ่มท้องไม่เข้าใจความรู้สึกของผู้หิวโหย (Part1)
- Home
- เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ
- บทที่ 394 ผู้กินอิ่มท้องไม่เข้าใจความรู้สึกของผู้หิวโหย (Part1)
บทที่ 394 ผู้กินอิ่มท้องไม่เข้าใจความรู้สึกของผู้หิวโหย (Part1)
คำว่า ‘ผายลม’ ของจางจื้อซินทำให้ห้องผ่าตัดจมลงสู่บรรยากาศกระอักกระอ่วนและจนใจ
แต่ก็ยังดี เทียบกันแล้วดีกว่าความตื่นตระหนกและวิตกกังวลในตอนแรกมาก อย่างน้อยผู้ป่วยที่นอนอยู่บนเตียงก็ไม่มีปัญหา!
ทุกคนผ่อนลมหายใจ จากนั้นก็สูดหายใจลึก…
แต่เมื่อคิดถึงคำพูดของจางจื้อซินเมื่อครู่นี้ ก็รีบกลั้นหายใจทันที!
จะอย่างไรก็ทำใจหายใจไม่ลงจริงๆ!
กระทั่งหัวหน้าแผนกวิสัญญีก็ยังกระแอมออกมา แอบเดินออกไปสูดอากาศหลังประตูเลยทีเดียว!
แม่งโคตรเหม็น!
เหม็นเหมือนลำไส้อุดตัน!
ตอนเช้ากินอะไรมาเนี่ย ทำไมเหม็นได้ขนาดนี้
คิดถึงตรงนี้ก็รู้สึกเหมือนหัวใจกระตุก พยาบาลน้อยหลายคนอยากหัวเราะก็ไม่กล้าหัวเราะ ส่วนพวกจางโหย่วฝูดีกว่ามาก ถึงอย่างไรพวกเขาก็ชินกับกลิ่นเหม็นเหล่านี้แล้วจึงไม่สนใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้นัก ที่สำคัญก็คือ จางจื้อซินจะ…ผายลมผิดเวลาเกินไปหรือเปล่า
ต้องทราบว่าในการผ่าตัด ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเอามาเป็นข้อมูลและผลสะท้อนกลับได้ทั้งสิ้น
กลิ่นก็บอกอะไรได้มากมาย
จางโหย่วฝูถลึงตาใส่จางจื้อซินอย่างดุดัน จางจื้อซินให้ได้แต่ยิ้มแห้งๆ หากเขามีระบบ ตอนนี้คงถูกแจ้งเตือนว่า [ค่าความรู้สึกดี -n] แล้ว
ในที่สุดเฉินชางก็ผ่อนคลายลงได้ บรรยากาศอันตึงเครียดสลายไป
ที่แท้สายตาของเขาก็ไม่มีปัญหา!
……
……
การผ่าตัดดำเนินต่อไปตามปกติ งานของเฉินชางก็คือช่วยถืออุปกรณ์ มีแพทย์ระดับสูงอยู่สองคนย่อมไม่มีโอกาสให้เขาลงมือ อย่างไรเสียหมอทั้งสามก็มีประสบการณ์สูง ทั้งยังเชี่ยวชาญเทคนิคการผ่าตัดมากมาย
การผ่าตัดครั้งนี้ แม้จะมีเรื่องให้ตกใจแต่ก็ไร้อันตราย ในที่สุดก็จบลงอย่างสวยงาม
ความตกใจเพียงอย่างเดียวที่เกิดขึ้นระหว่างการผ่าตัดก็มาจากจางจื้อซิน
เฉินชางกังวลมาก…การผายลมครั้งนี้คงไม่ส่งผลกระทบกับการฟื้นตัวและสุขภาพของผู้ป่วยใช่ไหม
คงไม่ทำให้ช่องท้องติดเชื้อใช่ไหม
คิดถึงตรงนี้ก็อดส่ายหน้าไม่ได้…
ผ่าตัดเสร็จ พวกเฉินชางก็เว้นระยะห่างจากจางจื้อซิน กลัวว่าอีกฝ่ายจะผายลมออกมาอีก ทุกคนก็เป็นหมอ ต่างก็รู้ดีว่าคนที่ผายลมได้เหม็นขนาดนี้ต้องมีรอบสองตามมาแน่นอน ดังนั้นจึงถือโอกาสตีตัวออกหากก่อนเลย
จางโหย่วฝูมองเฉินชาง จู่ๆ ก็คิดถึงเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ จึงถามไปว่า “จริงสิเสี่ยวเฉิน วันเสาร์หน้าจะมีงานสัมมนาประจำปีแล้ว เตรียมตัวหรือยังครับ”
เฉินชางถอนใจด้วยท่าทางจนใจ เขาส่งวิทยานิพนธ์ออกไปแล้วแต่ยังไม่มีการตอบรับ ข้อมูลการรับรองก็ยังไม่ได้รับ ทำให้เขาปวดหัวจริงๆ
ถ้ารู้ว่าจะเป็นเช่นนี้คงไม่ส่งวิทยานิพนธ์ระดับสูงแบบนั้นแน่!
“ทำคลิปผ่าตัดเสร็จแล้วครับ ถ้าต้องบรรยายก็ไม่มีปัญหาอะไร แล้วก็…วิทยานิพนธ์ฉบับแรกที่ส่งไปพร้อมตีพิมพ์แล้วครับ แต่ฉบับที่สองยังไม่มีการตอบรับ…ไม่รู้ว่าจะผ่านหรือเปล่า”
จางโหย่วฝูฟังจบก็ชะงักไป “คุณส่งไปที่ไหน ให้ผมช่วยผลักดันไหมครับ จริงๆ ถ้าไม่ไหวก็ให้หัวหน้าแผนกไปตามเรื่องให้คุณก็ได้ ดูว่าจะขอให้ตรวจเร็วขึ้นได้หรือเปล่า
ผมพอจะคุ้นเคยกับกองบรรณาธิการของนิตยสาร ‘ศัลยกรรมตับและถุงน้ำดีแห่งประเทศจีน’ อยู่นะครับ ก่อนหน้านี้เขาก็นัดเจอผมด้วย อีกอย่าง ผมมีเพื่อนทำงานอยู่ที่นิตยสารอื่นๆ ภายในประเทศไม่น้อย ผมช่วยถามให้คุณได้นะครับ”
จางโหย่วฝูกล่าวจบก็รู้สึกมีหน้ามีตาขึ้นมาทันที
ถึงอย่างไรนิตยสาร ‘ศัลยกรรมตับและถุงน้ำดีแห่งประเทศจีน’ ก็เป็นนิตยสารที่มีชื่อเสียงในวงการศัลยกรรมตับและถุงน้ำดีของประเทศจีน
เฉินชางมีความสามารถสูง วิทยานิพนธ์ที่ส่งไปคงได้พิมพ์ในวารสารหลักแน่นอน! จางโหย่วฝูมีเพื่อนทำงานอยู่ในกองนิตยสารเกี่ยวกับศัลยกรรมตับและถุงน้ำดีภายในประเทศอยู่ไม่น้อยจริงๆ พวกเขาเจอกันในงานสัมมนาประจำปีบ่อยๆ เมื่อเจอกันเรื่อยๆ ก็เริ่มคุ้นเคยกันไปทีละน้อย
ถ้าเฉินชางทำวิทยานิพนธ์ดีๆ ออกมาสองเล่มย่อมมีประโยชน์กับการเลือกตั้ง ดังนั้นจางโหย่วฝูจึงกังวลเช่นนี้
เดิมทีประสบการณ์ในด้านงานคลินิกของเฉินชางก็ไม่มากพออยู่แล้ว หากงานวิจัยยังไม่ดีพออีก ทุกคนคงไม่ยอมรับ
เมื่อเฉินชางได้ยินคำพูดของจางโหย่วฝูก็รู้สึกไม่ค่อยดี แต่เมื่อคิดได้ว่าตอนเขาส่งวิทยานิพนธ์ไปที่นิตยสาร ‘การปลูกถ่ายตับ’ ก็ต้องให้ศาสตราจารย์สวี่โม่ผู้เป็นอาจารย์ของฉินเยว่ไหว้วานคนอื่นถึงจะเข้าสู่กระบวนการการตรวจสอบเร็วขึ้น เฉินชางจึงคิดว่าคำพูดของจางโหย่วฝูอาจเป็นไปได้จริงๆ!
ดังนั้นเขาจึงตื่นเต้นขึ้นมาแล้ว เขายิ้มแห้งๆ ออกมา พูดอย่างไม่สบายใจว่า “หัวหน้าจาง ผมส่งไปที่นิตยสารต่างประเทศครับ…เป็นนิตยสารของประเทศอังกฤษ”
จางโหย่วฝูชะงักไปทันที ถึงกับยิ้มออกมาอย่างเย้ยหยันแล้วพูดว่า “คุณนี่หัวสูงจริงๆ ทำไม ไม่เห็นนิตยสารของประเทศจีนอยู่ในสายตาหรือครับ อันที่จริงตอนนี้ประเทศจีนของพวกเราก็มีอิทธิพลไม่น้อย ได้รับความสำคัญจากหน่วยงานต่างประเทศมากขึ้นทุกวันแล้วนะครับ
อีกอย่าง นิตยสารหลายหัวในต่างประเทศก็ชอบวางมาดใหญ่โตเพื่อตบตาคนอื่น แต่ความจริงไม่ได้มีอิทธิพลมากขนาดนั้น โดยเฉพาะเรื่องการยอมรับในวงการและการวิจัย”
“คุณไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ต่อไปถ้าจะส่งวิทยานิพนธ์ก็มาปรึกษาผมก่อน ผมจะช่วยแนะนำให้”
จางโหย่วฝูพูดอย่างใส่ใจ
แนวโน้มการพัฒนาวารสาร หรือนิตยสารงานวิจัยในประเทศเป็นไปในทิศทางที่ไม่เลวเลย มีอิทธิพลในระดับนานาชาติมากขึ้นเรื่อยๆ ดัชนีผลกระทบอ้างอิง (Impact Factor) ก็สูงขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม วารสารวิจัยจากต่างประเทศไม่ใช่ว่าจะยอดเยี่ยมอะไรมากมาย ความจริงไม่เป็นเช่นนั้นเลย ยังคงมีปัญหาเรื่องการยอมรับในวงการอาชีพอยู่ด้วย
บางทีวารสารงานวิจัยบางอย่างอาจอยู่ในกระแสหลัก ดัชนีผลกระทบอ้างอิงก็ไม่น้อย แต่เมื่อคุณส่งไปแล้วกลับไม่เป็นที่ยอมรับในสายอาชีพ
นี่เป็นเรื่องที่พบได้บ่อยมาก
ดังนั้นจางโหย่วฝูจึงกล่าวเช่นนี้ อีกทั้งเขายังคิดว่าเฉินชางไม่เคยเรียนปริญญาเอกและปริญญาโทจึงไม่ค่อยเข้าใจเรื่องการวิจัยและวิทยานิพนธ์มากนัก ดังนั้นหากจะไม่รู้เรื่องการส่งวิทยานิพนธ์ก็สิ่งที่เข้าใจได้
จางโหย่วฝูมีเจตนาดี อยากช่วยเหลือเฉินชางจริงๆ!
เฉินชางได้ยินดังนั้นก็พยักหน้า “ครับ ต่อไปผมจะไปปรึกษาหัวหน้าจางนะครับ ผมส่งวิทยานิพนธ์ไปที่วรสาร BJS (British Medical Journal) ตอนนี้ยังไม่มีการตอบรับ อาจเป็นไปได้ว่า…ต้องรออีกนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้ ได้ยินว่าการทดสอบเบื้องต้นต้องใช้เวลาหนึ่งเดือนเลยครับ”
เฉินชางเพิ่งพูดจบก็พบว่าห้องทำงานที่เมื่อครู่ยังมีเสียงพูดคุยหัวเราะประปรายเงียบลงทันที
จางโหย่วฝูรู้สึกเหมือนหัวใจกระตุกประหนึ่งกล้ามเนื้อหัวใจตาย กระทั่งจางจื้อซินและเฉินปิ่งเซิงก็สบตากัน ในดวงตาเต็มไปด้วยความขบขัน ได้แต่อดทนไว้ไม่ให้ตนหลุดหัวเราะออกมา
ถึงอย่างไร…วารสาร BJS ก็เป็นวารสารที่ติดท็อปสิบในวงการศัลยกรรมโลก!
เทียบกันแล้วมีอิทธิพลมากกว่าสารสารอื่นๆ อยู่มาก อีกทั้งยังมีประวัติศาสตร์มาร้อยกว่าปี ก่อตั้งเมื่อปี 1913 มีอิทธิพลสูง ค่าดัชนีผลกระทบอ้างอิงในปัจจุบันมากถึงสี่ส่วน
จางโหย่วฝูได้ยินเฉินชางกล่าวดังนั้นก็ตบหน้าผากตนเองทันที “บ้าระห่ำเกินไปแล้ว!”
“BJS เป็นวารสารวิจัยระดับไหนกัน ถึงค่าดัชนีผลกระทบอ้างอิงจะไม่สูง แต่…เป็นวารสารวิจัยที่มีชื่อเสียงมาก ผ่านยาก พวกเขาให้ความสำคัญกับการปรับปรุงวิธีการผ่าตัดให้ดีขึ้นและการคิดค้นวิธีการใหม่ๆ คุณจะกล้าเกินไปแล้ว!”
เฉินชางทอดถอนใจอย่างกระอักกระอ่วน “ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเป็นแบบนี้ รู้งี้ส่งไปที่วารสาร ‘การปลูกถ่ายตับ’ ดีกว่า”
คำพูดนี้ทำให้คนทั้งสามหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก