เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 398 น่ากลัว...น่ากลัว!
บทที่ 398 น่ากลัว…น่ากลัว!
ชายคนนั้นได้ยินคำพูดของเฉินชางก็นิ่งไปทันที ทว่ายังคงพยายามประคองสติเต็มที่ ตั้งอกตั้งใจฟังเฉินชางอธิบายจนจบ อย่างไรก็ตาม ในตอนที่เฉินชางบอกเขาว่าลูกสาวของเขา‘อาจมีอันตรายถึงชีวิตได้ทุกเมื่อ’ร่างกายของเขาก็สั่นระริกจนเห็นได้ชัด ต้องรีบยื่นมือไปเท้าเคาน์เตอร์พยาบาลไว้เพื่อไม่ให้ตนเองล้ม บุหรี่ที่คาบอยู่ในปากถูกกัดจนขาดโดยไม่รู้ตัว ประหนึ่งคนสูญเสียสิ่งค้ำจุน
เฉินชางหน้าเปลี่ยนสี รีบเข้าไปประคองแล้วถามอย่างใส่ใจว่า “ไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ!”
ชายคนนั้นส่ายหัวแรงๆ ฝืนฉีกยิ้มออกมา เพียงแต่รอยเลือดบริเวณมุมปากกลับทำให้เขาดูดุดัน
“ไม่เป็นไรครับ ผมจะเซ็นชื่อรับทราบ”
แม้เขาจะกล่าวเช่นนี้ แต่…มือที่กำปากกายังคงสั่นเทา สิ้นเปลืองเรี่ยวแรงไปมากมายกว่าจะเซ็นชื่อตัวเองออกมาได้ แม้กระนั้นชื่อที่เซ็นออกมา หากเส้นขีดไม่บางเกินไปก็ถูกกดลึกเกินไป บริเวณที่ถูกกดลึกทำเอากระดาษเกือบขาด
เฉินชางรีบกลับไปทำงานต่อ เริ่มติดต่อไปที่ห้องฟอกไต
ทางห้องฟอกไตเริ่มเตรียมตัวตั้งแต่ก่อนรถฉุกเฉินมาถึงแล้ว ตอนนี้เมื่อได้รับโทรศัพท์จึงตอบเฉินชางไปว่า “ส่งมาได้ทุกเมื่อเลยครับ”
งานช่วยชีวิตเช่นนี้จะต้องแข่งกับเวลาทุกวินาที
ก่อนส่งตัวผู้ป่วยไปที่ห้องฟอกไต เฉินชางสั่งไปว่า “ฉีดนิเคธาไมด์ (Nikethamide) ด้วยนะครับ”
นี่เปรียบเสมือนยาแก้พิษ หวังว่า…หวังว่าจะมีประโยชน์
‘ยากระตุ้น’ ก็ใช้ไปแล้ว แต่อาการของผู้ป่วยยังไม่บรรเทา
เขาคิดไปคิดมาจึงพูดขึ้นอีกว่า “เตรียมสวนท่อปัสสาวะ!”
เล่อเล่อรีบไปเตรียมตัว เฉินชางหันไปบอกเสี่ยวเยี่ยนว่า “ขอแมนนิทอล (Mannitol) ด้วยครับ”
เมื่อเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เฉินชางก็ตรวจผู้ป่วยหญิงอย่างละเอียดอีกครั้งก่อนจะพาผู้ป่วยไปยังห้องฟอกไต
ร่างกายผู้ป่วยได้รับบาดเจ็บหลายแห่ง แต่บาดแผลไม่ลึก เลือดแข็งตัวไปแล้ว ขาทั้งสองแข็งไปแล้ว จนดูเหมือน…ดูเหมือนศพ…มีอาการบาดเจ็บจากการกดทับหรือการกระแทกหลายแห่ง ได้แก่บริเวณ แขน ขา ขาหนีบด้านใน และรักแร้ทั้งสองข้าง นี่คงเป็นสาเหตุสำคัญของภาวะกล้ามเนื้อสลาย…
เฉินชางตัดเสื้อผู้ป่วยเพื่อเจาะสวนหลอดเลือดดำ
……
ขณะนี้เอง เล่อเล่อและเสี่ยวเยี่ยนก็พากันตัวสั่นอย่างอดไม่อยู่!
นี่คือการทารุณกรรมเหรอ
หรือว่าความรุนแรงในครอบครัว
หรือว่าอะไร
ทำไมโหดร้ายขนาดนี้!
กระทั่งเฉินชางก็ยังสั่น…
ไม่แปลกใจเลยที่ผู้หญิงคนนี้คิดฆ่าตัวตาย
เฉินชางไม่กล้าคิดต่อ หันไปบอกกับเล่อเล่อที่ยืนอยู่ข้างๆ ว่า “แจ้งตำรวจเถอะครับ”
เล่อเล่อชะงักไป จากนั้นจึงรีบพยักหน้า “ได้ค่ะ!”
เฉินชางรู้ดีว่าเรื่องนี้อาจไม่ใช่แค่การฆ่าตัวตายธรรมดา บางทีเรื่องราวอาจไปถึงขั้นที่ตนไม่ควรเข้าไปยุ่งแล้ว
ผู้ป่วยถูกส่งตัวไปยังห้องฟอกไตอย่างเร่งร้อน อีกฝ่ายเห็นเฉินชางเข้ามา หมอประจำห้องฟอกไตก็อดพูดไม่ได้ว่า “หมอเฉิน คุณมาทำ PICC ดีไหมครับ”
เฉินชางพยักหน้า “ได้ครับ!”
ตั้งแต่เรื่องโรงงานเคมีครั้งที่แล้ว ข่าวที่ว่าเฉินชางทำ PICC สำหรับฟอกไตได้ก็แพร่ออกไปอย่างรวดเร็วทั้งยังถูกหยิบยกมาชื่นชมในที่ประชุมต่อหน้าทุกคนอีกด้วย ดังนั้นทุกคนย่อมรู้จักตัวตนของเฉินชางเป็นธรรมดา
ตั้งแต่นั้น หากมีผู้ป่วยที่ต้องฟอกไตและสภาพอาการค่อนข้างร้ายแรง ทางห้องฟอกไตก็จะโทรหาเฉินชางโดยตรงเพื่อเชิญมาช่วยฟอกไตให้ผู้ป่วย
เฉินชางทำงานอย่างคล่องแคล่ว ขณะกำลังจัดการงานก็มีสมุดเล็กๆ เล่มหนึ่งหล่นออกมาจากกระเป๋ากางเกงของผู้ป่วย
เฉินชางชะงักไปทันที รีบก้มลงเก็บสมุดขึ้นมาแล้วพูดกับพยาบาลประจำห้องฟอกไตที่อยู่ข้างๆ ว่า “ผมขอถุงมือมาใส่สมุดหน่อยครับ”
สมุดไม่ใหญ่ มีขนาดประมาณฝ่ามือเท่านั้น จึงใส่ในถุงมือพลาสติกแบบใช้แล้วทิ้งได้พอดี
พยาบาลพยักหน้าแล้ววิ่งออกไปหยิบถุงมือเข้ามา ส่วนเฉินชางก็รีบลงมือฟอกไตต่อไป
เฉินชางในตอนนี้ไม่เหมือนกับตอนแรก ไม่ว่าจะด้านระดับฝีมือหรือเทคนิคก็ตาม ที่สำคัญที่สุดก็คือความกล้าหาญของเขาเป็นอะไรที่ตัวเขาในตอนแรกเทียบไม่ได้เลย
หากใช้คำพูดของเสี่ยวหลินมาอธิบายก็คือ หมอเสี่ยวเฉินในตอนนี้เหมือนหัวหน้าแพทย์ไปแล้ว
ไม่นาน การทำ PICC เพื่อฟอกไตก็เสร็จสิ้น น้ำยาฟอกไตเริ่มเคลื่อนเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งตอนนี้เฉินชางเห็นผลของแมนนิทอลสำหรับขับปัสสาวะแล้ว
ปัสสาวะที่มีสีเข้มเหมือนชาไหลผ่านสายเข้าสู่ถุงปัสสาวะ
เครื่องฟอกไตเริ่มทำงาน
ต่อจากนั้น…ต้องดูที่ตัวผู้ป่วยเองแล้ว
เฉินชางฉวยจังหวะนี้หยิบสมุดบันทึกของผู้ป่วยที่หล่นออกมาเมื่อครู่ขึ้นมาอ่าน
หลังจากพลิกอ่านดูแล้ว พบว่าสิ่งที่เขียนอยู่ในนั้นคือ…
‘คำสั่งเสีย
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ชีวิตของฉันมีแต่สีขาวและสีดำ
บางที การจากไปอาจเป็นทางออกที่ดีที่สุด
พ่อคะ แม่คะ ขอโทษด้วยค่ะที่เป็นลูกกตัญญูไม่ได้
น้องพี่ พักผ่อนให้ดีนะ…
ฉันไปแล้ว พร้อมบาดแผลโสมมทั่วทั้งตัว หวังว่าชาติหน้าฉันจะเป็นคนสะอาดสะอ้านกับเขาบ้าง’
เมื่ออ่านถึงตรงนี้…เฉินชางก็ตะลึงพรึงเพริด!
หรือว่าถูกบังคับขืนใจ เลยคิดฆ่าตัวตาย
แต่เมื่ออ่านไปอีกบรรทัด เฉินชางก็ต้องขนหัวลุก ชาวาบไปถึงหนังศีรษะ
‘ฉันรักคุณมาก รักจนตัวเองไร้ค่า รู้สึกว่าฉันไม่คู่ควรที่จะมีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้’
………
หน้าต่อไปยังมีบันทึกอีกมากมาย แต่วันที่เขียนไม่ใช่วันนี้…
เฉินชางชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงพลิกอ่านไปอีกหลายหน้าจนเผลอกลืนน้ำลายไปอึกใหญ่
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอคิดฆ่าตัวตาย เพียงแต่ครั้งนี้เธอรวบรวมความกล้าจนทำได้แล้ว
เขารู้แล้วว่าเรื่องเป็นมาอย่างไรกันแน่
ความรุนแรงในครอบครัว
ฆ่าตัวตาย!
ตกลงแล้วอะไรกันแน่ที่ทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งรักลึกซึ้งจนทำให้รู้สึกวตัวเองไร้ค่าขนาดนี้ ถึงกับเปรียบตัวเองเป็นเหมือนแมลงตัวหนึ่ง
ดูจากหน้าตาของผู้ป่วยแล้ว เธอไม่ได้สวยนัก แต่น่ารักมาก ผู้หญิงแบบนี้คุณก็ทำได้ลงคอเชียวหรือ
เมื่อย้อนคิดไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องโถงของแผนกฉุกเฉินเมื่อครู่นี้ เฉินชางก็เข้าใจกระจ่างขึ้นมาทันที!
บางทีครอบครัวของเธออาจรู้เรื่องนานแล้ว แต่คงคิดไม่ถึงว่าเรื่องจะดำเนินมาถึงขั้นนี้
นี่ให้ท้ายผู้ชายขนาดไหนกันแน่ เฉินชางไม่เข้าใจ! รู้แค่ว่าความโกรธเกรี้ยวบางอย่างกำลังเพิ่มขึ้นไม่หยุดหย่อน
แม้ในฐานะหมอ เขาไม่สมควรถูกฉุดดึงไปกับอารมณ์เช่นนี้ แต่เฉินชางก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง! เห็นเรื่องโหดเหี้ยมไร้มนุษยธรรมเช่นนี้แล้วจะปล่อยไปได้อย่างไร
ผู้ป่วยหญิงยังคงหมดสติ ยังคงไม่ฟื้น
ตอนนี้เฉินชางหวังเป็นอย่างยิ่งว่าตนจะช่วยชีวิตเธอไว้ได้ หวังเช่นนี้จริงๆ!
การฟอกเลือดและฟอกไตต้องใช้เวลา เมื่อเสร็จสิ้น เฉินชางหันไปมองเวลาก็พบว่าตอนนี้เป็นเวลาประมาณตีสองแล้ว
เฉินชางเข็นเตียงผู้ป่วยออกมา จากนั้นจึงติดต่อห้อง ICU เพื่อส่งตัวผู้ป่วยต่อไป
สภาพของผู้ป่วยในตอนนี้ แม้จะพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ยังต้องสังเกตอาการอย่างระมัดระวังเพื่อเตรียมพร้อมรับมือให้ดี
ตำรวจมารออยู่แล้ว หญิงวัยกลางคนร้องไห้จนสภาพดูไม่ได้ “ต้องโทษฉัน ถ้ารู้ว่ามันเป็นสัตว์ร้ายแบบนี้ ไม่ว่าใครจะพูดยังไง ฉันจะไม่ยอมให้ลูกสาวแต่งกับมันเด็ดขาด”
เมื่อเห็นเฉินชางเดินมา พวกเขาก็รีบเดินเข้าไปหาทันที
“เป็นยังไงบ้างครับ”
“หมอ ไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ”
“หมอครับ! พี่สาวผม…”
……
เฉินชางทอดถอนใจออกมา จากนั้นจึงส่ายหน้าพูดไปว่า “ยังไม่ได้สติครับ แต่…สัญญาณชีพคงที่แล้ว ไม่มีอันตรายถึงชีวิตชั่วคราว จะต้องให้นอนห้อง ICU เพื่อพยาบาลอย่างใกล้ชิด ที่สำคัญจะต้องใช้เวลาน่ะครับ”
เมื่อได้ยินเฉินชางบอกว่าไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต ทุกคนก็ผ่อนคลายลง
ขณะนี้เฉินชางก็หยิบสมุดออกมายื่นไปให้ “ผมพบสมุดเล่มนี้บนตัวผู้ป่วย หวังว่าจะช่วยพวกคุณได้นะครับ”