เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 406 ใครสวยก็ฟังคนนั้น!
บทที่ 406 ใครสวยก็ฟังคนนั้น!
“แม่ฉันอยากเจอคุณค่ะ!”
เมื่อได้รับข้อความนี้จากฉินเยว่ เฉินชางพลันรู้สึกไม่สบายใจ ทั้งตื่นเต้น เคร่งเครียดและสับสน แต่ละอารมณ์แปรเปลี่ยนไปภายในสามวินาที
เป็นสามวินาทีที่ยาวนานมากสำหรับเฉินชาง!
ยาวนานจนเขาคิดไปไกลแล้วว่าตอนเจอหน้ากันจะเรียกว่าคุณน้า หรือจะเรียกว่าแม่ไปเลยดี!
ยาวนานจนเขาคิดทบทวนไปแล้วว่าควรเอาคะแนนไปแลกเคล็ดวิชา ‘ทำอย่างไรให้พ่อตาแม่ยายมีความสุข’ ดีหรือไม่ จากนั้นก็รีบฝึกให้ถึงขั้นปรมาจารย์
ยาวนานจนคิดไปถึงว่า หากมีลูกจะให้พ่อตาแม่ยายเลี้ยง หรือจะให้พ่อแม่ตัวเองเลี้ยง
เหนื่อยใจจริง…
สามวินาทีผ่านไป เฉินชางจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แต่ยังไม่รู้ว่าจะตอบกลับข้อความอย่างไรดี!
ทำได้แต่ส่งอีโมติคอนสีหน้าหวาดกลัวกลับไป
ฉินเยว่ที่นั่งอยู่บนโซฟาหัวเราะไปสิบนาทีเต็มๆ
สมองของเธอคิดไปถึงสภาพอารมณ์ของเฉินชางแล้ว แค่คิดถึงใบหน้าสับสนมึนงงของเขา ฉินเยว่ก็แทบจะหัวเราะออกมา
จี้หรูอวิ๋นเห็นลูกสาวนั่งหัวเราะอยู่บนโซฟาอย่างไร้ความเป็นกุลสตรีก็อดถอนใจไม่ได้
เด็กคนนี้นี่ ในที่สุดก็มีคนต้องการแล้วสินะ ถ้าฉันเจอพ่อหนุ่มคนนั้นคงต้องปลอบใจสักหน่อยแล้ว จะไม่พูดถึงเรื่องซื้อบ้านเด็ดขาด ขอแค่รถคันเดียวก็พอ!
แต่เมื่อคิดไปว่าหลังแต่งงานแล้วเยว่เยว่อาจเผยโฉมหน้าที่แท้จริงให้เห็น เสี่ยวเฉินคงไม่ตกใจหรอกนะ!
ถ้าอีกฝ่ายอยากคืนเจ้าสาว…คงขายหน้าคนอื่นแย่!
คิดถึงตรงนี้ จี้หรูอวิ๋นก็กำชับเสียงแผ่ว “ฉินเยว่ นั่งให้ดี! ดูท่าทางเข้าสิ เหมือนคนไร้สติยังงั้นแหละ…ดูผมลูกสิ รังนกยังดูดีกว่าเลย”
ฉินเยว่ไม่สนใจ กล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า “ไม่หรอกค่ะ!”
จี้หรูอวิ๋นกลอกตาใส่ “ไม่กลัวเสี่ยวเฉินคนนั้นรู้ธาตุแท้ของลูกแล้วจะไม่ต้องการลูกหรือไง!”
ฉินเยว่ชะงักไปทันที แต่เมื่อคิดดูอีกครั้งก็ตะโกนไปว่า “เขากล้าเหรอ!”
แต่เสียงเธอไม่เข้มเหมือนก่อนหน้านี้จนเห็นได้ชัด มันแฝงไปด้วยความหวาดหวั่นเล็กน้อย หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็มองมือถือด้วยสีหน้ากังวล จากนั้นจึงหยิบขึ้นมาส่งข้อความไปว่า “อยู่บ้านต้องฟังใคร”
ตอนนี้เฉินชางกำลังเสิร์ชหาไป๋ตู้ว่าจะเอาใจพ่อตาแม่ยายอย่างไร จู่ๆ ก็ได้รับข้อความนี้ ทำให้ชะงักไปทันที
หมายความว่าอะไร
หรือว่า…พ่อตาแม่ยายหยิบโทรศัพท์มาเล่น
คิดถึงตรงนี้ เฉินชางก็รีบสลัดความคิดเกี่ยวกับการประชุมเมื่อครู่นี้ให้ออกไปจากสมอง รีบทำความเข้าใจให้ทะลุปรุโปร่ง พลันรับรู้ได้ถึงพลังงานบางอย่างคล้ายกับเข้าสู่สภาวะตรัสรู้!
“ใครสวยก็ฟังคนนั้นครับ!”
เมื่อฉินเยว่ได้รับข้อความก็หัวเราะออกมาทันที “แม่คะ มานี่สิคะ หนูจะให้แม่ดูข้อความ”
พูดไปพลางดึงแขนจี้หรูอวิ๋นให้มานั่งบนโซฟาด้วยกัน จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา “แม่ ดูสิคะ!”
จี้หรูอวิ๋นรับโทรศัพท์มาด้วยความสงสัย หลังจากอ่านข้อความจบก็หัวเราะออกมาทันที
พ่อหนุ่มคนนี้มีความสามารถในการเอาตัวรอดสูงจริงๆ
สองแม่ลูกพากันหัวเราะร่า
ตอนนี้ฉินเสี้ยวหยวนกำลังรินชา เพิ่งชงเสร็จก็เดินเข้ามา เห็นสองแม่ลูกหัวเราะ]อย่างเบิกบานเช่นนั้นก็รีบถามอย่างแปลกใจ “มีอะไรหรือ ถึงได้หัวเราะกันขนาดนี้!”
จี้หรูอวิ๋นเกิดกระตือรือร้นขึ้นมาโดยพลัน “เหล่าฉิน ตอนอยู่บ้านต้องเชื่อฟังใคร!”
ฉินเสี้ยวหยวนตอบทันทีโดยไม่ต้องคิด “แน่นอนว่า…ใครมีเหตุผลที่สุดก็ต้องฟังคนนั้น!”
พูดจบ จู่ๆ ฉินเสี้ยวหยวนก็รู้สึกว่าอุณหภูมิรอบๆ ลดลง เย็นยะเยือกไปถึงกระดูกสันหลัง หนังศีรษะชาวาบ กระทั่งอากาศก็ยังดูหม่นหมองลง!
ทันใดนั้นสีหน้าเหล่าฉินก็เปลี่ยนไปโดยพลัน ประสบการณ์ทางคลินิกหลายปีที่ผ่านมากำลังบอกเขาว่าช่วงเวลานี้คือช่วงเวลาของการพลิกลิ้น!
“แต่ส่วนใหญ่คุณมีเหตุผลที่สุดแล้วครับ!”
จริงดังคาด เมื่อกล่าวจบ อุณหภูมิห้องก็คล้ายจะเพิ่มขึ้นอีกครั้ง แต่…เทียบกับตอนแรกก็ยังเย็นยะเยือกกว่าอยู่ดี
จี้หรูอวิ๋นจ้องเขม็งมาที่ตน ทำเอาฉินเสี้ยวหยวนสับสน
ยังไม่พออีกเหรอ
ส่วนฉินเยว่กลั้นขำจนสมองแทบระเบิดแล้ว!
แต่ด้วยสภาพในตอนนี้ จะหัวเราะออกมาไม่ได้เด็ดขาด ทำได้แค่ฮึบไว้!
ฮึบไว้ ฮึบไว้! แต่ในที่สุดก็ทนไม่ไหวจนระเบิดหัวเราะออกมา
จี้หรูอวิ๋นแค่นเสียงเย็น!
“ไม่รู้จักพูดเอาซะเลย!”
เหล่าฉินยิ้มแห้งๆ “ยังไม่พอใจอีกเหรอครับ!”
จี้หรูอวิ๋นพูดกับฉินเยว่ว่า “เยว่เยว่ บอกพ่อซิว่าเสี่ยวเฉินพูดยังไง!”
ฉินเยว่ยิ้มจนตาหยี “เฉินชางบอกว่าใครสวยก็ฟังคนนั้น!”
จี้หรูอวิ๋นเห็นอีกฝ่ายไม่ได้ดังใจก็ต้องทอดถอนใจออกมา ดูสิว่าคุณพูดอย่างไร “ใครมีเหตุผลก็ฟังคนนั้นหรือ! เหอะ ทำไมฉันรู้สึกว่าคำพูดนี้ไม่เข้าหูเลย”
ฉินเสี้ยวหยวนตาค้าง อดหัวเราะไม่ได้ ไอ้หนุ่มนี่ปากหวานจนเลี่ยน รู้จักประจบประแจงเสียด้วย!
ตอนนี้ฉินเสี้ยวหยวนยังไม่ยอมละทิ้งนิสัยหนุ่มใหญ่ของตน รีบยิ้มแล้วพูดว่า “พวกเราเป็นสามีภรรยากันมานานแล้ว จะพูดจาเล่นลิ้นแบบนี้กันไปทำไมครับ ใช่ไหม”
“อีกอย่าง คนเราก็ต้องแก่ตัวลง!”
พูดจบพลันเกิดความโกลาหลขึ้นอีกครั้ง!
จี้หรูอวิ๋นแค่นเสียงเย็น “ค่ะ! ฉินเสี้ยวหยวน ฉันรู้แล้ว คุณรังเกียจที่ฉันแก่สินะ ฉันยังไม่รังเกียจที่คุณไม่หล่อเลย แต่นี่คุณรังเกียจที่ฉันแก่!”
ตอนนี้ฉินเยว่รีบดึงแขนจี้หรูอวิ๋นเอาไว้ “แม่คะ อย่าไปฟังพ่อเขาเลย แม่เหมือนคนอายุห้าสิบที่ไหนกัน ผิวยังดีอยู่เลยค่ะ!”
ขณะพูดก็ขยิบตาให้เหล่าฉิน เหล่าฉินก็ไม่ใช่คนโง่ รีบถือกาน้ำชาเดินไปที่ห้องหนังสือทันที
จี้หรูอวิ๋นถอนใจออกมา อดพูดไม่ได้ว่า “แก่แล้ว รอยเหี่ยวย่นบนหน้าก็มีแต่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เฮ้อ…”
ขณะพูดก็หยิบกระจกเล็กๆ ที่วางอยู่บนโต๊ะกาแฟขึ้นมา ขมวดคิ้วมุ่น ลูบไปที่รอยย่นบนใบหน้าและรอยตีนกาบริเวณหางตาพลางทอดถอนใจออกมา
ฉินเยว่ปิ๊งไอเดียขึ้นมาทันที “แม่คะ มีรอยเหี่ยวย่นแล้วจะกลัวอะไร หนูได้ยินว่าปัจจุบันเรากำจัดรอยเหี่ยวย่นที่คลินิกศัลยกรรมได้แล้ว เจ็บน้อยด้วย แทบมองไม่ออกว่าผ่านมีดหมอมาเลย ใช้เทคนิคการปรับแต่งกล้ามเนื้ออะไรพวกนี้ก็ได้ค่ะ เท่านี้ก็กำจัดรอยเหี่ยวย่นที่ผิวบนใบหน้าได้แล้ว ทั้งยังให้ประสิทธิภาพดีเยี่ยม ว่ากันว่าไม่มีผลข้างเคียงด้วย! ไม่ทำลายเส้นประสาทบนใบหน้าแน่นอน”
พูดจบจี้หรูอวิ๋นก็ใจเต้นขึ้นมาทันที!
“จริงหรือเปล่า”
ฉินเยว่กล่าวด้วยท่าทีจริงจัง “จริงแท้แน่นอนค่ะ หนูจะหลอกแม่ไปทำไม เดี๋ยววันหลังหนูพาแม่ไปที่คลินิกศัลยกรรมเอง พวกเราลองไปถามดูสักหน่อยเป็นไงคะ”
ในดวงตาของจี้หรูอวิ๋นเต็มไปด้วยความคาดหวัง เกิดความสนอกสนใจขึ้นมาบ้างแล้ว เธอพยักหน้าตอบ “ดี”
ผู้หญิงก็คือผู้หญิง
ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ก็คือผู้หญิง
อายุเพิ่มขึ้น ใบหน้าก็โรยรา
แต่จิตวิญญาณของผู้หญิง ไม่แปรเปลี่ยนชั่วนิรันดร์
……
……
ขณะเดียวกัน เฉินชางเห็นฉินเยว่ไม่ยอมตอบข้อความนานแล้วก็เกิดกังวลใจ
หรือเขาตอบผิด
ทันใดนั้นฉินเยว่ก็ตอบมาว่า “ไม่เลว ให้คะแนนเต็มค่ะ คำตอบเมื่อกี้ฉันพอใจมาก!”
เฉินชางจึงค่อยผ่อนคลายลงได้
อย่างไรก็ตามฉินเยว่ยังคงส่งข้อความมาอีกว่า “แต่…ถ้าฉันแก่แล้ว ไม่ได้ดูดีแล้ว…ก็คงไม่สวยแล้ว”
เฉินชางตอบ “งั้นผมจะทำให้คุณสวยเอง ไม่รู้เหรอว่าผมเรียนด้านศัลยกรรมความงามไปทำไม ก็เพื่อทำให้คุณสวยตลอดกาลไงล่ะ!”
ฉินเยว่เห็นดังนั้นก็ดีใจขึ้นมาโดยพลัน
ยัยฉินขี้ประจบสบายไปทั้งใจ หัวใจเต็มไปด้วยความนุ่มฟู
“คุณพูดแล้วนะ!”
เฉินชางพยักหน้า “ผมพูดแล้ว!”
ฉินเยว่กอดมือถือไว้ที่หน้าอกด้วยอารมณ์หวานล้ำ จู่ๆ ก็คิดว่าโลกใบนี้คือความสุขของเธอจริงๆ