เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 411 หนึ่งปีสี่ฤดู ไม่ว่าหนาวหรือร้อนล้วนเป็นคุณ! (Part1)
- Home
- เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ
- บทที่ 411 หนึ่งปีสี่ฤดู ไม่ว่าหนาวหรือร้อนล้วนเป็นคุณ! (Part1)
บทที่ 411 หนึ่งปีสี่ฤดู ไม่ว่าหนาวหรือร้อนล้วนเป็นคุณ! (Part1)
อันเยี่ยนจวินเป็นเวรกลางคืน เขานั่งอยู่ในห้องหมอของแผนกฉุกเฉิน ทอดถอนใจไปหลายครั้ง พริบตาเดียวเขาก็ทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลอันดับสองมาสิบปีแล้ว เป็นหมอแผนกฉุกเฉินมาสิบปีแล้ว ได้เรียนรู้ทักษะต่างๆ มากมาย
เดิมทีเขาเป็นศัลยแพทย์ที่โดดเด่น แต่เมื่ออายุสี่สิบทักษะก็ย่ำแย่ลงเรื่อยๆ ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติ เขาเพิ่งได้ทำงานตรงสายที่เรียนก็ปีนี้เอง ในยุคสมัยของพวกเขา ส่วนใหญ่จะเรียนเทคนิคและทักษะไปตามตำแหน่งที่ได้รับ ขาดอะไรก็เรียนเสริม
ตอนแรกอันเยี่ยนจวินคิดจะเกษียณในฐานะแพทย์แผนกฉุกเฉิน ไม่นึกเลยว่าพอมาถึงอายุสี่สิบจะได้กลับไปยืนบนเวทีของศัลยแพทย์อีกครั้ง
“หมออัน! ขอบคุณครับ มือของลูกสาวผมดีขึ้นมากแล้ว ตอนนี้ฟื้นตัวได้ดีมากเลยครับ!”
“หัวหน้าอัน ขอบคุณจริงๆ ครับ ตอนนี้แม่ผมใช้มือทำอาหารได้โดยไม่มีผลกระทบอะไรแล้วครับ!”
“หัวหน้าอัน…”
……
ในสมองคิดไปถึง ‘รางวัล’ ที่เขาได้รับในช่วงนี้ อันเยี่ยนจวินรู้สึกคล้ายความสุขอัดแน่นเต็มอก
เวลาหนึ่งทุ่ม ไม่ง่ายเลยกว่าจะข้ามผ่านช่วงเวลาที่วุ่นวายที่สุดมาได้ เสี่ยวหลินมองอันเยี่ยนจวินที่นั่งอยู่ในห้องหมอ อดถามไม่ได้ว่า “หัวหน้าอัน ให้ฉันช่วยเอาข้าวมาให้คุณไหมคะ”
อันเยี่ยนจวินหันไปยิ้มให้ “ไม่ต้องหรอกครับ”
เสี่ยวหลินหัวเราะออกมา “ได้ค่ะ!”
ฉางลี่น่าที่อยู่ข้างๆ ทอดถอนใจออกมา “ฉันว่านะคะ คนที่มีความสุขที่สุดในแผนกของพวกเราก็คงเป็นหัวหน้าอันแล้วล่ะค่ะ ชีวิตแต่ละวันผ่านไปอย่างสุขสบาย ทุกครั้งที่เข้าเวรวันเสาร์ก็มีภรรยาคอยส่งน้ำส่งอาหาร”
ขณะนั้นเอง หญิงสวมผ้าปิดปากคนหนึ่งเดินถือกล่องอาหารเข้ามา เธอสวมเสื้อเชิ้ตลายสก็อตสีขาว กางเกงยีนส์ดูธรรมดาสามัญตัวหนึ่ง เส้นผมถูกลมพัดจนดูยุ่งไปเล็กน้อย
“โธ่ พูดถึงภรรยา ภรรยาก็มาเลยนะคะ วันนี้ทำอะไรให้หัวหน้าอันกินหรือคะ” ฉางลี่น่าชะโงกหัวเข้ามาพร้อมรอยยิ้มกว้าง
หญิงคนนั้นชื่อเฮ่อลี่ ทำงานอยู่ที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในตำแหน่งพนักงานขาย
เฮ่อลี่จบการศึกษาระดับมัธยมต้น เป็นคนบ้านเดียวกับอันเยี่ยนจวิน ตอนเรียนอยู่มัธยมต้นทั้งสองเรียนห้องเดียวกัน นั่งโต๊ะเดียวกัน ตอนนั้นทั้งสองแอบคบกันลับๆ เวลาผ่านไปยี่สิบกว่าปี ความสัมพันธ์ของทั้งสองยังคงดีเช่นเดิม
เฮ่อลี่มีนิสัยอบอุ่นขี้เกรงใจและเป็นคนยึดมั่นในสัจจะคุณธรรม เมื่อเทียบกับอันเยี่ยนจวินที่ดูสง่างามอ่อนโยนแล้ว เธอยังสดใสกว่ามาก
“ทุกคนมากินด้วยกันสิคะ วันนี้วันหยุด ฉันเลยทำอาหารมามากหน่อย” ขณะพูดก็เปิดกล่องอาหารรักษาความร้อนแล้วหยิบอาหารมาวางเรียงข้างนอก
ทุกคนรุมเข้ามาอย่างกระตือรือร้น กินข้าวกันอย่างอบอุ่น
เพียงแต่ในตอนที่อันเยี่ยนจวินเพิ่งหยิบตะเกียบขึ้นมาก็ได้ยินเสียงพยาบาลฝึกงานที่อยู่ด้านนอกพูดขึ้นว่า “หัวหน้าอัน คุณลุงเตียงสามสิบเอ็ดของห้องสังเกตอาการท้องผูกค่ะ เข้าห้องน้ำนานแล้วยังถ่ายไม่ออกเลยค่ะ”
ประโยคนี้ดูเหมือนไม่ค่อยถูกกาลเทศะเท่าไหร่นัก เอาคำว่าท้องผูกกับอาหารมารวมกันแล้วอาจทำให้คนที่ได้ยินรู้สึกมวนท้อง แต่ทุกคนชินไปนานแล้ว
อันเยี่ยนจวินขมวดคิ้ว เตียงสามสิบเอ็ดมีภาวะความดันโลหิตสูง เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจและเบาหวานและเคยเป็นโรคหลอดเลือดสมองตีบ หากท้องผูก…คงยุ่งยากแล้ว
การทำงานของลำไส้จะลดลงตามอายุที่เพิ่มขึ้น ดังนั้นเรื่องท้องผูกจึงเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยๆ หากคนธรรมดาท้องผูกคงไม่มีปัญหาอะไร แต่หากเป็นผู้ป่วยที่มีพื้นฐานเป็นโรคความดันโลหิตสูงและเบาหวาน ทั้งยังมีโรคหลอดเลือดหัวใจและโรคหลอดเลือดสมองตีบร่วมด้วยเช่นนี้ หากท้องผูกขึ้นมาจะทำให้เกิดปัญหาได้ง่าย!
ไม่ต้องพูดถึงคนอื่นไกลเลย คราวที่แล้วก็มีผู้ป่วยคนหนึ่งเกิดอาการภาวะหลอดเลือดสมองตีบกำเริบเพราะท้องผูก ภาพนั้นค่อยๆ ปรากฏขึ้นจนชัดเจน
ในทุกๆ ปี ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองตีบที่อาการกำเริบเพราะท้องผูกก็มีไม่น้อยเลยทีเดียว
อันเยี่ยนจวินรีบหันไปพูดว่า “ที่รัก คุณรอผมสักครู่นะครับ ผมจะไปดูหน่อย”
ขณะพูดก็เดินออกไปด้วย นางพยาบาลฉางลี่น่าและเสี่ยวหลินก็เดินตามออกไปด้วย
ความจริงมีผู้สูงอายุที่มีอาการท้องผูกมากมาย ซึ่งแผนกฉุกเฉินจะใช้การสวนทวารหรือให้ยาระบาย ซึ่งสำหรับผู้สูงวัยหลายคนที่มีอาการที่ท้องที่เกิดจากปัจจัยภายนอก วิธีรักษาสองประเภทนี้จะให้ผลไม่เหมือนกัน
เมื่อมาถึงห้องผู้ป่วยแล้วพบว่าคนไข้นั่งอยู่บนโถส้วมในห้องน้ำ หน้าแดง คอขึ้นเอ็นราวกับกำลังออกแรงมาก แต่…ไม่มีประโยชน์อะไรเลย ส่วนคุณยายที่อยู่ข้างๆ ก็มองอย่างเป็นห่วง ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล
อันเยี่ยนจวินมองคุณยายคนนั้นแล้วถามอย่างเรียบเฉยว่า “ท้องผูกมานานแค่ไหนแล้วครับ”
คุณยายคนนั้นหน้าแดง “ยี่สิบกว่านาทีแล้วค่ะ”
อันเยี่ยนจวินหน้าดำคร่ำเครียดขึ้นมาทันที กล่าวอย่างจริงจังว่า “ทำไมไม่เรียกพวกเราล่ะครับ ผู้ป่วยมีโรคประจำตัว ถ้าท้องผูกเป็นเวลานานจะทำให้โรคหลอดเลือดสมองตีบและโรคหัวใจรุนแรงขึ้น ต่อไปถ้าเจอเหตุการณ์แบบนี้อีกให้เรียกหมอเลยนะครับ”
ได้ยินอันเยี่ยนจวินสั่งเช่นนั้น คุณยายไม่เพียงแต่จะไม่โกรธ กลับรู้สึกอุ่นใจด้วยซ้ำ
เธอกล่าวอย่างไม่สบายใจนัก “พวกเราเห็นพวกคุณกินข้าวอยู่ ถ้าพูดเรื่องนี้…มันไม่ค่อยดีเท่าไหร่”
อันเยี่ยนจวินส่ายหน้า กล่าวชี้แนะคุณยายไปอีกรอบหนึ่ง จากนั้นจึงใคร่ครวญบางอย่างในใจ ผู้ป่วยเสียแรงไปมาก หากต่างฝ่ายต่างยืนกรานในความคิดของตนคงไม่ใช่วิธีที่ดีนัก ด้วยเหตุนี้จึงเดินออกไปที่เคาน์เตอร์พยาบาล ผ่านไปสิบกว่าวินาทีก็กลับมาอีกครั้ง ถือถุงมือแบบใช้แล้วทิ้งมาด้วย
เขาเดินเข้าไปในห้องน้ำ คุณยายเห็นดังนั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปทันที “หมอ…อย่าค่ะ! มันน่าเกลียดเกินไป ให้ฉันทำเถอะ”
อันเยี่ยนจวินส่ายหน้า “ผมทำเองครับ”
จากนั้นก็เดินเข้าไปโดยไม่พูดอะไรอีก
ความจริงงานเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องน่ารังเกียจอะไร พบเจอได้เป็นปกติ หมอแผนกฉุกเฉินและพยาบาลเคยทำมาแล้วหลายครั้ง
ก็เหมือนกับข่าวที่กำลังโด่งดังในอินเตอร์เน็ตเมื่อไม่นานมานี้ ที่มีหมอคนหนึ่งใช้ปากดูดปัสสาวะของผู้ป่วยบนเครื่องบิน เรื่องเช่นนี้หากเป็นคนธรรมดาคงทำไม่ได้ และนี่อาจเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมหมอคนอื่นๆ ถึงไม่อยากมาที่แผนกฉุกเฉิน
สกปรก!
วุ่นวาย!
ยุ่ง!
และยังมีปัญหามาก!
ผ่านไปประมาณสองนาที อันเยี่ยนจวินก็เดินออกมาจากห้องน้ำ ส่วนถุงมือทิ้งไปแล้ว ส่วนคุณยายก็รีบไปประคองผู้ป่วยและช่วยเขาสวมกางเกง
ผู้ป่วยเดินออกมาจากห้องน้ำ รู้สึกสบายขึ้นมากแล้ว สีหน้าก็ดูไม่อึดอัดเหมือนเมื่อครู่นี้ รู้สึกเบาสบายไปทั้งตัว แม้กระนั้นผู้ป่วยก็ยังรู้สึกไม่ดีนัก จึงกล่าวขอบคุณว่า “ขอบคุณมากครับหมออัน ต้อง…ขอบคุณจริงๆ!”
อันที่จริงชายชราซึ้งใจมาก งานสกปรกเช่นนี้ กระทั่งลูกหลานก็คงไม่อยากทำ เพราะว่ามัน…เฮ้อ!
แต่หมออันไม่ใช่ทั้งญาติไม่ใช่ทั้งมิตร แต่กลับไม่ได้รังเกียจเลยแม้แต่น้อย มันช่าง…เฮ้อ…พูดยาก
ชายชรารู้สึกอบอุ่นไปทั้งใจ ความซาบซึ้งใจแพร่ไปทั้งหัวใจ
อันเยี่ยนจวินมองคุณยายคนนั้นแล้วพูดว่า “ช่วงนี้ให้กินผักและผลไม้มากๆ นะครับ ถ้ากินของเย็นไม่ได้ก็เอาไปต้ม ถ้าถ่ายไม่คล่องก็ให้กินยาถ่าย อุจจาระเมื่อครู่นี้มีลักษณะแข็ง หากปล่อยไว้นานคงไม่ดี”
“ผู้ป่วยมีโรคประจำตัวอยู่ด้วย อาการท้องผูกแบบนี้อาจดูเหมือนเป็นแค่โรคเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร แต่มันส่งผลทำให้ความดันโลหิตสูง และอาจทำให้หลอดเลือดในสมองแตกหรือเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายก็เป็นได้ ซึ่งทำให้เสียชีวิตกระทันหันได้เลยนะครับ”