เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 421 ตาบอดหรือไง
บทที่ 421 ตาบอดหรือไง
ในโลกของผู้ใหญ่ คนเราจะต้องเก็บซ่อนความคิดเอาไว้ในใจ! ยิ่งอายุมากก็ต้องยิ่งซ่อนเอาไว้ให้ลึก! ก็เหมือนกับห้องผ่าตัดในตอนนี้ ทั้งๆ ที่คนทั้งสี่อยากได้ตัวเฉินชางแทบแย่ แต่ก็ต้องสนทนายิ้มแย้มต่อกัน ไม่แสดงความรู้สึกเป็นศัตรู หรือออกท่าออกทางให้เห็นแม้แต่น้อย
การผ่าตัดประสบความสำเร็จดี นี่ทำให้ทุกคนผ่อนคลายลงมาก
โจวหงกวงยิ้มมองหลี่เป่าซานแล้วพูดว่า “หัวหน้าหลี่ โรงพยาบาลอันดับสองของพวกคุณเป็นแหล่งกำเนิดอัจฉริยะจริงๆ เสี่ยวเฉินจะต้องพัฒนาไปได้ไกลแน่นอน! สำหรับเขาแล้วนี่เป็นการแสดงความสามารถที่ไม่เลวเลย”
หลี่เป่าซานยิ้มตอบ “หัวหน้าโจวเราล้อพวกเราเล่นหรือเปล่าครับ โรงพยาบาล 301 ของพวกคุณมีใครไม่รู้จักบ้าง ต่อไปถ้ามีโอกาสได้ไปเรียนรู้งานที่นั่น ต้องช่วยผ่อนปรนด้วยนะครับ”
โจวหงกวงพยักหน้าพลางแย้มยิ้ม “แน่นอน!”
……
พยาบาลย่วนย่วนเห็นท่าทางเสแสร้งของพวกเขาทั้งหลายก็ต้องทอดถอนใจ พวกเราไม่กล้าถามและไม่สะดวกใจที่จะพูด แต่ว่า…ทำไมหนังหน้าพวกคุณถึงหนาขนาดนี้คะ
ทั้งๆ ที่หมอเสี่ยวเฉินเป็นผู้พลิกกระแสการผ่าตัดแท้ๆ แต่ตอนนี้พวกคุณกลับยืนเสแสร้งกันอยู่ที่นี่ เฮ้อ…
ลองดูเสี่ยวเฉินบ้างสิ รับแขกได้ ทำอาหารเป็น มือนิ่งและคล่องแคล่วจนน่าตกใจ พละกำลังก็มหาศาลไม่มีใครเทียบ…
เมื่อผ่าตัดเสร็จแล้ว หัวหน้าพยาบาลก็รีบเก็บของเพื่อเตรียมการผ่าตัดเคสต่อไป ย่วนย่วนส่ายหน้าปลงๆ พาตัวเองเข้าสู่การทำงานต่อไป
เฉินชางและหมอคนอื่นๆ เดินออกมาจากห้องผ่าตัดแล้ว
โจวหงกวงมองสำรวจเฉินชางด้วยใบหน้าพึงพอใจ “เสี่ยวเฉิน ต่อไปถ้ามีโอกาสก็มาที่โรงพยาบาล 301 สิครับ คนหนุ่มจะต้องเรียนรู้ให้มาก แลกเปลี่ยนความรู้กับคนอื่นให้มาก”
แม้หลี่เป่าซานจะรู้สึกระแวงแต่ก็จนปัญญา ทั้งๆ ที่รู้ว่าหากเฉินชางไปที่โรงพยาบาล 301 แล้วก็จะกลายเป็นเหมือนเนื้อหมูให้หมาป่าออกล่าและอาจไม่ได้กลับมาอีก แต่…ถึงอย่างไรก็ต้องไป เพราะโรงพยาบาล 301 ถือเป็นโรงพยาบาลที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆ ของประเทศจีน แผนกศัลยกรรมตับและถุงน้ำดีก็เป็นอันดับหนึ่งในเขตปักกิ่งอีกด้วย
แม้จะไม่ยินยอมพร้อมใจ แต่หลี่เป่าซานก็ต้องส่งไปอยู่ดี เพราะนี่เป็นเรื่องดีสำหรับเฉินชาง!
คิดถึงตรงนี้ หลี่เป่าซานก็พูดกับโจวหงกวงตามตรงว่า “ใช่แล้ว เสี่ยวเฉิน ถ้าคุณอยากไปฝึกงานที่โรงพยาบาล 301 ก็ติดต่อกับหัวหน้าโจวได้โดยตรงเลยนะครับ เขาคือคนใหญ่คนโตในวงการศัลยกรรมตับและถุงน้ำดีแห่งประเทศจีน ถ้าคุณติดตามหัวหน้าโจวให้ดีคงได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่าง!”
โจวหงกวงได้ยินดังนั้นก็ผงกหัวพร้อมรอยยิ้มทันที “ใช่แล้ว ถ้ามาจริงๆ ก็ติดตามผมได้”
เฉียนเลี่ยงแทบอยากจะด่าออกมา อย่างไรเสียนี่ก็เป็นลูกศิษย์ที่ตนหมายตาไว้ตั้งแต่แรก ตอนนี้กลับถูกคนอื่นแย่งกันไปแย่งกันมา ในใจจึงรู้สึกหม่นหมอง!
เฉินชางยิ้มตาม “งั้นก็ต้องขอบคุณหัวหน้าโจวล่วงหน้าเลยนะครับ”
โจวหงกวงพยักหน้า “ได้เลยครับ ได้!”
อันที่จริงเฉินชางสร้างความเหนือคาดและตกตะลึงให้โจวหงกวงมาก เขาคิดไม่ถึงเลยว่าการมามณฑลตงหยางในครั้งนี้จะได้พบเจอเรื่องเช่นนี้ด้วย
คิดไปคิดมาโจวหงกวงก็ถามอย่างแปลกใจว่า “หัวหน้าหลี่ แผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลพวกคุณเป็นยังไงบ้างนะครับ ที่เมืองหลวง แผนกฉุกเฉินไม่ค่อยดีเลย!”
หลี่เป่าซานพยักหน้า “ครับ คุณเองก็ทราบสถานการณ์ของแผนกฉุกเฉินดี มันก็เหมือนกันหมดทั้งประเทศแหละครับ พวกหมออาวุโสไม่อยากมาและโควต้าบรรจุเข้าแผนกฉุกเฉินของพวกเราในแต่ละปีก็มีไม่มาก สุดท้ายก็ได้แต่รับพวกหน้าใหม่เก่งๆ เข้ามา แต่ก็ยังรั้งพวกเขาไว้ไม่ได้เพราะแผนกฉุกเฉินให้สวัสดิการไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ดังนั้นคนหนุ่มสาวจึงเปลี่ยนรุ่นค่อนข้างเร็ว แต่คนที่ยังอยู่ต่อก็เป็นคนเก่งกันทั้งนั้น อย่างเสี่ยวเฉินก็อยู่มาตั้งแต่แรก”
“เสี่ยวเฉินเรียนจบแค่ระดับปริญญาตรีแล้วก็มาทำงานที่แผนกฉุกเฉิน ทรมานอยู่สามปีถึงจะเก่งได้แบบนี้ พิจารณาดูแล้วทักษะเรื่องศัลยกรรมมันก็ฝึกกันได้ คนรุ่นใหม่อยู่ที่แผนกฉุกเฉินย่อมมีเวทีให้แสดงฝีมือมาก มีโอกาสลงมือมากมาย ทำให้พัฒนาเร็ว”
โจวหงกวงได้ยินดังนั้นก็ชะงักไปโดยพลัน เฉินชางจบแค่ปริญญาตรีหรือ
นี่มันหมายความว่าอย่างไร
ความสามารถในการเติบโตจะสูงเกินไปไหม!
ตอนที่โรงพยาบาลรับสมัครคน จะดูปัจจัยด้านค่าเฉลี่ยของพรสวรรค์ และสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงพรสวรรค์มากที่สุดคืออะไรล่ะ
ก็คือประวัติการศึกษา!
แต่เมื่อไต่เต้ามาถึงระดับหัวหน้าแพทย์แล้ว คนอื่นจะมองแค่ความสามารถในการปรับตัวและพัฒนา พูดง่ายๆ ก็คือ…
ดูพรสวรรค์!
เฉินชางเป็นพวกมีพรสวรรค์อย่างไม่ต้องสงสัยเลย
แต่ว่า…
จู่ๆ โจวหงกวงก็ถามขึ้นด้วยความแปลกใจ “อ้อ ยังมีการผ่าตัดอื่นอีกหรือครับ ผมดูด้วยได้หรือเปล่า”
หลี่เป่าซานชะงักไปทันที เขาเองก็ไม่ค่อยมั่นใจนัก “ผมจะไปดูให้นะครับ”
การร่วมชมผ่าตัด สำหรับใครหลายคนอาจดูเหมือนเป็นเรื่องแปลกพิสดาร แต่สำหรับคนกลุ่มนี้กลับเป็นเรื่องธรรมดามาก เพราะการผ่าตัดก็เหมือนกับ ‘สินค้า’ ของศัลยแพทย์!
หลี่เป่าซานหันไปถามหัวหน้าพยาบาลประจำห้องผ่าตัด พบว่าบังเอิญจริงๆ ตอนเช้าแผนกฉุกเฉินมีการผ่าตัดทั้งหมดสามเคส
หลี่เป่าซานแย้มยิ้ม “หัวหน้าโจว มีการผ่าตัดอีกสองสามเคสพอดีเลยครับ เป็นของแผนกฉุกเฉินทั้งหมด พวกเราไปดูกันเถอะ”
……
……
เดิมทีหวังหย่งมีการผ่าตัดช่วงเช้าสองเคส แต่…เห็นได้ชัดว่าการผ่าตัดของคุณพ่อแซ่ต่งถูกส่งต่อให้หมอที่เชิญมาจากโรงพยาบาล 301 ประจำเมืองหลวงแล้ว ไม่เหลือมาถึงเขาแน่นอน ด้วยเหตุนี้หวังหย่งจึงผ่าตัดอีกเคสหนึ่งก่อน เป็นการผ่าตัดถุงน้ำดีด้วยการส่องกล้อง
การผ่าตัดดำเนินมาถึงช่วงท้ายแล้ว จู่ๆ ประตูห้องผ่าตัดก็เปิดออก มีคนหลายคนเดินเข้ามา
ตอนนี้หวังหย่งไม่สนใจสิ่งอื่นใด คิดเพียงทำงานผ่าตัดที่เหลือเพียงขั้นสุดท้ายต่อไปให้เสร็จ เย็บแผลอย่างจริงจัง
ตอนนี้หวังหย่งมีคนไข้ในแผนกฉุกเฉินไม่น้อยเลยทีเดียว ชื่อเสียงก็ไม่เลว ตั้งแต่ที่เขาผ่าตัดด้วยการส่องกล้องแบบแผลเล็กได้ก็มีคนมาผ่าตัดมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเทียบกับเฉินชางแล้ว หลี่เป่าซานยังพอใจหวังหย่งมากกว่าอีก เพราะหวังหย่งเป็นแพทย์ติดตามหลี่เป่าซานอยู่สองปีกว่า คอยเป็นผู้ช่วยเป็นลูกมือมาตลอด ทำให้เขามีพื้นฐานมั่นคง
แต่…สิ่งสำคัญที่สุดก็คือเจ้าหนุ่มนี่มีความมั่นคง ไม่เหมือนเฉินชางที่มีคนมา ‘หยอกเย้ายั่วยวน’ หรือ ‘รุมตอมดั่งบุปผา’ กระตุ้นความสนใจของผู้คนมากมาย
เทียบกันแล้วหวังหย่งทำให้เขาวางใจมากกว่า!
……
หวังหย่งผูกปมสุดท้ายเสร็จแล้วก็เงยหน้าขึ้นมองทุกคน พูดยิ้มๆ ว่า “หัวหน้า! หัวหน้าจาง หัวหน้าเฉียน…หัวหน้าโจว!”
หวังหย่งกล่าวทักทาย
โจวหงกวงมองไปที่ส่วนท้องของผู้ป่วยแล้วยิ้ม “ยังไม่เริ่มหรือครับ”
หวังหย่งชะงักไป
นี่คุณตาบอดหรือไง
แต่ก็ไม่กล้าพูดไปจริงๆ จึงได้แต่ตอบว่า “เพิ่งเสร็จครับ”
โจวหงกวงตกใจ มองไปยังผ้าก๊อซห้ามเลือดที่อยู่รอบๆ แล้วกล่าวอย่างตะลึงพรึงเพลิดว่า “แผลล่ะ”
หวังหย่ง “หัวหน้าโจว เย็บเรียบร้อยแล้วครับ นี่เป็นการผ่าตัดด้วยการส่องกล้องเลยเห็นแผลไม่ชัด”
โจวหงกวงสับสนมึนงงขึ้นมาทันที
คิดว่าผมไม่รู้จักการผ่าตัดด้วยการส่องกล้องหรือไง ต่อให้ใช้กล้องก็ต้องมีแผลสิ แล้วนี่แผลของคุณไปไหนล่ะ
หลี่เป่าซานยิ้ม “หัวหน้าโจว คุณไปดูใกล้ๆ หน่อยสิครับ”
โจวหงกวงชะงักเล็กน้อย จากนั้นจึงเดินเข้าไปดูใกล้ๆ ก็เห็นรอยเย็บที่ซ่อนเอาไว้จริงๆ ทันใดนั้นก็ต้องตกใจจนตาค้าง!
นี่…ทำได้ยังไง
โจวหงกวงเงยหน้ามองหวังหย่ง อีกฝ่ายเพิ่งอายุยี่สิบกว่าปี พอๆ กับเฉินชาง!
นี่…จะ…จะอัศจรรย์เกินไปไหม!
หลี่เป่าซานหัวเราะ “นี่คือวิธีการผ่าตัดด้วยการส่องกล้องแบบแผลเล็กของพวกเราครับ จุดประสงค์ก็เพื่อลดเวลาฟื้นตัวของบาดแผล ให้ผลลัพธ์ที่ดีและแผลสวยขึ้น”
“พวกเราทำวิจัยในหัวข้อที่เกี่ยวข้องเรียบร้อยแล้วนะครับ โดยปกติก็ศึกษาเกี่ยวกับเวลาฟื้นตัวของบาดแผล ผลคือสามารถลดระยะเวลาลงได้ห้าวัน ถ้ามองเรื่องความสวยงาม พวกเราก็มีภาพถ่ายก่อนหลังด้วยนะครับ อีกเดี๋ยวผมจะพาคุณไปดู”
โจวหงกวงนิ่งค้างไปแล้ว เขาคิดไม่ถึงเลยว่าแค่เอ่ยปากขอมาชมการผ่าตัดไปอย่างไม่ตั้งใจก็จะได้เจออะไรแบบนี้แล้ว ได้ประโยชน์มหาศาลเลยทีเดียว!
แผลเล็กแบบนี้ ดูผิวเผินอาจไม่ได้ประโยชน์อะไรมาก แต่…สำหรับคนยุคปัจจุบันแล้วคงเป็นที่ต้องการอย่างสูงแน่นอน! โดยเฉพาะกับคนเมือง!
ลดระยะเวลาฟื้นตัวได้สองวัน แถมยังซ่อนแผลได้อีก นี่…จะร้ายกาจเกินไปแล้ว!
ยิ่งไปกว่านั้น การผ่าตัดแบบแผลเล็กนี้ใช้งานได้กว้างขวางเลยทีเดียว!
โจวหงกวงยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกเหลือเชื่อ!
ระ…โรงพยาบาลอันดับสอง…