เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 426 อาจารย์เมิ่งคงไม่ตีผมหรอกนะ
บทที่ 426 อาจารย์เมิ่งคงไม่ตีผมหรอกนะ
รอบตัวคนเร่ร่อนราวกับถูกระเบิดลง คนกลุ่มใหญ่ล้อมกันเข้ามาถ่ายคลิป ถึงกับมีพวกช่างสอดรู้สอดเห็นเดินเข้ามาถามว่า “เฮ้ เขารักษาคุณจนหายแล้วเหรอ”
“ใช่ๆๆ ตอนนี้หายแล้วเหรอ”
……
เมื่อถูกคนกลุ่มใหญ่รุมซักไซ้ ชายเร่ร่อนก็ตัวแข็งทื่อขึ้นมาทันที เขาเคยเจอเรื่องแบบนี้ที่ไหนกัน ปกติมีคนมาสนใจเขามากขนาดนี้ที่ไหนกัน…มีแต่จะเดินอ้อมไปให้ไกล
เขาทำได้เพียงอ้าปากส่งเสียงอือๆ อาๆ แล้ววาดมือทำท่าทางต่างๆ จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนแล้วรีบเดินไปลากข้าวของของตน ก่อนจะเดินทางไปไกลพร้อมเสียงกรุ๊งกริ๊ง
ปล่อยให้ทุกคนยืนทำหน้าตะลึงอยู่ตรงนั้น!
“หายดีแล้วจริงอะ”
“แน่สิ! ไม่เห็นหรอว่าเขาขยับแขนข้างไหน!”
“มหัศจรรย์ขนาดนั้นเลย”
“คนเมื่อกี้ถ่ายได้ชัดหรือเปล่านะครับ”
……
พวกเขาพากันวิพากษ์วิจารณ์ แต่ละคนเต็มไปด้วยความตื่นตะลึง นั่นเป็นเพราะในความคิดของพวกเขา นี่เป็นเรื่องเหลือเชื่อมากๆ ใครกระดูกหักมาโรงพยาบาลแล้วไม่ได้เอกซเรย์บ้าง เสร็จแล้วยังต้องตรวจและอาจต้องผ่าตัดด้วย…
ปกติจะทำตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
เอกซเรย์!
ใช้มีดกรีด!
แหวกเนื้อหนัง!
ใส่เหล็กดาม!
ยึดตะปู!
มีใครทำเหมือนไอ้หนุ่มคนเมื่อกี้บ้าง แค่ขยับกุกกักก็หายแล้ว?
เป็นจอมยุทธ์ยอดฝีมือหรือไง
ทุกคนไม่เข้าใจ!
……
……
เมื่อกลับมาที่ห้องโถงของแผนกฉุกเฉินแล้ว ฉินเยว่ก็มองเฉินชางอย่างเหลือเชื่อ “เมื่อกี้…คุณ…นั่นมันอะไรน่ะ”
ฉางลี่น่ามีสีหน้าตื่นเต้น เขาเห็นเฉินชางขยับกุกกักจากนั้นอีกฝ่ายก็ดีขึ้นแล้ว ทำเอาตกใจจริงๆ!
“เสี่ยวเฉิน…ไม่สิ! จอมยุทธ์เฉิน? เมื่อกี้อะไร เคล็ดวิชาสุดโกงของยุทธภพเหรอคะ”
ใช่แล้ว! ในความคิดของฉางลี่น่า การกระทำเมื่อครู่นี้ของเฉินชางอยู่นอกเหนือความเข้าใจที่เธอมีต่อวิชาชีพแพทย์ไปแล้ว เห็นได้แต่ในโทรทัศน์ ทั้งยังมีแต่ในซีรีส์แนวจอมยุทธ์อีกด้วย ประมาณว่าตัวประกอบได้รับบาดเจ็บจนแขนหัก จากนั้นตัวละครเอกก็ขยับเข้ามารักษาให้รวดเร็วดั่งเสือ!
เฉินชางมองบน อะไรของพวกคุณวะครับ
“มันเป็นวิธีต่อกระดูกด้วยมือ ทักษะที่ใช้บ่อยๆ ในแผนกศัลยกรรมกระดูก”
“ตอนแรกผมอยากให้เขาเข้ามาเอกซเรย์ดูว่ากระดูกแตกหรือเปล่า แต่ทำยังไงเขาก็ไม่ยอมเข้ามา ผมจนปัญญาเลยได้แต่เคลื่อนกระดูกกลับที่ให้เขา ดีที่แค่ข้อต่อหลุดเลยไม่ต้องใส่เฝือก มันไม่ได้แฟนซีอย่างที่คุณพูดหรอก!” เฉินชางเห็นท่าทางของฉางลี่น่าก็อดยิ้มไม่ได้
ฉางลี่น่าชะงัก “ต่อกระดูกด้วยมือหรือคะ มันก็มีแค่ในหนังเหมือนกันนั่นแหละค่ะ ปัจจุบันนี้ใครจะมาต่อกระดูกด้วยมือได้อีก ฉันไม่เคยเห็น”
ขณะคุยกัน ฉางลี่น่าก็อยากลากเฉินชางไปคุยให้รู้เรื่อง
ฉินเยว่เคาะลงบนศีรษะของฉางลี่น่าเบาๆ จากนั้นจึงกล่าวด้วยท่าทางเหมือนคนยุคโบราณ “ไร้อารยะก็อ่านตำราให้มาก อย่าเอาแต่ซุบซิบนินทาทั้งวี่วัน ขายหน้า!”
ฉางลี่น่าตีหน้าระทมทุกข์ เฮ้อ วรยุทธ์ในความฝันของฉันถูกทำลายแล้ว!
……
……
เมื่อเฉินชางและฉินเยว่เก็บของเรียบร้อยแล้วก็เดินออกมาทางประตูใหญ่ของโรงพยาบาล เพิ่งออกมาจากโรงพยาบาล ฉินเยว่ก็เบิกตากว้าง ถามขึ้นด้วยสีหน้าสงสัย “เฉินชาง คุณต่อกระดูกด้วยมือเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่กันคะ”
ฉางลี่น่าไม่เข้าใจเรื่องต่อกระดูกด้วยมือ แต่ฉินเยว่เข้าใจ!
ต้องทราบว่าสือน่าที่ฉินเยว่ติดตามอยู่หลายปีเป็นศัลยแพทย์กระดูก อีกฝ่ายพูดเรื่องเกี่ยวกับศัลยกรรมกระดูกให้ฟังไม่น้อย ทำให้ทราบว่าการต่อกระดูกด้วยมือเป็นทักษะที่เรียนรู้ได้ยาก ที่สำคัญก็คือปัจจุบันมีคนทำเป็นไม่มากแล้ว
หากผ่าตัดจะได้ทั้งเงินและความปลอดภัย มีอะไรไม่ดีบ้าง ในขณะที่วิธีการต่อกระดูกด้วยมือเป็นวิธีที่ค่อนข้างอันตราย หากทำผิดตำแหน่งจะทำให้เส้นประสาท เส้นเลือดและอวัยวะรอบๆ เสียหายจนอาการทรุดหนักยิ่งขึ้น วิธีการรักษาเช่นนี้มีแต่ปัญหา ใครก็ไม่อยากเห็น
นอกจากนี้ วิธีการต่อกระดูกด้วยมือจะต้องฝึกฝนและพัฒนาไม่หยุดหย่อน เช่นนี้จึงจะฝึกฝนทักษะออกมาได้ การที่หวังเซี่ยงจวินฝึกทักษะการต่อกระดูกด้วยมือได้นั้นเพราะเขาเจอผู้ป่วยมานับพันนับหมื่นคน ทั้งนี้เพราะเขาเป็นหมอที่เคยเข้าร่วมการช่วยเหลือในภัยแผ่นดินไหว
ดังนั้นทักษะการต่อกระดูกด้วยมือจึงมีคนทำได้น้อยลงทุกวันแล้ว!
เฉินชางเห็นสีหน้าอยากรู้อยากเห็นระคนเลื่อมใสของฉินเยว่ก็รู้สึกเหมือนมีดอกไม้ไฟปะทุในอก ความสุขท่วมท้นไปทั้งใจ
สาวน้อยข้างกายเลื่อมใสเขา ความรู้สึกนี้มันดีจริงๆ
เฉินชางยิ้ม “ตอนเป็นอินเทิร์น ผมเคยติดตามหมอในแผนกอยู่ระยะหนึ่ง ช่วยจัดการพวกปัญหาง่ายๆ จากนั้นก็อ่านหนังสือและคลำทางเอา…วันนี้เจอพอดี ลองใช้ดูแล้วผลลัพธ์ก็ไม่เลวเลย”
ฉินเยว่พึงพอใจยิ่งนัก เฉินชางสุดยอดขนาดนี้ เธอย่อมต้องดีใจ
“เจ๋ง!”
“สุดยอด!”
“ปังมากค่ะ!”
เฉินชางกระแอมออกมา เกินไปแล้ว อวยกันเกินไปไหม
ทั้งสองคุยไปหัวเราะไป มุ่งหน้าไปสู่ร้านหม้อไฟแพะที่เพิ่งเปิดใหม่
[ติ๊ง! สำเร็จภารกิจความเมตตาของผู้เป็นหมอ ได้รับรางวัล: ความรู้เรื่องกายวิภาคของร่างกายมนุษย์บางส่วนอย่างละเอียด สามารถเลือกระบบใดระบบหนึ่งของร่างกายได้ตามใจ เช่น ระบบย่อยอาหาร ระบบไหลเวียนโลหิต ระบบหายใจ เป็นต้น หลังฟังการบรรยายจบ คุณจะเชี่ยวชาญระบบนั้นๆ]
เมื่อเฉินชางเห็นแจ้งเตือนของระบบก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที!
นี่เป็นของดี!
สิ่งแรกที่เฉินชางคิดถึงก็คือระบบประสาท!
มันเป็นระบบที่ทรมานที่สุด ขอบเขตความรู้ที่เรียนก็ยากที่สุด ดังนั้นจึงสมควรอย่างยิ่งที่จะเป็นระบบประสาท!
เฉินชางถูกการศึกษาเรื่องระบบประสาททรมานจนต้องนอนตาละห้อยอยู่บนเตียงมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว
หรือเขาจะเลือกตอนนี้เลย
แต่…เลือกไปแล้วก็ยังไม่ได้ใช้งานในเร็ววัน นี่คือสิ่งสำคัญ
คิดถึงตรงนี้เฉินชางก็ใจเย็นลงบ้างแล้ว เขาวิเคราะห์และพิจารณาให้ละเอียด จู่ๆ ก็คิดถึงระบบอีกระบบหนึ่งที่ไม่ใช่ระบบประสาท มันก็คือ ‘ระบบไหลเวียนโลหิต’
นี่คงเป็นความรู้ที่จำเป็นที่สุดสำหรับตนในปัจจุบันนี้แล้ว
เฉินชางคิดถึงการผ่าตัดเส้นเลือดในอีกไม่กี่เดือนหลังจากนี้ คิดไปคิดมาก็ตัดสินใจเลือกเรื่องระบบไหลเวียนโลหิต
อันที่จริง เรื่องเช่นนี้เอาไปใช้ประโยชน์ได้ดีทีเดียว…
ไม่ว่าเฉินชางเห็นระบบไหนก็อยากได้จนตาร้อนทั้งนั้น แต่ควรเลือกระบบที่เหมาะสมกับตนที่สุดเพียงระบบเดียว
[คุณเลือกระบบไหลเวียนโลหิต!]
……
ฉินเยว่เห็นเฉินชางนั่งเหม่อจึงถามด้วยความแปลกใจว่า “เป็นอะไรไปคะ ไม่หิวหรือ”
เฉินชางส่ายหน้ายิ้มๆ “เปล่าครับ!”
ฉินเยว่ร้องอ้อออกมา “ฉันก็นึกว่าคุณไม่หิวซะอีก ถ้าไม่หิวก็เอาชิ้นนั้นมาให้ฉันเถอะ อย่าเสียของ!”
เฉินชางจนคำพูด “…”
มีแฟนสาวเป็นนักชิมมันให้ประสบการณ์แบบนี้นี่เอง
เฉินชางจนปัญญาจริงๆ! มองฉินเยว่แล้วถอนใจออกมา เธอไม่ใช่ยัยหมาน้อยขี้ประจบแล้วแหละ เธอมันยัยหมาป่าจอมตะกละ!
ขณะกำลังกินข้าว จู่ๆ ฉินเยว่ก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “เฉินชาง นี่กระดูกสันหลังแพะท่อนที่เท่าไหร่คะ”
เฉินชางพูดอะไรไม่ออก ได้แต่กลอกตาใส่ “คุณเป็นคนอยู่หรือเปล่า ผมต้องไปศึกษาเรื่องกระดูกสันหลังแพะด้วยเหรอ!”
ดวงตาฉินเยว่เป็นประกาย เปลี่ยนท่าทางกลับไปเป็นยัยขี้ประจบน้อยเหมือนเดิม พูดด้วยสีหน้านับถือว่า “ไม่ใช่ว่ารู้ทุกอย่างเหรอคะ”
เฉินชางได้ยินดังนั้นก็ราวกับมีประทัดระเบิดอยู่ในอก เกือบถามระบบออกไปแล้วว่า ผมเสียใจทีหลังได้ไหม ไม่เลือกระบบไหลเวียนโลหิตแล้วได้ไหม เลือกระบบกระดูกแทนได้ไหม!
ไม่ใช่เพราะอะไร แต่ถ้าหลังจากนี้มากินหม้อไฟแพะกันอีก ผมจะได้โชว์เหนือ!
เฮ้อ!
เฉินชางทอดถอนใจออกมา ไม่แปลกใจเลยที่คนโบราณกล่าวกันว่านารีเป็นเหตุ!
เฮ้อ…บาปกรรม!
จู่ๆ เฉินชางก็คิดว่า ดูเหมือนคืนนี้…อาจารย์เมิ่งจะไม่ได้พักผ่อนแล้วละ แย่แน่…