เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 436 ผมอยากมีชีวิตอยู่อีกห้าร้อยปีจริงๆ!
บทที่ 436 ผมอยากมีชีวิตอยู่อีกห้าร้อยปีจริงๆ!
ไม่ทันไรก็ถึงวันเสาร์แล้ว ตั้งนานแล้ววารสารแพทย์ BMJ ก็ยังไม่ตอบกลับจนเฉินชางเริ่มหมดหวัง ตอนแรกคิดจะทำให้ผู้คนตกตะลึงในงานสัมมนาประจำปีเสียหน่อย แต่ดูแล้วคงไม่มีโอกาส
“คิดอะไรอยู่คะ”
ในขณะที่เฉินชางกำลังคิดติดพัน เสียงกระจ่างใสเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นขัดความคิด เฉินชางหันมายิ้มมองยัยขี้ประจบฉิน อารมณ์ดีขึ้นมาเล็กน้อย
“งานสัมมนาประจำปีของศัลยแพทย์ คุณจะไปด้วยหรือเปล่าครับ” เฉินชางถามอย่างสงสัย “ถ้าคุณยอมไป…ผมจะช่วยขอบัตรเชิญให้คุณ!”
เฉินชางคิดว่าตอนนี้ตนพอจะมีหน้ามีตาในวงการศัลยกรรมตับและถุงน้ำดีอยู่บ้าง นอกจากนั้นความสัมพันธ์ของเขากับพวกคนใหญ่คนโตเหล่านั้นก็ค่อนข้างดีเลยทีเดียว เช่นคุณฝู หัวหน้าเฉียนเลี่ยง หรือถ้าสูงกว่านั้นก็ยังมีหัวหน้าโจวหงกวง!
แต่ฉินเยว่กลับยิ้มอย่างไม่ใส่ใจนัก “เจ๊เยว่ของคุณเป็นสมาชิกสมาคมนานแล้วค่ะ! ต้องให้คุณช่วยผลักดันด้วยเหรอคะ เสี่ยวชางเอ๋อร์”
เฉินชางชะงัก ถึงกับอึ้งไปชั่วครู่เลยทีเดียว ก็จริง ถึงอย่างไรไม่ว่าจะสภาพครอบครัว สถาบันการศึกษา หรือประวัติการศึกษาของฉินเยว่ก็ดีมาก เพิ่งเข้ามาทำงานที่โรงพยาบาลก็ได้บรรจุแล้ว ย่อมเข้าสมาคมได้ง่าย
ที่สำคัญก็คือฉินเสี้ยวหยวนผู้เป็นพ่อของเธอคือผู้อำนวยการโรงพยาบาลใหญ่ มีตำแหน่งใหญ่โตเช่นนี้ ถ้าอยากเข้าสมาคมไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องง่ายดายหรอกหรือ
ตอนนี้เอง จู่ๆ ฉินเยว่ก็หันมาหัวเราะฮี่ๆ มองเฉินชาง ดวงตาหยีโค้ง กรีดนิ้วชี้ข้างขวาออกมาเชยคางเฉินชาง มองเขาด้วยสายตามั่นใจเจือหยอกล้อ
“ชางเอ๋อร์ เจ้ารับผิดชอบประทินโฉมงดงามสวมอาภรณ์เลิศล้ำดั่งบุปผา ส่วนข้าจักสวมเกราะถือหอกช่วงชิงใต้หล้ามาให้เจ้า เป็นอย่างไร”
พูดจบ เธอก็เว้นช่วงไปประมาณสามวินาที “พิจารณาดูให้ดี!”
เฉินชางอึ้งไปหมดแล้ว! เห็นสายตายั่วยุเจือหยอกเย้าของฉินเยว่ เฉินชางก็อยากหัวเราะจริงๆ
ถ้าอาจารย์เมิ่งซีทำเช่นนี้ บางทีคงทำให้ใจวาบหวิว ยากจะยับยั้งขึ้นมาก็ได้!
แต่ยัยหมาน้อยขี้ประจบคนนี้เป็นพวกน่ารักบ้องแบ๊วแต่กำเนิด ดวงตากลมโตคล้ายจะมีประกายสุกใสและซุกซนไม่จบไม่สิ้น การกระทำเช่นนี้กลับทำให้เฉินชางต้องคว้ามือเธอไว้อย่างอดไม่อยู่ ออกแรงเล็กน้อย ดึงเธอเข้ามา
เฉินชางดึงข้อมืออีกข้างหนึ่งของฉินเยว่ ทำให้เธอเข้าสู่อ้อมกอดของตน!
ยัยน่ารักนี่! ซนจริงๆ!
ฉินเยว่ที่ตอนแรกยังสวมบทบาทไม่ทันจกลับถูกเฉินชางดึงเข้าสู่อ้อมกอดไปแล้ว ทำให้เธอตะลึงจนตาค้าง สมองยังไม่ส่งปฏิกิริยากลับมา ตัวเองก็ถูกเฉินชางแบกขึ้นบนบ่าไปแล้ว! ทำเอาเธอตกใจจนสะดุ้ง!
“เฉินชาง วางฉันลงเดี๋ยวนี้!”
เฉินชางยืดตัวขึ้น ทำเป็นหูหนวก!
มือซ้ายกอดขาทั้งสองของเธอไว้ แบกฉินเยว่ขึ้นบ่า เฉินชางแบกเธอในสภาพเช่นนี้พลางเดินไปยังจุดหมาย
บรรยากาศในสวนสาธารณะตอนสามทุ่มดีมาก ลมฤดูใบไม้ร่วงไม่หนาวไม่ร้อน เย็นกว่าฤดูใบไม้ผลิไม่เท่าไร แต่กลับให้บรรยากาศอันเป็นเอกลักษณ์ของฤดูใบไม้ร่วง
ในสวนมีกลิ่นหอมจากดอกกุหลาบและดอกหอมหมื่นลี้มากมายที่ผลิบาน ให้ความรู้สึกเบาสบาย ทั้งยังมีดอกเก๊กฮวยที่อยู่ใต้เสาไฟ ทำให้ดูเปล่งประกายเป็นพิเศษ
ดูถึงตรงนี้จู่ๆ เฉินชางก็รู้สึกเหมือนเลือดกระหน่ำสูบฉีด! เขาตีก้นฉินเยว่เบาๆ สองครั้ง ปากก็ระบายรอยยิ้มพูดขึ้นว่า “อวดดีจริงๆ! ไม่ตีสามวันก็ซนขนาดนี้แล้ว กล้าหยอกผมเล่นแล้วเหรอ!”
ฉินเยว่รู้สึกราวกับมีอารมณ์แปลกประหลาดระลอกหนึ่งแผ่ซ่าน ใบหน้าแดงก่ำไปโดยพลัน!
แต่เธอถูกเฉินชางแบกอยู่เช่นนี้จนหน้าคว่ำไปด้านหลัง ให้ความรู้สึกเหมือนถูกจอมโจรภูเขาในยุคโบราณปล้นชิงตัวไปอย่างไรอย่างนั้น!
“เฉินชาง วางฉันลงนะ!”
เฉินชางไม่เพียงไม่สนใจ แถมยังตีก้นไปอีกครั้งหนึ่งด้วย คราวนี้ไม่หนักไม่เบา แรงกำลังพอดี!
ฉินเยว่ตะโกนอีกครั้ง “ตาบ้าเฉิน ปล่อยคุณหนูอย่างข้าลงเดี๋ยวนี้!”
เฉินชางชะงักไป ยัยนี่ยังมีอารมณ์สวมบทบาทอีกเหรอ
ด้วยเหตุนี้เขาจึงตีไปอีกครั้ง! แต่ครั้งนี้เขาพูดเสริมไปอีกประโยคหนึ่งว่า “แม่นางน้อย กลับภูเขาไปกับผู้ยิ่งใหญ่เช่นข้า ไปเป็นฮูหยินประจำคฤหาสน์เถิด! ไปร่วมทุกข์ร่วมสุขกับผู้ยิ่งใหญ่เช่นข้า!”
ฉินเยว่หน้าแดง “เจ้าหมาบ้า ต่อให้ตายเป็นผีข้าก็จะไม่ยอมปล่อยเจ้าไปแน่!”
เฉินชางหัวเราะอย่างไม่ใส่ใจนัก เพียงแต่แรงที่ใช้ตีเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย “คุณชายเช่นข้าเป็นพวกใจกล้าแต่กำเนิด แม่นางงดงามขนาดนี้ จะไม่ส่งตัวถึงประตูบ้านได้อย่างไร!”
ฉินเยว่คล้ายเสพติดไปแล้ว ยิ่งแสดงก็ยิ่งอิน น้ำเสียงคละเคล้าไปด้วยความโศกเศร้า “เจ้าหมาบ้าเฉิน! ต่อให้เจ้าได้ตัวข้า เจ้าก็จะไม่ได้ใจข้า!”
เฉินชางได้ยินดังนั้นก็หัวเราะออกมา “เช่นนี้ยังไม่พออีกหรือ”
เพียงแต่…เพิ่งจะตีลงไปอีกครั้ง จู่ๆ เฉินชางก็ถูกภาพตรงหน้าทำเอาเขาเย็นยะเยือก!
เขาเห็นฉินเสี้ยวหยวนผู้เป็นพ่อตาและจี้หรูอวิ๋นผู้เป็นแม่ยายเดินเข้ามาหาพอดี! แถมพวกเขายังเห็นฉินเยว่ถูกเฉินชางแบกอยู่บนบ่าเข้าพอดีด้วย อีกทั้ง…ตอนนี้มือของเฉินชางก็ยังวางอยู่บน…ของลูกสาวพวกเขา!
ชั่วขณะนี้ ดวงตาทั้งสามคู่คล้ายส่องประกายวาบวับ เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกภายใต้แสงไฟ!
เหล่าฉินรู้สึกเหมือนเส้นประสาทบนใบหน้าตนเองกระตุกเกร็ง เพียงแต่…ไม่รู้ว่าเป็นเส้นประสาทใดในเส้นประสาททั้งสิบสองบริเวณใบหน้า!
จี้หรูอวิ๋นรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเธอแพ้กลิ่นหอมของดอกไม้ในวันนี้หรือเปล่า!
เฉินชางลดมือที่วางอยู่ตรงส่วนนั้นของฉินเยว่ลง รู้สึกเหมือนเส้นประสาทชาไปแล้ว อืม ถึงอย่างไรก็ขยับไม่ได้อยู่ดี!
ตอนนี้เอง ฉินเยว่ที่ดูเหมือนเข้าถึงบทบาทไปถึงจิตวิญญาณแล้วก็พูดขึ้นว่า “สามี เบามือกับภรรยาหน่อยนะเจ้าคะ…”
น้ำเสียงอ่อนหวานเต็มไปด้วยเสน่ห์ยั่วเย้า คละเคล้าไปด้วยความเชิญชวนเล็กน้อย ให้ความรู้สึก…คันยุบยิบ
ขณะนี้ทั้ งสามตะลึงพรึงเพริดจนตาค้างไปแล้ว!
ไม่ทราบว่าเพราะอะไร! พวกเขาคล้ายสับสนมึนงงและเหมือนสูญเสียอะไรบางอย่าง!
สายลมในวันนี้ ส่งเสียงดังจริงๆ!
……
ทันใดนั้นเฉินชางก็กลืนน้ำลายอึกใหญ่ รู้สึกเหมือนลำคอแห้งผาก ใจเต้นกระสับกระส่าย
เหล่าฉินรีบดึงจี้หรูอวิ๋นให้หันมาแล้วกลับหลังหัน พูดขึ้นว่า “เฮ้อ ภรรยาข้า ทำไมข้ารู้สึกตาพร่าจัง มองอะไรไม่เห็นเลย!”
จี้หรูอวิ๋นก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเบาหวิว “โอ้ สามี ข้าก็ด้วยเจ้าค่ะ แล้วก็…รู้สึกเหมือนมีเสียงดังวิ้งๆ ในหู ไม่ได้ยินอะไรเลย เป็นอะไรกันแน่นะ”
ฉินเสี้ยวหยวนเข้าสู่บทบาทได้อย่างรวดเร็ว ถึงกับกล่าวต่อไปว่า “รีบกลับบ้านเถอะ ข้าอยากพักแล้ว!”
จี้หรูอวิ๋นพยักหน้า!
ทั้งสองรีบร้อนเดินจากไป เฉินชางเห็นดังนั้นก็ตกตะลึงจนตาค้างไปอีกรอบ!
นี่มัน…อัศจรรย์เกินไปไหม!
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร คิดไม่ถึงว่าผู้อำนวยการฉินจะมีปฏิกิริยาเช่นนี้กลับมา
ผู้อำนวยการก็คือผู้อำนวยการ ยิ่งคิดก็ยิ่งนับถือ
ว่าแต่ว่า…ครอบครัวนี้มันบ้านฉินการละครได้ขนาดนี้เลยหรือ…
คิดถึงปฏิกิริยาเมื่อครู่นี้ของผู้อำนวยการฉินแล้ว เฉินชางก็เหงื่อแตกพลั่ก
คิดถึงตรงนี้ จู่ๆ สัมผัสที่มือก็กลับมา จากนั้นก็บีบไปเล็กน้อย
อืม ไม่เลว ตรงไหนก็ดีไปหมด!
ถ้างั้น…ลงไปอีกหน่อยแล้วกัน?
คิดแล้วเฉินชางก็ลองดู!
ขณะที่เฉินชางคิดจะลองดูอีกครั้ง เสียงฉินเยว่ก็ดังขึ้นข้างหู “ชีวิตสำคัญอยู่นะคะ!”
เฉินชางหน้าซีดไปทันที! เขารีบวางฉินเยว่ลงทันควัน จากนั้นก็กระแอมแล้วพูดว่า “เอ่อ…คือ…เมื่อกี้ผมเส้นประสาทมือกระตุก ขยับไม่ได้!”
ฉินเยว่หรี่ตามองเฉินชาง จากนั้นก็พูดยิ้มๆ “งั้นเหรอคะ”
เฉินชางพยักหน้าอย่างจริงจัง ในดวงตาเต็มไปด้วยความใสซื่อบริสุทธิ์ แต่เมื่อคิดได้ว่าวิชาป้องกันตัวของฉินเยว่อยู่ในระดับสายดำแล้ว เฉินชางก็เริ่มกระสับกระส่าย
จู่ๆ เขาก็คิดถึงผู้อำนวยการฉินขึ้นมา พวกคุณอย่าไปเลย…ผมยังอยากมีชีวิตอยู่ต่ออีกสักห้าร้อยปี…
ฉินเยว่หรี่ตาตามองเฉินชาง “สบายดีแล้วเหรอคะ”
เฉินชางรีบพยักหน้าอย่างจริงใจ “อืม!”
เห็นประกายสังหารในดวงตาของฉินเยว่ เฉินชางก็ตัดสินใจว่าจะวิ่งไปก่อนสักสิบเมตรแล้วค่อยว่ากัน ไม่แน่ว่าตัวเองอาจมีทางถอย อาจมีชีวิตอยู่ต่อไปได้!
คิดแล้วเขาวิ่งหนีไปทันที!
ฉินเยว่เก็บใบไม้ขึ้นมาสองใบแล้วซัดใส่เฉินชาง น่าเสียดายที่เธอไม่เคยเรียนเคล็ดวิชาดรรชนีเด็ดบุปผา จึงทำได้เพียงไล่ตามไปด้วยท่าทางเย่อหยิ่ง “เจ้าหมาบ้า หยุดเดี๋ยวนี้! เรียกข้าว่าท่านยายแล้วจะไว้ชีวิตเจ้า!”
ตอนนี้เฉินชางหยุดไม่ได้แล้ว! เขาสาบานเลยว่า ถ้าเอาเปรียบอีกฝ่ายแล้วต้องรีบวิ่งหนี ถึงอย่างไรเขาก็ขายาวกว่า!