เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 437 ฉันมันคนโลภ!
บทที่ 437 ฉันมันคนโลภ!
ขณะนี้ ภายในพงหญ้า คนแซ่ฉินและคนแซ่จี้ไม่พูดไม่จา! พวกเขาสบตากัน เห็นความคิดนับไม่ถ้วนในดวงตาของอีกฝ่าย
เนิ่นนานผ่านไป ทั้งคู่ก็ถอนใจออกมา
เฮ้อ…
ฉินเสี้ยวหยวนเข้าใจได้อย่างลึกซึ้งแล้วว่าลูกสาวเติบใหญ่แปรเปลี่ยนมากมาย หากพูดให้เกินไปสักหน่อยก็คือลูกสาวโตแล้วเก็บไว้ไม่ได้! แต่ลูกสาวของตัวเอง ลูกสาวของตัวเองโตแล้ว…ลูกสาว…โตแล้วยังเล่นอะไรเป็นเด็ก!
ส่วนจี้หรูอวิ๋นมองไปยังเงาร่างทั้งสองที่วิ่งหยอกกันแล้วก็หัวเราะออกมา
นี่คือคนหนุ่มคนสาวสินะ ดีจริงๆ!
เมื่อเธอเห็นฉินเยว่หัวเราะเสียงดังอย่างไม่รู้จักอาย ทำเรื่องที่ตัวเองอยากทำอย่างเบิกบานใจ ได้ชอบคนที่ชอบ เท่านี้ผู้เป็นมารดามีความสุขแทนลูกสาวแล้ว
ถึงคำพูดเหล่านี้จะฟังดูไร้สาระ ทว่านี่ถึงจะเป็นท่าทางอย่างที่คนหนุ่มสาวสมควรมีไม่ใช่หรือ
นอกจากนี้พวกเขาก็แก่ชรามากแล้ว ย่อมเกิดช่องว่างระหว่างวัย เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องปกติ ยิ่งไปกว่านั้น ยังดีที่มีเฉินชางอยู่ด้วย เขาเล่นเป็นเพื่อนลูกสาวได้ เขาราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคนจริงๆ คาดว่าฉินเยว่ก็คงชอบสินะ
จี้หรูอวิ๋นเข้าใจฉินเยว่เป็นอย่างดี รู้ว่าเด็กคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่ในใจ
คนที่ภายนอกดูดีมีอยู่มากมาย คนที่จิตใจงดงามโดยแท้จริงมีน้อยนิด
ได้พบเฉินชางที่ทั้งหน้าตาดีและน่าสนใจ ทั้งยังเป็นคนมีความสามารถมาก เรียกว่าเป็นวาสนาของฉินเยว่แล้ว!
จี้หรูอวิ๋นไม่คิดลำเอียง เธอคิดเช่นนี้จริงๆ เธอชื่นชมเฉินชางจากใจจริง และความเข้าใจที่เธอมีต่อเฉินชางทั้งหมดก็ได้รู้มาจากปากของฉินเยว่เองทั้งนั้น
ฉินเยว่คุยเล่นกับเธออยู่บ่อยครั้ง พูดเรื่องในใจอยู่บ่อยครั้ง เธอรู้ว่าเด็กคนนี้มีความรู้สึกดีๆ ให้เฉินชาง
คนวัยหนุ่มสาว ไม่เพียงแต่ต้องการการแข่งขันเท่านั้น พวกเขายังต้องการเรียนรู้เรื่องความรักอีกด้วย
ในชีวิตตลอดยี่สิบกว่าปีของฉินเยว่ มีแต่ความพยายาม การเรียน และการทำงาน แต่ตอนนี้ในที่สุดเธอก็ได้รักใครบางคนแล้ว นี่ถือเป็นเรื่องดี!
ทว่าทางด้านฉินเสี้ยวหยวนกลับกังวลมาก! เขารู้สึกว่าถ้าโจรหนุ่มนั่นมาอยู่กับโจรสาวของบ้านตัวเองจะต้องเกิดปัญหาขึ้นแน่!
ถ้าหากมีโจรตัวน้อยออกมา จะไร้สาระเกินไปหรือเปล่า
ทั้งสองคนจะว่าดีก็ดีอยู่! แต่…ต้องอย่างนั้นอย่างนี้กันนะ!
คิดถึงตรงนี้ ฉินเสี้ยวหยวนก็มองจี้หรูอวิ๋นแล้วพูดว่า “ที่รักครับ ถ้าคุณว่างก็พูดกับเยว่เยว่หน่อยนะครับ ถ้าเกิดอะไรๆ กัน จะ…ไร้สาระเกินไปนะครับ!”
จี้หรูอวิ๋นหัวเราะเสียงเย็น “ไร้สาระหรือคะ คุณคิดว่าไร้สาระหรือ เรื่องที่คุณทำตั้งแต่ตอนเรียนมหาลัย ไร้สาระเหรอคะ”
ฉินเสี้ยวหยวนชะงักไปทันที คิดถึงสิ่งที่ตนเองและภรรยาทำตอนอยู่มหาวิทยาลัย…ก็พูดอะไรไม่ออก!
แต่! นี่มันเหมือนกันที่ไหนล่ะ!
ฉินเสี้ยวหยวนหน้าแดง “เหมือนกันที่ไหนล่ะ”
จี้หรูอวิ๋นหัวเราะ “ไม่เหมือนกันที่ไหนล่ะ เฉินชางหล่อไม่เท่าคุณหรือไง ไม่มีเงินเท่าคุณหรือไง หรือเก่งไม่เท่าคุณล่ะคะ พ่อหนุ่มนั่นไม่มีช่วงวัยหนุ่มหรือไงคะ ลูกสาวคุณล้ำค่ามากเลยหรือคะ”
คำถามเหล่านี้ให้ทำเอาฉินเสี้ยวหยวนอึ้งไปแล้ว!
สองแม่ลูกคู่นี้ล้อเล่นอะไรกันอยู่
แบบนี้ต้องใส่ไฟเข้าไปอีก!
ฉินเสี้ยวหยวนยังคงพูดต่อไป “แต่!”
จี้หรูอวิ๋นลุกขึ้นยืน เดินมุ่งกลับบ้าน “เอาละ เรื่องที่ไม่ควรห่วงก็ไม่ต้องห่วงค่ะ คนหนุ่มสาวก็ต้องมีชีวิตอย่างคนหนุ่มสาว เหล่าฉิน ไม่ใช่ว่าฉันจะว่าอะไรคุณนะคะ จะรักลูกสาวก็ต้องรู้ด้วยว่าจะรักยังไง”
“เยว่เยว่อายุขนาดนี้แล้ว อีกไม่นานก็จะสามสิบแล้วนะคะ คุณจะดูแลเธอตลอดไปเลยหรือไง ต้องไม่ให้เยว่เยว่มีคนรักคุณถึงจะพอใจหรือไงคะ อะไรที่คุณควรยุ่งก็ยุ่งได้ เยว่เยว่ก็อายุยี่สิบแปดเข้าไปแล้ว ไม่ว่าจะพื้นเพทางครอบครัว หรือการศึกษาก็สมบูรณ์แบบทั้งนั้น ยังมีอะไรให้คุณเป็นห่วงอีก ต่อไปเรื่องคนรักของลูกคุณก็ไม่ต้องยุ่งแล้ว! แน่นอนว่า…คุณก็อย่าไปยุ่งเรื่องเฉินชางให้มากเกินไปนะคะ ฉันว่าเขาก็ไม่เลวเลย”
ฉินเสี้ยวหยวนถูกคำพูดของจี้หรูอวิ๋นทำเอาเงียบไปเลย
เขายุ่งมากเกินไปจริงๆ หรือ
ทันใดนั้น จี้หรูอวิ๋นก็กล่าวเสริมเป็นครั้งสุดท้าย “เฮ้อ…ตอนคุณยังหนุ่มยังไม่เคยแบกฉันแบบนี้เลย ไม่รู้จักความโรแมนติกเลยสักนิด! เหอะ…รีบกลับบ้านเร็ว กลับไปแช่เท้าสักหน่อย ง่วงแล้วค่ะ”
เมื่อจี้หรูอวิ๋นพูดจบ ก็รู้สึกเหมือนตัวเองถูกแบกเดินไปข้างหน้า!
จี้หรูอวิ๋นตกใจ!
“โอย เหล่าฉิน วางฉันลงค่ะ!”
ฉินเสี้ยวหยวนตีก้นไปครั้งหนึ่ง…
จี้หรูอวิ๋นหน้าแดง “เหล่าฉิน คนเยอะนะคะ! โอย…อายจะตายอยู่แล้ว!”
……
……
ตอนกลางคืน เมื่อฉินเยว่กลับมาถึงบ้านแล้ว ฉินเสี้ยวหยวนและจี้หรูอวิ๋นก็แสร้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทำเพียงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “กลับมาแล้วเหรอ!”
ฉินเยว่หัวเราะ “ค่ะ! กลับมาแล้ว”
จี้หรูอวิ๋นดูเวลา เพิ่งจะสามทุ่มครึ่ง “ทำไมไม่เดินเล่นอีกหน่อยล่ะ ตอนนี้ที่สวนสาธารณะกำลังครึกครื้นเลย!”
ฉินเยว่พูดยิ้มๆ “หนูคิดถึงแม่ค่ะ”
จี้หรูอวิ๋นกลอกตาใส่ฉินเยว่ “ปากหวานจริง!”
ฉินเยว่หัวเราะ เธอสังเกตเห็นว่าใบหน้าขาวๆ ของผู้เป็นมารดามีริ้วแดงระเรื่อเล็กน้อย จึงพูดยิ้มๆ ว่า “แม่คะ…ทำไมแม่หน้าแดงขนาดนี้คะ! แอบซื้อเครื่องสำอางอะไรมาใช่หรือเปล่า หนูใช้ได้ไหมคะ”
จี้หรูอวิ๋นชะงักไป รีบหยิบกระจกบนโต๊ะขึ้นมาส่องดูทันที ทันใดนั้นก็ต้องตกตะลึงเพราะว่าใบหน้าของตนแดงอยู่เล็กน้อยจริงๆ “งั้นเหรอ แม่ไม่ได้ซื้อเครื่องสำอางค์สักหน่อย! อาจเป็นเพราะเพิ่งไปวิ่งใต้ตึกมาก็ได้”
ฉินเยว่พยักหน้า “อ้อ…จริงสิ! นี่กลิ่นอะไรคะ…คาวๆ!”
ฉินเยว่จมูกดีเหมือนหมา ประสาทการรับกลิ่นก็ดีเยี่ยม
จี้หรูอวิ๋นหน้าเปลี่ยนสีไปโดยพลัน “ไปอาบน้ำแล้วเข้านอนเถอะ พรุ่งนี้ยังต้องทำงานอีก คงเป็นกลิ่นเท้าของพ่อหนูละมั้ง!”
พูดจบจี้หรูอวิ๋นก็ตะโกนว่า “เหล่าฉิน หยิบน้ำหอมในห้องมาให้หน่อยคะ เอามาฉีดที่โซฟาหน่อย เท้าคุณเหม็นจริงๆ! ไปล้างเท้าด้วยนะคะ ถ้าไม่ล้างเท้าจะไม่อนุญาตให้ขึ้นเตียง!”
ฉินเสี้ยวหยวนหัวเราะแห้งๆ รีบหยิบน้ำหอมออกมาฉีดทันที
จี้หรูอวิ๋นได้แต่ถลึงตาใส่ฉินเสี้ยวหยวนอย่างดุดัน
……
เฉินชางกลับมาถึงบ้านแล้วก็ยังไม่ได้เข้านอน เขานำคลิปการผ่าตัดออกมาจัดเตรียม ตอนนี้มีวิทยานิพนธ์ฉบับเดียวที่ได้รับการตอบรับแล้ว แต่ทางวารสารยังไม่ส่งมาให้ จึงทำคลิปวีดีโอการผ่าตัดก่อน ถึงตอนนั้นถ้าได้รับรางวัลก็จะยอดเยี่ยมที่สุด
อันที่จริงที่เขาอยากเป็นคณะกรรมการสมาคมศัลยกรรมตับและถุงน้ำดีนั้น ไม่ใช่เพราะเป็นภารกิจอย่างเดียว แต่ยังมีอีกสาเหตุหนึ่งด้วย นั่นก็คือฉินเยว่ก็ทำงานอยู่ในวงการศัลยกรรมตับและถุงน้ำดีเช่นกัน
เฉินชางมีความคิดเล็กๆ ว่าเขาจะช่วยเหลือฉินเยว่ที่อยู่ในวงการนี้ให้ได้ คอยเป็นแรงช่วยเหลือและคุ้มครองฉินเยว่
ประเทศจีนให้ความสำคัญกับความอาวุโสมากทีเดียว เฉินชางยังต้องถ่อมตนอยู่มาก ยิ่งไปกว่านั้น แผนกฉุกเฉินก็มีอาการป่วยหลากหลาย ซึ่งล้วนแล้วแต่เกี่ยวกับระบบตับและถุงน้ำดี เช่นตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน การบาดเจ็บที่ตับ ท่อน้ำดีเสียหาย…อาการเหล่านี้ถือเป็นอาการฉุกเฉินทั้งนั้น
มีเวทีเช่นนี้ให้ศึกษาและแลกเปลี่ยนความรู้ เฉินชางรู้สึกว่าไม่เลวเลยทีเดียว
ฉินเยว่ทิ้งตัวลงนอนบนเตียง พลิกตัวไปมาเพราะนอนไม่หลับ ด้วยเหตุนี้จึงส่งข้อความหาเฉินชางว่า “เสี่ยวชางเอ๋อร์ ยังไม่มาปรนนิบัติเปิ่นกง[1]เข้านอนอีกหรือ!”
เฉินชางเห็นมีมที่ทำจากหน้าฉินเยว่ก็อดหัวเราะไม่ได้ จากนั้นจึงตอบข้อความกลับไปว่า “ยัยตัวเล็ก คันก้นหรือเปล่า ระวังเถอะผมจะตีก้นคุณอีก!”
ฉินเยว่คิดถึงเรื่องที่สวนสาธารณะในวันนี้พลันต้องหน้าแดงก่ำ “ตาบ้า อยากจับตรงนั้นของฉันก็พูดมาตรงๆ เถอะ! ลามก!”
เฉินชางหลุดหัวเราะออกมา
แต่เมื่อคิดได้ว่าภาพที่ตนตีก้นฉินเยว่ในวันนี้ถูกผู้อำนวยการฉินและจี้หรูอวิ๋นเห็นเข้าเต็มๆ ตา เขาก็กังวลเล็กน้อย
คิดแล้วเฉินชางก็ถามอย่างระมัดระวังว่า “วันนี้คุณกลับบ้านแล้ว คุณพ่อคุณแม่คุณดูผิดปกติตรงไหนหรือเปล่าครับ”
ฉินเยว่เกาหัว คิดทบทวนแล้วตอบไปว่า “ผิดปกติหรือคะ ดูเหมือนคุณแม่จะหน้าแดงเล็กน้อย ในห้องก็มีกลิ่นเหม็นจากเท้าของคุณพ่อ ส่วนอย่างอื่น…ก็ไม่มีแล้ว!”
“อ้อ! แล้วก็บอกให้ฉันไปเที่ยวอีกหน่อย ถามว่าทำไมกลับมาเร็วจัง”
เฉินชางผ่อนคลายลงได้ในที่สุด ไม่มีอะไรก็ดีแล้ว!
ฉินเยว่ถอนใจ “เฮ้อ พอแยกจากกันฉันก็คิดถึงคุณแล้ว”
เมื่อเห็นข้อความที่ฉินเยว่ส่งมาให้ เฉินชางก็หัวเราะออกมาทันที “งั้นเหรอครับ ชอบผมขนาดนี้เลยเหรอ”
ฉินเยว่ส่งมีมหน้าโหดไปให้ “อย่ามโนมากไปค่ะ ฉันก็แค่อยากได้ร่างกายคุณ!”
[1] เปิ่นกง (本宫) คำเรียกแทนตนเองของเชื้อพระวงศ์ฝ่ายหญิงในสมัยจีนโบราณ