เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 447 ไม่มีอะไรทำให้คนเรามีความสุขมากไปกว่าการได้สิ่งที่สูญเสียไปกลับคืนมา!
- Home
- เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ
- บทที่ 447 ไม่มีอะไรทำให้คนเรามีความสุขมากไปกว่าการได้สิ่งที่สูญเสียไปกลับคืนมา!
บทที่ 447 ไม่มีอะไรทำให้คนเรามีความสุขมากไปกว่าการได้สิ่งที่สูญเสียไปกลับคืนมา!
ความจริงการผ่าตัดดำเนินมาจนถึงตอนนี้ก็เพิ่งจะสำเร็จไปไม่ถึงหนึ่งในสามส่วน! จากนี้ยังมีงานอีกมากมายที่กำลังรอพวกเขาอยู่
อันที่จริงอาการบาดเจ็บที่กระบังลมเฉียบพลันร่วมกับการบาดเจ็บในช่องท้องเช่นนี้ควรผ่าตัดรักษากระบังลมและอวัยวะในช่องท้องที่เสียหายไปพร้อมกัน แต่ในกรณีนี้ เนื่องจากอาการบาดเจ็บที่กระบังลมและภาวะไส้เลื่อนกระบังลมไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต ทีมแพทย์จึงเลือกจัดการจุดที่มีเลือดออกในช่องท้องก่อนเพราะเร่งด่วนกว่า
เมื่อจัดการปัจจัยที่เป็นอันตรายถึงชีวิตได้หมดแล้วก็เป็นเวลาของการตัดและเชื่อมต่อลำไส้ หรือการทำ anastomotic ซึ่งไม่ได้เร่งด่วนมากนัก แต่เป็นการผ่าตัดที่ต้องทำส่วนของช่องท้องและช่องอกไปพร้อมกัน
เดิมทีต้องผ่าตัดช่องท้องไปพร้อมกันด้วย แต่เฉินชางสงสัยว่าอาจมีความเสียหายที่หลอดเลือดและอวัยวะภายในช่องอกด้วยจึงอยากผ่าเปิดช่องอกเพื่อตรวจสอบดูเสียก่อน
ด้วยเหตุนี้จึงต้องกรีดบริเวณอกอีกครั้งเพื่อผ่าตัดผ่านทางช่องอก!
ขณะนี้การผ่าตัดสองเคสดำเนินไปพร้อมกัน! และเพื่อให้การผ่าตัดสะดวกยิ่งขึ้น หัวหน้าพยาบาลหลี่อิงจึงจัดแจงพยาบาลและอุปกรณ์เข้ามาให้เพิ่มเติม เป็นการอำนวยความสะดวกให้เฉินชางโดยเฉพาะ
ขณะนี้หลี่เป่าซานกำลังจัดการอวัยวะในช่องท้อง นำอวัยวะที่เคลื่อนตัวเข้าไปในช่องอกกลับสู่ตำแหน่งเดิม ในเวลาเดียวกันเฉินชางก็หยิบมีดผ่าตัดขึ้นมากรีดตรงตำแหน่งซี่โครงท่อนที่หกเพื่อเปิดทางเข้าสู่ช่องอก
ไม่ผิดจากที่คาด บริเวณช่องอกเสียหายและมีเลือดออกจริงๆ ซึ่งตอนนี้อวัยวะภายในช่องอกก็มีพังผืดติดกับปอด ผนังทรวงอกและกระบังลมไปแล้ว ไม่แปลกใจเลยที่ส่งผลกระทบต่อการหายใจของผู้ป่วย!
เฉินชางจัดการลอกพังผืดออกด้วยความระมัดระวัง จากนั้นจึงเริ่มทำความสะอาดช่องอกและฉีดยาปฏิชีวนะเพื่อป้องกันการติดเชื้อ จากนั้นก็เริ่มเย็บที่กระบังลมก่อนเป็นอันดับแรก!
โชคดีที่กระบังลมของผู้ป่วยเพิ่งฉีกขาดไปไม่นาน ใช้วิธีการเย็บแบบธรรมดาก็ได้แล้ว
ทางด้านวิสัญญีแพทย์ยังคงจับจ้องไปยังสัญญาณชีพของผู้ป่วยอยู่ตลอดเพราะกลัวจะเกิดอุบัติเหตุอะไร ดีที่ตอนนี้สัญญาณชีพของผู้ป่วยยังเสถียรอยู่
ก่อนหน้านี้เนื่องจากผู้ป่วยมีเลือดออกเป็นจำนวนมากจึงทำให้เกิดภาวะช็อกจากการเสียเลือด ทว่าตอนนี้อาการเริ่มฟื้นฟูแล้ว ความดันเลือดกลับมาเป็นปกติ อัตราการเต้นของหัวใจปกติ…สรุปแล้วสัญญาณชีพของผู้ป่วยปกติมาก!
กระทั่งลมหายใจก็เริ่มสงบลงแล้ว! นี่ทำให้ทุกคนในห้องผ่าตัดผ่อนคลายลงได้บ้าง
เฉินชางเงยหน้ามองพยาบาล พบว่าสายตาของคนสิบกว่าคนในห้องผ่าตัดล้วนจับจ้องมาที่ตน!
เขาถึงกับชะงักไปเล็กน้อย!
นี่ผมหล่อขนาดนี้เลยเหรอ
เฉินชางถอนใจออกมา พูดกับพยาบาลว่า “ไหมเบอร์หกครับ”
พยาบาลรีบส่งให้ทันที ถ้าเห็นข้อความนี้จากที่อื่นโปรดกลับมาเยี่ยมเราบ้างนะ ขอบคุนจ้า
เฉินชางเชี่ยวชาญการเย็บกระบังลมมาก เพราะเขามีทักษะระดับปรมาจารย์อยู่ นี่ไม่ใช่การพูดล้อเล่นแต่อย่างใด การเย็บรักษากระบังลมจะต้องให้ความสำคัญกับตำแหน่ง ไม่ให้มันเคลื่อนตัวได้ง่ายๆ ดังนั้นจึงต้องเย็บให้แน่น
ทุกคนมองดูการเย็บของเฉินชาง รู้สึกราวกับได้รับความสุนทรีย์บางอย่าง!
……
ขณะนี้สภาพของหลี่เป่าซานดีมาก! เขารู้สึกเหมือนว่าตนไม่ได้เข้าถึงสภาวะเช่นนี้มานานแล้ว งานรักษาลำไส้ก็เป็นไปอย่างราบรื่น เข็มและไหมในมือขยับอย่างไหลลื่นหาใดเปรียบจนถึงขั้นทำให้หลี่เป่าซานเคลิ้มไปเลยทีเดียว!
คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเสี่ยวเฉินจะกระตุ้นห้วงจักรวาลเล็กๆ ภายในจิตใจเขาได้! คิดแล้วเขาก็ตัดสินใจว่าหลังจากนี้ตอนมีผ่าตัดจะพาเฉินชางมาด้วยบ่อยๆ
……
ไม่นานหลี่เป่าซานก็มัดปมสุดท้ายเสร็จ เขาเงยหน้าขึ้นมองพยาบาลที่ถือกรรไกรเตรียมไว้ ทว่าในตอนนี้เอง เขากลับพบว่า…ความสนใจของทุกคนไม่ได้อยู่ที่ตนเอง แต่ละคนล้วงจับจ้องไปที่เฉินชาง!
กระทั่งเถามี่ที่เมื่อครู่เป็นผู้ช่วยของเขาก็ไปอยู่ข้างเฉินชางแล้ว นี่ทำให้หลี่เป่าซานถึงกับสับสนไปโดยพลัน…
ผมไม่ได้จำผิดใช่ไหมว่าผมเป็นหัวหน้าแผนก…
แต่เมื่อดูจากท่าทางของทุกคนในห้องผ่าตัดแล้ว…
หรือผมจะจำผิดจริงๆ
จนปัญญาจะทำอะไรแล้ว!
เฮ้อ…
หลี่เป่าซานทำได้เพียงพึ่งพาตนเอง เขาใช้กรรไกรตัดไหมแล้วเริ่มตรวจสอบขั้นต่อไป
ตอนนี้ในช่องอกยังมีจุดที่มีเลือดออกกระจัดกระจายกันอยู่ส่วนหนึ่ง แต่เมื่ออยู่ภายใต้สายตาของเฉินชางย่อมไม่อาจหลบซ่อนไปได้! ส่วนเหล่าผู้ชมที่อยู่ด้านข้างก็มองดูอย่างสนอกสนใจ
……
การผ่าตัดกินเวลาไปถึงห้าชั่วโมง เริ่มตั้งแต่แปดโมงเช้าจนตอนนี้ก็บ่ายโมงกว่าแล้ว ในตอนนี้เอง ประตูห้องผ่าตัดก็เปิดออก หลี่เจี้ยนเหว่ยเดินเข้าไปในห้อง มองหลี่เป่าซานแล้วพูดว่า “เป่าซาน ผู้ป่วยเป็นยังไงบ้างครับ”
หลี่เป่าซานดีใจจริงๆ ที่มีคนพูดกับตนแล้ว เหนื่อยหรือเปล่าไม่สำคัญ สำคัญตรงที่มีคนสนใจ…
หลี่เป่าซานตอบว่า “โชคดีที่รักษาทัน ตอนนี้สัญญาณชีพยังถือว่าเสถียรอยู่ คงไม่เป็นอันตรายอะไรแล้วครับ แต่อีกเดี๋ยวต้องผ่าตัดกระดูกสะโพก คงต้องรบกวนคุณแล้ว”
เป็นจริงตามนั้น เมื่อเกิดอุบัติเหตุรถชน ผู้บาดเจ็บอาจมีกระดูกหักหลายแห่ง ซึ่งรวมถึงกระดูกสะโพกด้วย
“แล้วทางนั้นเสร็จหรือยังครับ ผู้ป่วยเป็นยังไงบ้าง”
หลี่เจี้ยนเหว่ยกล่าวอย่างราบเรียบ “รักษาขาไว้ได้ แต่ต้องดูว่าการฟื้นตัวในภายหลังจะเป็นยังไง! เดี๋ยวผมไปเปลี่ยนชุดก่อนนะครับ”
หลี่เจี้ยนเหว่ยก็ผ่าตัดมาห้าชั่วโมงโดยไม่ได้พักเช่นกัน เมื่อเขาล้างมือเสร็จก็ไปเปลี่ยนเป็นชุดผ่าตัดตัวใหม่ จากนั้นจึงมาเตรียมตัวอยู่ข้างๆ
หากประเมินคร่าวๆ กว่าการผ่าตัดเคสนี้จะเสร็จสิ้นคงกินเวลาไปจนถึงสี่ห้าโมงเย็นเลยทีเดียว และเพราะเช่นนี้เอง หมอจึงมักกล่าวกันว่าการผ่าตัดก็เหมือนสงครามยืดเยื้อ
เมื่อเฉินชางจัดการจุดที่มีเลือดออกภายในช่องอกเสร็จแล้วก็เย็บช่องอก เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จสิ้น
หลี่เจี้ยนเหว่ยมองเฉินชางแล้วพยักหน้าอย่างพึงพอใจ ไม่ได้พูดอะไรมาก
ผู้ป่วยที่ผ่าตัดอยู่ห้องข้างๆ เมื่อครู่นี้ก็ถูกพาตัวมาที่นี่ด้วย ทุกคนเริ่มผ่าตัดเคสที่สองต่อไป
……
……
เวลาไหลผ่านไปทุกขณะ การผ่าตัดกระดูกเป็นไปอย่างราบรื่น หลี่เจี้ยนเหว่ยนำทุกคนรักษาอวัยวะที่บาดเจ็บแห่งสุดท้ายจนเสร็จสิ้น เมื่อเงยหน้ามองเวลาอีกครั้งพบว่าตอนนี้เป็นเวลาสี่โมงเย็นแล้ว
ขณะนี้ทุกคนอดทอดถอนใจไม่ได้!
เสร็จแล้ว!
กล่าวได้ว่าทุกคนในห้องยืนกันมาทั้งวัน! ตั้งแต่แปดโมงเช้าถึงสี่โมงเย็น น้ำสักหยดก็ไม่ได้แตะ ข้าวสักเม็ดก็ไม่ได้กิน แต่ทุกคนก็ดีใจมาก เพราะความพยายามของพวกเขาไม่ได้เสียเปล่า
บนใบหน้าของทุกคนล้วนประดับไปด้วยรอยยิ้ม ไม่มีสิ่งใดให้ความรู้สึกประสบความสำเร็จไปมากกว่าการช่วยคนอีกแล้ว
ขณะนี้ผู้ป่วยหญิงได้สติขึ้นมาแล้ว เธอลืมตาขึ้นท่ามกลางความสับสนมึนงง ทันใดนั้นก็พบว่ามีสายตาสิบกว่าคู่กำลังจับจ้องมาที่ตน
ทันใดนั้น น้ำตาของเธอก็ไหลออกมา!
เมื่อเห็นกลุ่มคนสวมชุดกาวน์สีขาวและสวมผ้าปิดปากที่ยืนอยู่รอบๆ เธอก็น้ำตาไหลเต็มหน้า เพราะตอนนี้เธอรู้แล้วว่าตัวเองยังไม่ตาย!
เธอได้รับการช่วยชีวิตไว้แล้ว
อันที่จริงตอนที่เธอเพิ่งบาดเจ็บและหมดสติไปเธอยังรู้ตัวอยู่ รับรู้กระทั่งว่าลูกชายกำลังร้องไห้อยู่ข้างหู รับรู้ว่ามีใครบางคนกดบาดแผลส่วนที่มีเลือดออกไว้ให้ตน…แต่เธอไม่มีเรี่ยวแรง ไม่อาจตอบสนองได้!
เดิมทีคิดว่าตัวเองต้องตายเสียแล้ว แต่สิ่งที่ยังเป็นห่วงก็คือลูกชายและสามีที่เธอรัก
ในตอนนั้น หัวใจของเธอสิ้นหวังจนไม่มีเรี่ยวแรงดิ้นรนใดๆ อีก ทำได้เพียงอธิษฐานเงียบๆ ว่า ‘ชาติหน้าฉันจะทำทุกอย่างเพื่อตอบแทนความรักของพวกเขา…’
คิดไม่ถึงว่าเธอจะรอดมาได้ ความรู้สึกนี้ราวกับได้รับชีวิตที่สองอย่างไรอย่างนั้น
น่ายินดีจริงๆ!
ไม่มีอะไรที่ทำให้คนเรามีความสุขไปกว่าการได้สิ่งที่สูญเสียไปกลับคืนมา!
ไม่มีอะไรที่น่าหวงแหนมากไปกว่าชีวิต!
เธอมองทุกคน อยากกล่าวขอบคุณสักคำ แต่เมื่ออ้าปากกลับเปล่งเสียงไม่ออกแม้แต่ครึ่งคำ จึงทำได้เพียงพยายามแย้มยิ้มออกมา
ทุกคนเห็นดังนั้นก็อดยิ้มไม่ได้