เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 456 นี่มันสุดยอดไปเลย!
บทที่ 456 นี่มันสุดยอดไปเลย!
หมอดีกรีปริญาเอกทั้งหลายมองหน้ากัน!
เรื่องที่หมอจบปริญาตรีทำได้แต่หมอจบปริญญาเอกทำไม่ได้
นี่มันปกติมากไม่ใช่เหรอ!
ทำไมพวกเราต้องตกใจด้วยล่ะ!
เพื่อนร่วมรุ่นปริญญาตรี ของพวกเขา ตอนนี้แต่งงานมีลูกจนเป็นลุงเป็นป้าได้แล้ว ส่วนพวกเขาไม่ต้องพูดถึงสามีภรรยาเลย แม้แต่แฟนก็ยังไม่มี!
ทำไมพวกเราต้องตกใจด้วย!
ตอนนี้เพื่อนที่จบปริญญาตรีพร้อมพวกเขาไปทำงานเกี่ยวกับเภสัชจลนศาสตร์[1]แล้ว รายได้ปีละล้านหยวนก็พอเลี้ยงดูสาวๆ แล้ว ส่วนพวกเขาอย่าพูดถึงสาวๆ เลย รู้จักแต่มือเท่านั้นแหละ!
ทำไมพวกเขาต้องตกใจด้วยล่ะ!
พวกเขาฝึกตนถึงขั้นต่อให้ภูเขาถล่ม หรือคลื่นยักษ์ซัดสาดก็ไม่ตกใจแล้ว อย่างมากก็แค่หยุดแสยะยิ้มให้มันอย่างไม่แยแส ทั้งหมดนี่ก็เพื่อปกปิดจิตวิญญาณที่กรีดร้องอยู่ภายใน!
โจวหงกวงมองเหล่านักเรียนที่นั่งหน้านิ่งไม่สะทกสะท้านตรงหน้าเหล่านั้น ดูเหมือน…พวกเขาจะไม่แปลกใจเลยสักนิด!
นี่…มันจะไม่เข้ากับบทบาทของตัวเองเกินไปหรือเปล่า!
เดิมทีโจวหงกวงตัดสินใจแล้วว่าจะถือโอกาสสั่งสอนพวกกระต่ายน้อยไม่รู้จักโลกเหล่านี้เสียหน่อย แต่ว่า…พอเห็นท่าทีของทุกคนที่นั่งฟังคำพูดของเขานิ่งๆ คล้ายจะ…ไม่มีความแปลกใจ หรือความตื่นตะลึงเลยแม้แต่น้อย นี่ทำให้โจวหงกวงไม่ชินเอาเสียเลย
โจวหงกวงมองต่งเฉิน หมอดีกรีปริญญาเอกผู้เป็นนักเรียนที่ได้ความที่สุดของตน คิดว่าควรต้องเชือดไก่ให้ลิงดูเสียหน่อยแล้ว จึงถามขึ้นว่า “เสี่ยวต่ง คุณไม่แปลกใจเหรอครับว่าเฉินชางทำอะไรได้บ้าง และทำไมผมถึงให้พวกคุณอยู่ต่อ”
ต่งเฉินแค่นเสียงหัวเราะออกมา ยังคงใช้มุกเดิมคือทำหน้านิ่งคล้ายท่าทางตั้งใจฟังแล้วจึงส่ายหน้า “ไม่สงสัยครับ!”
โจวหงกวงมองอีกฝ่าย คิดว่าเจ้าทึ่มนี่รู้จักฟังคำพูดเขาดีๆ ด้วยหรือ จากนั้นจึงทอดถอนใจออกมาแล้วมองหวังซินหลง นักเรียนดีกรีปริญญาเอกที่มีนิสัยค่อนข้างกระตือรือร้นมากกว่า “เสี่ยวหวัง คุณล่ะครับ”
หวังซินหลงตอบอย่างชาญฉลาด “ผมคิดว่าอาจารย์ให้พวกผมอยู่ต่อย่อมต้องมีเหตุผลของอาจารย์แน่นอนครับ!”
โจวหงกวงชะงักไปทันที
ไม่ใช่
ต้องไม่ใช่แบบนี้สิ
หลังจากโจวหงกวงดูการผ่าตัดของเฉินชางจบแล้วก็รู้สึกชื่นชอบในตัวหมอหนุ่มคนนี้มากขึ้นเรื่อยๆ อายุเพียงยี่สิบเจ็ดก็เก่งขนาดนี้แล้ว ไม่ใช่แค่ผ่าตัดได้ดีเท่านั้น แต่ยังปรับปรุงวิธีการผ่าตัดได้ถึงสองวิธี แล้วหมอดีกรีปริญญาเอกพวกนี้ล่ะ
คิดกันเองไม่เป็นเลยหรือไง
ไม่อายกันบ้างเหรอ
ด้วยเหตุนี้ โจวหงกวงจึงไม่พอใจมากจนอยากสั่งสอนพวกกระต่ายน้อยเหล่านี้เสียหน่อย แต่ว่า…เรื่องสั่งสอนไม่ใช่ปัญหา ปัญหาคือต้องมีเหตุผลอันสมควร!
ผลก็คือเพิ่งเข้ามาในห้อง เจ้าพวกนี้ก็มอบเหตุผลให้โจวหงกวงแล้ว นั่นก็คือความโอหัง!
ตนรั้งให้พวกเขาอยู่ต่ออีกหนึ่งคืน พวกเขาคงพานมีอคติกับเฉินชางไปแล้วแน่นอน คงดูถูกเฉินชางไปแล้ว ดังนั้นจึงได้แสดงท่าทางเช่นนี้ออกมา!
ด้วยเหตุนี้โจวหงกวงจึงจงใจพูดกระตุ้นความสงสัยของพวกเขา โดยการบอกพวกเขาว่าเฉินชางมีความเก่งกาจอย่างที่จะดูถูกไม่ได้ จากนั้นค่อยสั่งสอนพวกเขาให้ดี
น่าเสียดาย…
บทบาทนี้ดูเหมือนจะใช้ไม่ได้แล้ว เจ้าพวกนี้ถึงกับไม่สงสัยอะไรแม้แต่น้อย!
แต่…ขิงยิ่งแก่ก็ยิ่งเผ็ด!
โจวหงกวงไต่เต้าเป็นนักวิชาการได้ ไต่เต้าจนเป็นรองผู้อำนวยการโรงพยาบาลได้ ย่อมต้องมีความยืดหยุ่นในการสื่อสารเป็นธรรมดา
สุดท้ายจึงแค่นเสียงเย็นออกมาครั้งหนึ่ง “อ้อ!ใช่แล้ว พวกคุณคงไม่รู้สินะครับว่าเสี่ยวเฉินจบแค่ปริญญาตรี”
ต่งเฉินผู้เป็นพี่ใหญ่ของกลุ่มนักเรียนกล่าวอย่างเรียบเฉยว่า “พวกเรารู้แล้วครับ พวกเราตรวจสอบกันมาแล้ว! ดูสิครับ นี่เว็บไซต์ของโรงพยาบาลอันดับสอง”
ทุกคนพากันพยักหน้าเสริม ทำเอาโจวหงกวงแทบอยากจะทึ้งวิกผมทิ้ง!
“แล้วพวกคุณก็ไม่สงสัยเลย…?!”
นักเรียนคนหนึ่งส่ายหน้า…
สีหน้าโจวหงกวงเปลี่ยนไปโดยพลัน ถึงกับตบโต๊ะ ทอดถอนใจด้วยท่าทางเสียดายสุดแสน “ผมเคยสอนพวกคุณกี่ครั้งแล้วครับ ในฐานะที่พวกคุณทำงานเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์และการวิจัย อีกทั้งยังเป็นบุคลากรทางการแพทย์แบบนี้ จะต้องมีใจใฝ่รู้เกี่ยวกับโลกภายนอกอยู่ตลอดเวลา จะต้องถามบ้างว่าทำไม!”
“แล้วลองดูพวกคุณสิ ไม่มีความอยากรู้อยากเห็นเลยสักนิด! เฮ้อ…พวกคุณทำให้ผมผิดหวังจริงๆ!”
“พวกคุณคิดว่าการที่พวกคุณเชื่อฟังคำพูดของผมแล้วจะทำให้ผมดีใจได้แล้วหรือ ผมหวังให้พวกคุณเรียนรู้ที่จะวิเคราะห์และพิจารณาด้วยตัวเองได้ต่างหาก! พิจารณาด้วยตัวเองน่ะ เข้าใจหรือเปล่า”
น้ำเสียงของโจวหงกวงเต็มไปด้วยอารมณ์ ทว่าในใจกลับยิ้มเยาะ คราวนี้พวกคุณคงอายบ้างแล้วสินะ
แต่น่าเสียดาย…เวลาไหลผ่านไปตามเข็มนาฬิกาที่ส่งเสียงดังติ๊กๆ…คนกลุ่มนี้ก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหว
ต่งเฉินกล่าวขึ้นประโยคหนึ่ง “อาจารย์ครับ…อาจารย์เคยบอกว่าไม่ให้พวกเราซุบซิบนินทานี่ครับ…”
โจวหงกวงได้ยินดังนั้นก็รีบตอบไปว่า “ผมไม่สนใจ! ยังไงซะวันนี้ผมก็ต้องสั่งสอนพวกคุณให้ได้ ไม่งั้นพวกคุณคงไม่รู้ว่าตัวเองห่างชั้นจากคนอื่นขนาดไหน!”
ทุกคนเงียบไปทันที เห็นโจวหงกวงมีท่าทางเช่นนี้ก็อดถอนหายใจไม่ได้ เฮ้อ…อยากด่าพวกเราก็บอกมาตรงๆ เถอะ อ้อมไปซะไกลเชียว ก็เป็นซะแบบนี้ทุกครั้ง…
ทุกคนถอนใจออกมา “อาจารย์ครับ พวกเราผิดไปแล้ว!”
โจวหงกวงพยักหน้าอย่างปลื้มปริ่ม “ผิดตรงไหนล่ะ”
ทุกคน “…”
โจวหงกวงกล่าวต่อไป “มาๆๆ นั่งลงๆ ผมจะบอกให้พวกคุณฟังว่าเสี่ยวเฉินคนนี้เก่งขนาดไหน แล้วจะบอกเหตุผลด้วยว่าทำไมผมถึงพาพวกคุณมาที่มณฑลตงหยาง!”
อันที่จริงโจวหงกวงขึ้นชื่อเรื่องดีกับนักเรียนมากเลยทีเดียว หากมีโอกาสก็จะพานักเรียนไปร่วมงานสัมมนาด้วยทุกครั้ง ซึ่งโดยทั่วไป หากเป็นศาสตราจารย์ที่มีฐานะเทียบเท่าโจวหงกวงมักจะแบ่งหน้าที่ให้หมอผู้น้อยพานักเรียนไปมากกว่า มิฉะนั้นก็เอาไปปล่อยทิ้งไว้ในห้องทดลองให้เรียนรู้ด้วยตัวเอง เจอแต่หนูทดลองตัวเล็กตัวน้อยทั้งวัน! เมื่อเรียนจบผู้เป็นอาจารย์ก็จะจัดแจงหน้าที่การงานที่มีอนาคตไม่เลวให้สักตำแหน่งหนึ่ง
นี่เป็นวิธีการทั่วไปที่อาจารย์ผู้ยอดเยี่ยมปฏิบัติต่อนักเรียน! และถึงจะเป็นวิธีการเช่นนี้ แต่ใครหลายคนก็ยังโหยหา เพราะทุกคนเข้ามาเรียนก็เพื่อมีอนาคตที่ดีไม่ใช่หรือ
ทว่าโจวหงกวงคิดถึงนักเรียนของตนอย่างแท้จริง สั่งสอนให้พวกเขารู้จักคิดเองเป็น ให้พวกเขาทำงานวิจัยและงานคลินิกได้
แน่นอนว่าการสอนส่วนการสอน อย่างไรเขาก็ยังหวังให้ลูกศิษย์พัฒนา!
โจวหงกวงกล่าวขึ้นว่า “พวกคุณไม่รู้สินะครับว่าเมื่อกี้ผมไปทำอะไรมา!”
“เมื่อกี้ผมไปดูการผ่าตัดของเสี่ยวเฉินมาครับ เป็นการผ่าตัดที่ทำให้ผมอึ้งจนอยากรับเสี่ยวเฉินเข้ามาเป็นนักเรียนของตัวเองเลยนะครับ”
“เป็นเคสผู้ป่วยที่ประสบอุบัติเหตุรถยนต์มา…ม้ามแตกอาการสาหัส แต่ผู้ป่วยเพิ่งจะอายุสามสิบสาม…เพื่อเธอ…เสี่ยวเฉินจึงตัดสินใจเย็บหลอดเลือดในม้าม ซึ่งตอนนั้นม้ามก็อ่อนแอมากแล้ว…”
โจวหงกวงเล่าเรื่องไปแบบตีไข่ใส่สี ทุกคนได้ฟังเรื่องราวก็พากันเงียบไป
พวกเขาคือหมอระดับแพทย์ดูแลไข้ที่มีประสบการณ์ทางคลินิกมากมายจึงรู้เรื่องพวกนี้เป็นอย่างดี ดังนั้นเมื่อโจวหงกวงเล่าจบแล้วจึงตื่นตะลึง
ชั่วขณะนั้น จู่ๆ พวกเขาก็รู้สึกคาดหวังกับการบรรยายของเฉินชางในวันพรุ่งนี้ขึ้นมาแล้ว!
ตอนนี้เอง โจวหงกวงเห็นว่าถึงเวลาอันสมควรแล้วจึงกล่าวเรียบๆ ว่า
“จริงสิ ผมได้ยินว่าปีนี้เสี่ยวเฉินตีพิมพ์วิทยานิพนธ์สองฉบับเลยนะครับ ฉบับแรกตีพิมพ์กับวารสารการปลูกถ่ายตับ ส่วนอีกฉบับหนึ่งถ้าไม่มีปัญหาอะไรคงได้ตีพิมพ์กับวารสาร BJS แล้วเขายังปรับปรุงวิธีผ่าตัดไปอีกสองวิธีด้วย นี่เป็นเหตุผลที่ผมพาพวกคุณมาที่นี่!”
เมื่อโจวหงกวงกล่าวจบ ทุกคนก็ชะงักไปทันที!
หากเป็นเรื่องอื่นพวกเขาก็ไม่คงไม่สนใจ แต่…เรื่องของวิทยานิพนธ์ พวกเขาคุยกันทุกวัน จะไม่เข้าใจเรื่องนี้ได้อย่างไร
เมื่อได้ยินอาจารย์กล่าวว่าเฉินชางเขียนวิทยานิพนธ์ระดับที่ได้เผยแพร่กับวารสารการปลูกถ่ายตับ แต่ละคนก็ถึงกับปากอ้าตาค้าง!
แถมยังปรับปรุงวิธีผ่าตัดไปอีกสองวิธีด้วย!
นี่มันเก่งสุดๆ ไปเลย!
[1] เภสัชจลนศาสตร์ คือ ศาสตร์ที่ศึกษาเกี่ยวกับปฏิกริยาของร่างกายเมื่อได้รับยาต่างๆ