เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 460 ดูคุ้นๆ
บทที่ 460 ดูคุ้นๆ…
เฉินชางเพิ่งพูดจบ คนที่ไม่สนใจวิธีการผ่าตัดฉบับปรับปรุงของเฉินชางเมื่อครู่นี้ต่างพากันตาค้าง!
นี่มัน…จริงหรือหลอกเนี่ย ได้รับการตอบรับจากวารสาร BJS หรือ!
ชั่วขณะนั้น ทุกคนก็ต้องพากันเปลี่ยนมุมมอง!
จู่ๆ ก็รู้สึกเสียใจที่เมื่อครู่ไม่ยอมตั้งใจฟังดีๆ ขึ้นมาแล้ว
เฉินชางเพิ่งจะอายุเท่านี้แต่ก็ปรับปรุงวิธีการผ่าตัดไส้ติ่งได้แล้ว ทั้งยังได้ตีพิมพ์บทความกับวารสาร BJS ด้วย นี่ไม่ใช่แค่เกียรติยศระดับธรรมดาเลยจริงๆ
หมอที่ทำงานในโรงพยาบาลระดับรากหญ้าทั้งหลายที่มาเข้าร่วมงานสัมมนาประจำปีของสมาคมศัลยกรรมตับและถุงน้ำดี ส่วนใหญ่ก็เป็นหมอระดับหัวหน้าแผนกและรองหัวหน้าแผนกทั้งนั้น เมื่อพวกเขาเห็นข้อมูลเหล่านี้ ในดวงตาก็เต็มไปด้วยความกระหาย!
การผ่าตัดนี้มีประโยชน์กับโรงพยาบาลระดับรากหญ้าของพวกเขาเป็นอย่างมาก!
ภายใต้ระบบการผลักดันทางศัลยศาสตร์ที่แบ่งออกเป็นสามระดับ ทำให้โรงพยาบาลระดับรากหญ้าต้องทำการผ่าตัดเล็กๆ อย่างการผ่าตัดไส้ติ่งอักเสบมากที่สุด หากส่งเสริมการผ่าตัดที่ทรงคุณค่าและราคาไม่แพงนี้ได้ ย่อมเป็นเรื่องดีสำหรับชาวบ้าน!
ขณะเดียวกัน สายตาที่พวกเขาใช้มองต้วนปัวก็เต็มไปด้วยความอิจฉา!
ต้วนปัวเป็นผู้ได้รับประโยชน์อันดับหนึ่ง ทั้งยังได้รับฐานะผู้ประพันธ์อันดับหนึ่งของงานวิชาการที่ได้ร่วมตีพิมพ์กับวารสาร BJS ไปด้วย ทุกคนอิจฉาจนทนไม่ไหว อนาคตของต้วนปัวต่อจากนี้ย่อมต้องสว่างไสวและราบรื่นแน่นอน จะขึ้นเป็นรองผู้อำนวยการโรงพยาบาลก็คงไม่มีปัญหา
โรงพยาบาลระดับรากหญ้ามีผลงานทางวิชาการเช่นนี้ได้ย่อมมีแต่ประโยชน์ไม่มีโทษ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการประเมิน หรือเรื่องอื่นๆ ก็ตาม
พวกเขาแต่ละคนตัดสินใจแล้วว่าอีกสักครู่เมื่องานสัมมนาจบลงแล้วจะไปขอแลกข้อมูลติดต่อกับหมอเฉินเสียหน่อย รักษาความสัมพันธ์เอาไว้ จากนั้นก็เชิญเขาไปบรรยายที่โรงพยาบาลของตน ให้แสดงการผ่าตัดไส้ติ่งแบบแผลเล็กนี้ให้ดูสักหน่อย
……
……
ขณะนี้เอง ฉินเสี้ยวหยวนและจี้หรูอวิ๋นก็เดินเข้ามาพอดี พวกเขานั่งบริเวณแถวหลัง ได้ยินบทสนทนาของหัวหน้าแผนกในโรงพยาบาลระดับรากหญ้าทั้งหลายเข้าพอดี
“สุดยอด!”
“ใช่แล้ว หมอเฉินชางคนนี้เพิ่งจะอายุไม่เท่าไหร่แต่มีความสามารถขนาดนี้แล้ว อนาคตไร้ขีดจำกัดแน่!”
“ใช่ ทั่วทั้งมณฑลตงหยางจะมีคนเก่งแบบนี้สักกี่คนกันเชียว”
……
ฉินเสี้ยวหยวนและจี้หรูอวิ๋นได้ยินคำชมเชยเฉินชางก็รู้สึกเป็นเกียรติจนหัวใจพองโต ความรู้สึกนี้ทำให้รู้สึกดีกว่าชมพวกเขาเองเสียอีก!
ในใจพวกเขาอัดแน่นไปด้วยความสุข
ฉินเสี้ยวหยวนรีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูปเฉินชาง ถ่ายติดหนังสือตอบรับฉบับนั้นพอดี ทันใดนั้นเขาก็หันไปกล่าวกับจี้หรูอวิ๋นด้วยสีหน้าตื่นตะลึงว่า “ที่รักดูสิครับ ลูกสาวคุณมีชื่ออยู่บนวิทยานิพนธ์ระดับสูงอีกแล้ว!”
จี้หรูอวิ๋นชะงักไป รีบแย่งโทรศัพท์มือถือมาดูอย่างละเอียด ทันใดนั้นก็ต้องสูดหายใจเข้าลึกๆ
“ผู้ประพันธ์บรรณกิจ: เฉินชาง ผู้ประพันธ์ลำดับหนึ่ง: ฉินเยว่ ต้วนปัว หลี่เป่าซาน”
จี้หรูอวิ๋นชะงักไปทันที ทันใดนั้นก็ย้อนคิดไปถึงช่วงเวลาที่ฉินเยว่คล้ายจะยุ่งอยู่กับการจัดการข้อมูลบางอย่าง ห้องของลูกสาวเธอมีเอกสารวางอยู่เป็นกองพะเนิน
ตอนนี้เธอเข้าใจกระจ่างแล้ว!
เป็นเพราะคอยช่วยเฉินชางจัดการข้อมูลนี่เอง…ทว่า แค่เรื่องพวกนี้จะทำให้ฉินเยว่เป็นผู้ประพันธ์อันดับที่หนึ่งได้เชียวหรือ
จี้หรูอวิ๋นกระจ่างแจ้งโดยพลัน เจ้าเด็กเสี่ยวเฉินนี่คงคิดอะไรกับฉินเยว่มานานแล้วสินะ
มีชื่ออยู่ในวารสารระดับสูงถึงสองฉบับ ย่อมได้รับข้อยกเว้นให้เข้าเรียนระดับปริญญาเอกภายในประเทศได้โดยไม่ต้องเข้าสอบ นี่ทำให้อนาคตฉินเยว่มั่นคงขึ้นมาก ที่สำคัญที่สุดก็คือวิทยานิพนธ์ทั้งสองฉบับตรงกับความเชี่ยวชาญของฉินเยว่พอดี
คิดแล้วจี้หรูอวิ๋นก็ต้องสูดหายใจลึก
เสี่ยวเฉินคนนี้ช่าง…เฮ้อ…
ตอนแรกเธอคิดว่าเสี่ยวเฉินเป็นฝ่ายได้เปรียบ…แต่ตอนนี้เมื่อดูแล้ว ฉินเยว่เป็นฝ่ายได้เปรียบมากกว่า
เสี่ยวเฉินนี่เปรียบเสมือนหุ้นที่มีศักยภาพจริงๆ
ไม่ได้การแล้ว กลับไปจะต้องพูดกับเยว่เยว่ให้ดี ต้องรีบคิดทำทุกวิถีทางเพื่อดองกับเฉินชางให้ได้!
ฉินเสี้ยวหยวนก็สูดหายใจลึก เจ้าเด็กเสี่ยวเฉินนี่ปฏิบัติต่อฉินเยว่อย่างดีจนเขาไม่มีอะไรจะพูดเลยจริงๆ วิทยานิพนธ์สองฉบับนี้ก็เพียงพอที่จะใช้เป็นสินสอดแล้ว
นี่ทำให้เหล่าฉินรู้สึกกดดันขึ้นมาทันใด ตอนลูกสาวแต่งออกไปเขาจะให้อะไรดีล่ะ
จี้หรูอวิ๋นส่งกล้องไปให้ฉินเสี้ยวหยวน มองเขาด้วยสีหน้าหนักแน่น “เสี่ยวเฉินไม่เลวจริงๆ เลยนะคะ”
ฉินเสี้ยวหยวนพยักหน้า
ทันใดนั้นจี้หรูอวิ๋นก็หันไปจ้องฉินเสี้ยวหยวนแล้วพูดว่า “คุณดูสิคะ! เห็นหรือเปล่า ตอนเสี่ยวเฉินเดทกับลูกก็เผยแพร่วิทยานิพนธ์กับวารสารระดับสูงถึงสองฉบับเป็นของขวัญให้เยว่เยว่ ตอนพวกเราเดทกัน คุณยังให้ฉันช่วยเขียนวิทยานิพนธ์ให้คุณอยู่เลย ฉินเสี้ยวหยวน…ตอนนี้ฉันว่าฉันเริ่มมองคุณแย่ขึ้นทุกวันแล้วนะคะ!”
เหล่าฉินมีสีหน้าอัดอั้นตันใจ
เกี่ยวอะไรกับผมครับเนี่ย
นี่ผมไปล่วงเกินใครเมื่อไหร่กันนะ
……
……
เฉินชางบรรยายเนื้อหาต่อไป “ลำดับต่อไปคืองานวิจัยเกี่ยวกับวิธีการผ่าตัดด้วยการส่องกล้องแบบบาดเจ็บน้อยฉบับปรับปรุงครับ นี่เป็นวิธีการผ่าตัดแบบใหม่ที่ผมวิจัยออกมา หรืออาจเรียกว่าเป็นเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ ก็ได้นะครับ”
“ใช่แล้ว ขอบอกทุกคนก่อนเลยนะครับว่าวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับวิธีการผ่าตัดแบบใหม่นี้ได้รับการเผยแพร่บนวารสารการปลูกถ่ายตับด้วย ถ้าสนใจก็ลองไปหาดูบนอินเทอร์เน็ตนะครับ อาจจะหาเจอก็ได้”
ทุกคนฟังถึงประโยคนี้ก็เงียบลงทันใด
วิทยานิพนธ์ฉบับหนึ่งเผยแพร่กับวารสาร BJS อีกฉบับหนึ่งเผยแพร่กับวารสารการปลูกถ่ายตับ ทั้งยังเป็นวิธีการผ่าตัดที่ปรับปรุงให้ดีขึ้นทั้งสองวิธีเลย
มีผลงานขนาดนี้ ไม่ต้องพูดถึงตำแหน่งคณะกรรมการสมาคมศัลยกรรมตับและถุงน้ำดีแห่งมณฑลตงหยางเลย มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเป็นรองประธานสมาคมเลยด้วยซ้ำ
หากไม่ใช่เพราะเฉินชางวัยวุฒิไม่พอ หากเป็นคนอื่นที่อายุสี่สิบกว่าปีคงมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะได้รับเลือกเป็นรองประธานสมาคมแล้ว
ด้วยเหตุนี้ทุกคนจึงตั้งใจฟังการบรรยายลำดับต่อไปของเฉินชางอย่างจริงจัง ไม่มีใครกล้าดูถูกเฉินชางอีกแม้แต่คนเดียว
ในตอนที่เฉินชางฉายภาพบนหน้าจอ ทุกคนจึงค่อยเห็นความแตกต่างอย่างแท้จริง
บาดแผลที่ปรากฏน้อยจนมองหายาก หากเฉินชางไม่ชี้ทุกคนคงหาไม่เจอ กล่าวได้ว่าการผ่าตัดวิธีนี้เห็นผลทันตา ทั้งยังมีผลลัพธ์ชัดเจน
ตอนนี้เอง บรรดาคนที่อยู่ด้านล่างเวทีต่างมีอาการหน้าแดงหูแดงกันถ้วนหน้า!
ส่วนหนึ่งเป็นหมอโรงพยาบาลอันดับสองที่รู้สึกว่าเฉินชางไม่ได้อย่างใจ! รวมไปถึงสวีเหวินปินผู้เป็นรองหัวหน้าแผนกศัลยกรรมทั่วไปของโรงพยาบาลประชาชนแห่งมณฑลด้วย ตอนที่เขาเห็นเฉินชางบรรยายถึงวิธีการผ่าตัดชนิดนี้ จู่ๆ ก็คิดถึงการประเมินบุคลากรของโรงพยาบาลอันดับสองในตอนแรก
ตอนนั้นเขาเป็นผู้ประเมินให้หวังหย่ง ผลคือตอนที่หวังหย่งแนะนำเฉินชาง สวีเหวินปินกลับไม่ได้สนใจ!
คิดไม่ถึงว่า…เฉินชางจะยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้
ชั่วขณะนั้น สวีเหวินปินพลันหน้าแดงก่ำ เขาทำผิดพลาดในเรื่องแย่ๆ อย่างการประเมินคนจากภายนอกไปแล้ว!
คิดแล้วสวีเหวินปินก็รู้สึกอับอายขึ้นเป็นเท่าทวี
ในขณะเดียวกัน ทางด้านหลิวซือฉี รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลประชาชนแห่งมณฑลควบตำแหน่งรองประธานสมาคมศัลยกรรมตับและถุงน้ำดี และเป็นหัวหน้าแผนกศัลยกรรมตับและถุงน้ำดีก็มีสีหน้าปลาบปลื้ม!
ตอนนั้นเขาและถานจงหลินได้รับคำเชิญจากจางเค่อฉินให้ไปที่โรงพยาบาลอันดับสอง และได้เห็นเฉินชางเย็บแผลให้อู๋กังของทีมตำรวจปราบปรามอาชญากรรมเข้าพอดี
ตอนนั้นเขาก็ชอบเจ้าหนุ่มคนนี้แล้ว
แต่ว่า…ตอนนั้นเขาควรพยายามสักหน่อย หากเชิญเฉินชางไปที่โรงพยาบาลประชาชนแห่งมณฑลได้ เกียรติยศนี้ย่อมเป็นเกียรติยศของโรงพยาบาลประชาชนแห่งมณฑลด้วย
พูดไปแล้วก็เป็นเพราะเขาไม่หนักแน่นพอ! ตอนนั้นเฉินชางยังเป็นแค่ลูกจ้างชั่วคราว เขามีโอกาสมากทีเดียว ต่อมาในช่วงประเมินบุคลากรเพื่อรับเข้าบรรจุเป็นพนักงานประจำ หลิวซือฉีก็อยู่ด้วย
ตอนนี้หลิวซือฉีเสียดายจนต้องถอนใจออกมา หากตอนนั้นตนกับถานจงหลินยอมกัดฟันตัดสินใจดึงตัวเฉินชางไปที่โรงพยาบาลประชาชนแห่งมณฑลและให้เป็นพนักงานประจำ ไม่แน่ว่า…อาจจะมีโอกาสอยู่!
แต่ตอนนี้หมดโอกาสจริงๆ แล้ว เฉินชางในตอนนี้ค่อยๆ เติบโตไปทีละนิด
……
……
ขณะเดียวกัน จี้หรูอวิ๋นมองเฉินชาง จู่ๆ ก็รู้สึกคุ้นตา…ผ่านไปครู่หนึ่งก็มีปฏิกิริยาขึ้นมาทันที เธอรีบหันไปพูดเหล่าฉินว่า “เหล่าฉิน ดูเสื้อผ้าที่เสี่ยวเฉินใส่สิคะ!”
ฉินเสี้ยวหยวนชะงักไป “อืม หล่อมาก! ไอ้หนุ่มนี่เซ้นส์ดีจริงๆ!”
จี้หรูอวิ๋นกลอกตาใส่ “ฉันให้คุณดูเสื้อผ้าค่ะ คุณว่า…คุ้นๆ หรือเปล่า”
ฉินเสี้ยวหยวนถูกจี้หรูอวิ๋นพูดใส่เช่นนี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “หือ ดูคุ้นจริงด้วย เหมือนผมเคยเห็นที่ไหน…”
ทันใดเหล่าฉินก็ตบขาตัวเองฉาดใหญ่ สีหน้าเปลี่ยนไปทันที!
หรือว่า…