เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 467 สิ่งที่คุณอยากทำและสิ่งที่คุณสมควรทำ!
บทที่ 467 สิ่งที่คุณอยากทำและสิ่งที่คุณสมควรทำ!
ค่าใช้จ่ายในการผ่าตัด นอกจากผ้าก๊อซสำหรับห้ามเลือดและอุปกรณ์ราคาแพงที่ทำบัญชีได้ชัดเจนแล้ว อุปกรณ์จิปาถะอื่นๆ เช่นผ้าก๊อซและวัสดุสิ้นเปลืองทั่วไปจะคำนวณออกมาเป็นตัวเลขได้ไม่แม่นยำนัก
แต่หัวหน้าพยาบาลทุกคนล้วนมีจิตใจผูกติดอยู่กับการประหยัดวัสดุสิ้นเปลืองทุกชิ้น! พวกเขามีคติว่าไม่ใช้เข็มด้ายและผ้าก็อซอย่างสิ้นเปลือง ห้ามพลาดแม้แต่นิดเดียว ดังนั้นเมื่อเห็นการผ่าตัดของหมอพวกนั้นที่ใช้ผ้าก๊อซเป็นว่าเล่น หลี่อิงก็โกรธจนปวดหัว!
ไม่มีครอบครัวไม่รู้หรอกว่าข้าวสารฟืนไฟแพงแค่ไหน ของเหล่านี้เป็นเงินทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นการประหยัดเงินให้ผู้ป่วย หรือจะประหยัดเงินให้โรงพยาบาล ก็ล้วนเป็นการประหยัดเพื่อประเทศชาติเหมือนกันไม่ใช่หรือ
โดยเฉพาะคนบางคนเช่นจางโหย่วฝู! ตอนผ่าตัดจะใช้ผ้าก๊อซเปลืองที่สุด ทำให้หลี่อิงโกรธจนแทบเต้น
น่าเสียดาย…ใครใช้ให้จางโหย่วฝูเป็นคนปากหวานกันเล่า ทั้งยังมีวิสัยทัศน์กว้างไกลและจัดการเรื่องต่างๆ ได้อย่างดีเยี่ยมจนทำให้หลี่อิงเบิกบานใจทุกครั้งไป บางครั้งก็นำขนมและผลไม้ติดมือมาแบ่งพยาบาลน้อยในห้องผ่าตัดด้วย นี่ทำให้หลี่อิงหลับตาข้างลืมตาข้างมาตลอด
หากหลี่เป่าซานใช้ผ้าก๊อซเปลืองคงถูกมองบนใส่ไปไม่น้อย หากอิงตามนิสัยของเขาแล้วก็นะ…
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้หมอคนโปรดในสายตาหลี่อิงก็คือเฉินชาง เพราะเขาใช้ผ้าก๊อซแบบประหยัดทุกครั้ง!
ตอนเสี่ยวเฉินผ่าตัดจะพิถีพิถันและแม่นยำมาก จัดการเรื่องเลือดออกได้อย่างดี ซึ่งนี่ก็ถือเป็นเรื่องดี ยิ่งไปกว่านั้น ปกติเมื่อผ่าตัดเสร็จก็จะจัดระเบียบผ้าก๊อซให้ด้วย ทุกครั้งก็จะนับไว้อย่างชัดเจน ไม่มีลืม หรือนับตก
ถึงอย่างไร…หากใช้ผ้าก๊อซมากเกินไป ต่อให้อยากนับก็นับไม่สะดวก
ต้องทราบว่างานนับผ้าก๊อซมันเหนื่อยมากจริงๆ! โดยเฉพาะการผ่าตัดใหญ่ๆ ที่ใช้ผ้าก๊อซหลายร้อยอัน ต้องนับกันหลายรอบถึงจะได้จำนวนที่แม่นยำ…
การนับผ้าก๊อซเป็นงานของพยาบาล…สิ่งที่พยาบาลช่วยส่งอุปกรณ์ประจำห้องผ่าตัดทุกคนเชี่ยวชาญที่สุดไม่ใช่การจัดการอุปกรณ์ผ่าตัด แต่เป็นการนับผ้าก๊อซ
หากยังนับไม่ดี หรือนับเล่นๆ ก็จะไม่ให้เย็บ
ปกติจะต้องใช้คนนับสองสามคน ตรวจสอบกันหลายรอบจึงจะจบงานได้
ดังนั้นในยุคปัจจุบันนี้ คนที่ลืมของไว้ในท้องได้คือคนที่ไม่มีความรับผิดชอบ เพราะหากระมัดระวังก็จะไม่เป็นเช่นนี้
พยาบาลพาหวงหย่งอี้ไปส่งที่แผนกศัลยกรรมหัวใจเพราะพักฟื้นที่นั่นจะสะดวกกว่า จางเหวินฟู่ก็ตามไปด้วย
เฉินชางกำลังพูดคุยกับหัวหน้าแผนกทั้งหลายเพื่อแลกเปลี่ยนกันเรื่องการผ่าตัดในวันนี้ เมื่อฉินเสี้ยวหยวนได้ยินเซียวเหอและเถามี่ชมเชยเฉินชาง ก็รู้สึกปลื้มปริ่มราวกับมีสายลมพัดหมุนอยู่ในใจ
ไม่ทราบว่าตั้งแต่เมื่อใด ฉินเสี้ยวหยวนที่ไม่ชอบให้คนอื่นประจบประแจงกลับชอบฟังคนอื่นชื่นชมเฉินชางเสียอย่างนั้น!
……
……
ตอนนี้จี้หรูอวิ๋นและหวงเหว่ยเหยียนรออยู่นอกห้องผ่าตัดด้วยใจว้าวุ่น ส่วนฉินเยว่กลับไม่กังวลแม้แต่น้อย เธอเป็นฝ่ายปลอบใจทั้งสองด้วยซ้ำไป
ปลอบด้วยการชมว่าเฉินชางเก่งอย่างโน้นออย่างนี้ ช่วยชีวิตเด็กน้อยอย่างนั้นอย่างนี้ ช่วยชีวิตคุณยายอายุแปดสิบอย่างโน้นอย่างนี้… ชมได้เท่าไหร่ก็ชมออกมาหมด หากให้เวลาเธอสักหน่อยคงเขียนออกมาเป็นนิยายได้มากถึงสามล้านตัวอักษรแล้ว! ถ้าเห็นข้อความนี้จากที่อื่นโปรดกลับมาเยี่ยมเราบ้างนะ ขอบคุนจ้า
จี้หรูอวิ๋นเห็นหวงเหว่ยเหยียนดูท่าทางเคร่งเครียดจึงกล่าวปลอบว่า “เหว่ยเหยียน ไม่ต้องกังวล อาหวงต้องไม่เป็นอะไรแน่”
หวงเหว่ยเหยียนทอดถอนใจ “เฮ้อ…เป็นเพราะปกติผมงานยุ่งมากจนละเลยการดูแลเขา ถ้าเคสนี้จบแล้ว ผมจะอยู่เป็นเพื่อนเขาให้ดี จะพาเขาออกไปเดินเล่นบ้าง”
“หลังจากแม่ผมเสีย สุขภาพของพ่อผมก็ทรุดหนักขึ้นทุกวัน ผมเองก็ยุ่ง ไม่มีเวลาดูแลเขาเลย พูดไปแล้วก็คือผมยังทำดีไม่พอ!”
หวงหย่งอี้มีลูกชายคนเดียว ส่วนภรรยาเสียไปนานแล้ว ด้วยเหตุนี้จึงเห็นจี้หรูอวิ๋นเป็นเหมือนลูกสาวมาตลอด ตอนแรกเขาอยากจับคู่ให้จี้หรูอวิ๋นกับหวงเหว่ยเหยียนจริงๆ แต่ตอนนั้นจี้หรูอวิ๋นหมั้นกับฉินเสี้ยวหยวนไว้แล้ว ส่วนหวงเหว่ยเหยียนก็มีเจ้าของหัวใจเรียบร้อยแล้ว หวงหย่งอี้ย่อมไม่ทำเรื่องบังคับฝืนใจคน ต่อมาทั้งสองครอบครัวก็สนิทสนมกันมากขึ้น จี้หรูอวิ๋นไปมาหาสู่กันทุกเทศกาลไม่เคยขาด
ขณะที่ทั้งสองกำลังสนทนากันอยู่ ประตูห้องผ่าตัดก็เปิดออก จี้หรูอวิ๋นและคนอื่นๆ รีบลุกขึ้นทันที
“หมอครับ! เป็นยังไงบ้างครับ” หวงเหว่ยเหยียนถามขึ้นเป็นคนแรก
เถามี่มองหวงเหว่ยเหยียนพลางพยักหน้าปลอบ “ไม่เป็นอะไรแล้วครับ การผ่าตัดประสบความสำเร็จมาก ทุกคนวางใจได้เลยครับ”
เมื่อเถามี่กล่าวเช่นนี้ ทุกคนก็วางใจลงได้ในที่สุด
หวงเหว่ยเหยียนกุมมือเถามี่ด้วยความซาบซึ้งใจ “ขอบคุณมากครับคุณหมอ ผมซาบซึ้งจริงๆ!”
เถามี่พูดยิ้มๆ ว่า “ถ้าอยากขอบคุณก็ไปขอบคุณหมอเฉินเถอะครับ เขาเป็นศัลยแพทย์หลักตั้งแต่ต้นจนจบ เพราะเขา การผ่าตัดถึงประสบความสำเร็จขนาดนี้!”
หวงเหว่ยเหยียนตื่นเต้นมาก เขามองเฉินชางแล้วเข้าไปกุมมือ “หมอเฉิน เรื่องอื่นคงไม่ต้องพูดแล้ว ต่อไปหากต้องการให้ผมทำอะไรก็บอกผมได้เลยนะครับ!”
ขณะพูดก็หยิบนามบัตรออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วส่งให้เฉินชาง
เฉินชางยิ้มแล้วรับนามบัตรมาใส่ไว้ในกระเป๋า “เกรงใจเกินไปแล้วครับ นี่เป็นสิ่งที่ผมควรทำอยู่แล้ว”
ฉินเยว่ยู่ปากมองจี้หรูอวิ๋น เข้าไปกระซิบข้างหูว่า “ดูสิ หนูบอกแล้วว่าเฉินชางเก่ง แต่พวกแม่ไม่ยอมเชื่อหนูเลย…”
จี้หรูอวิ๋นกลอกตาใส่ฉินเยว่อย่างอดรนทนไม่ไหว
ไม่ว่าจะพูดอย่างไร หวงเหว่ยเหยียนก็อยากทิ้งช่องทางการติดต่อไว้ให้เฉินชาง
หวงเหว่ยเหยียนมองเฉินชางแล้วพูดว่า “หมอเฉิน ผมเป็นทนายความของสำนักทนายความเหว่ยเหยียน ต่อไปถ้ามีเรื่องเกี่ยวกับกฎหมายต้องการปรึกษา หรือมีอะไรอยากให้ผมช่วยก็มาหาผมได้เลย ผมจะช่วยเต็มที่แน่นอนครับ!”
เฉินชางพยักหน้ายิ้มๆ เป็นการตอบรับ
เขาไม่ค่อยรู้จักสำนักทนายความเหว่ยเหยียนเท่าไหร่นัก แต่การรู้จักทนายความสักคนก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร!
เมื่อบิดาป่วย หวงเหว่ยเหยียนก็ไม่สนใจไปทำงานแล้ว เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจัดแจงงานให้เรียบร้อย คืนนี้เขาจะอยู่เฝ้าที่โรงพยาบาล
เมื่อมีเงินเป็นใบเบิกทาง ไม่ว่าจะทำอะไรก็ง่ายทั้งนั้น นอกจากนี้ ผู้ที่ดำรงตำแหน่งในคณะมนตรีราชกิจจะได้รับเงินค่ารักษาคืน และฉินเสี้ยวหยวนก็สนิทสนมกับเขา จึงทำเรื่องขอห้องส่วนตัวได้ง่าย
ไม่นานแผนกศัลยกรรมหัวใจก็จัดห้องเตียงคู่ให้ห้องหนึ่ง เป็นห้องสำหรับให้พ่อลูกหวงเหว่ยเหยียนเข้าพัก
……
……
จัดการธุระเรียบร้อยแล้ว ทุกคนก็ผ่อนคลายลงได้บ้าง แต่เถามี่ยังมีสิ่งที่ต้องจัดการอยู่อีก ส่วนฉินเสี้ยวหยวนและคนอื่นๆ ออกมาจากโรงพยาบาลแล้ว
จี้หรูอวิ๋นและฉินเยว่เดินอยู่ด้านหน้า พูดคุยหัวเราะกันอย่างมีความสุข ส่วนฉินเสี้ยวหยวนและเฉินชางเดินรั้งท้าย
ฉินเสี้ยวหยวนอดพูดไม่ได้ว่า “เสี่ยวเฉิน หวงเหว่ยเหยียนเป็นคนใช้ได้เลยนะ ค่อนข้างสนิทกับน้าหรูอวิ๋นและฉันมากเลยทีเดียว ต่อไปถ้ามีเรื่องเกี่ยวกับข้อกฎหมายก็ไปหาเขาได้เลย คนกันเองทั้งนั้น”
“จริงสิ เธออาจจะไม่รู้ว่าที่ปรึกษาด้านกฎหมายของโรงพยาบาลพวกเราก็คือสำนักทนายความเหว่ยเหยียนนี่แหละ บริการทนายความของพวกเขาค่อนข้างกว้างขวางและหลากหลาย มีความสำคัญในมณฑลตงหยางของพวกเรามากเลยนะ”
เฉินชางได้ยินดังนั้นก็พยักหน้ายิ้มๆ “ครับ ขอบคุณครับผู้อำนวยการฉิน ผมทราบแล้วครับ”
ฉินเสี้ยวหยวนส่งเสียงอืมครั้งหนึ่งแล้วกล่าวต่อไป “อันที่จริงเธอก็อายุไม่น้อยแล้ว ในสังคมทุกวันนี้ ไม่ได้มีอะไรใสสะอาดบริสุทธิ์ขนาดนั้น พวกเราเป็นหมอก็มีข้อดีของตัวเอง เช่นรู้จักคนแต่ละอาชีพได้ง่าย คนพวกนี้จะเป็นคอนเน็คชั่นและทรัพยากรของคุณ”
“อย่าคิดว่าในวงการการแพทย์อย่างพวกเราจะใสสะอาดไปหมดล่ะ เพียงแต่ถ้าเจออะไรไม่ดีก็อย่าไปใส่ใจ ฉันรู้ว่าเธอคิดยังไง เธอคงอยากเป็นหมอดีๆ ด้วยความบริสุทธิ์ใจสินะ”
เฉินชางได้ยินดังนั้นก็ยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน อันที่จริงบางครั้งเขาก็ไม่ได้อยากเป็นหมอดีๆ ด้วยใจบริสุทธิ์ขนาดนั้น
ฉินเสี้ยวหยวนหัวเราะออกมา “ตอนฉันยังหนุ่มก็คิดแบบนี้เหมือนกัน แต่เธอเคยคิดหรือเปล่าว่าเธอต้องมีความสามารถ เธอถึงทำเรื่องที่เธออยากทำได้ ถ้าไม่มีความสามารถ เธอก็ทำได้แต่สิ่งที่สมควรทำ!”
“ระบบมันก็เป็นแบบนี้แหละ ไม่ว่าโรงพยาบาลไหนก็เป็นแบบนี้ทั้งนั้น เธอเคยเจอหัวหน้าโจวหงกวงแล้วใช่ไหม ฉันจะบอกอะไรที่มันไม่ค่อยน่าฟังสักหน่อยแล้วกัน โรงพยาบาล 301 มีหัวหน้าแผนกอยู่มากมาย แต่ทำไมเขาถึงเป็นนักวิชาการได้ล่ะ นั่นเพราะว่าเขาเป็นทั้งหัวหน้าแผนกและรองผู้อำนวยการโรงพยาบาล ทำให้มีสิทธิ์เลือกมากกว่า นี่คือสิ่งที่เรียกว่าทรัพยากร”
“ที่ฉันพูดเรื่องพวกนี้กับเธอเพราะอยากให้เธอพิจารณาเรื่องราวต่างๆ ให้มากขึ้นหน่อย รู้จักคนให้มากขึ้นหน่อย ยังไงก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร เพราะเธอไม่มีทางรู้เลยว่าใครคือคนที่จะช่วยเธอได้”
ที่ฉินเสี้ยวหยวนเลือกเดินรั้งท้ายด้วยกันกับเฉินชางเพราะตั้งใจพูดเรื่องพวกนี้กับเขา
ฉินเสี้ยวหยวนเห็นเฉินชางมีพรสวรรค์ทางด้านการผ่าตัด อีกทั้งอายุก็ยังน้อย จึงกลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่สนใจเรื่องทางโลกพวกนี้
คนเช่นนี้มีมากมาย! พวกที่หยิ่งจองหอง แต่ถ้าถามว่ามีความสามารถหรือเปล่าก็ต้องตอบเลยว่ามี! ทว่ากลับมีจุดจบที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก
ฉินเสี้ยวหยวนไม่อยากให้เฉินชางเป็นเช่นนั้น
หากคุณเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมไม่ได้ ทางที่ดีก็ต้องทำให้ตัวเองคุ้นชินกับสภาพแวดล้อม!