เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 484 ช่วงนี้คุณไปล่วงเกินใครไว้หรือเปล่า
บทที่ 484 ช่วงนี้คุณไปล่วงเกินใครไว้หรือเปล่า
เลิกงานแล้วเจียงเทาก็ถ่ายรูปคู่มือการทำกายภาพเส้นเอ็นของแผนกฉุกเฉินแล้วส่งไปในกลุ่มพรรคพวกของตนคล้ายตั้งใจคล้ายไม่ตั้งใจ แล้วโพสต์ข้อความไปว่า ‘คู่มือที่หมอของโรงพยาบาลเราทำขึ้นมาเอง’
แต่ดูเหมือนทุกคนกำลังยุ่งจึงไม่มีใครตอบอะไร เจียงเทาจึงทำได้เพียงช่างมัน
เวลาไหลผ่านไปเรื่อยๆ ทุกคนก็เริ่มเข้ากับกลุ่มเล็กๆ ภายในแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลอันดับสองได้ทีละนิดแล้ว
เมื่อผ่านช่วงเวลาทำความรู้จักกันไปแล้ว ทุกคนจึงได้ทราบข่าวบางอย่าง นั่นก็คือพ่อของฉินเยว่คือฉินเสี้ยวหยวน ผู้อำนวยการของโรงพยาบาล!
นี่เป็นข่าวที่ทำให้พวกเขาตกใจมาก!
เพียงพริบตาเดียวฉินเยว่ก็กลายเป็นขนมอันหอมหวานในใจของใครหลายคนไปแล้ว
เมื่อเจียงเทารู้เช่นนี้ก็ยิ่งเอาใจใส่ฉินเยว่คล้ายตั้งใจคล้ายไม่ตั้งใจ
หากชายหญิงจะรักกันชอบกันย่อมไม่เป็นปัญหาอะไร เพียงแต่ทุกครั้งฉินเยว่มักคุยกับเขาด้วยท่าทางเฉยเมย นี่ทำให้เจียงเทาสงสัยแล้วว่าเป็นเพราะอะไรกันแน่
โดยเฉพาะตอนที่เขาชมเธอว่าดูเหมือนเด็ก หรืออะไรเหล่านี้ ฉินเยว่ดูเหมือนจะไม่พอใจทุกครั้งไป
นี่ทำให้เจียงเทาได้แต่เกาหัว! แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เขาเชื่อว่า ความตั้งใจจะทำให้ทุกอย่างสำเร็จ จะช้าจะเร็วฉินเยว่ก็ต้องถูกเขาทำให้หวั่นไหวแน่นอน
แต่เขาก็ค่อยๆ ค้นพบว่า ฉินเยว่และเฉินชางเหมือนจะใกล้ชิดกันมากเลยทีเดียว!
ทุกครั้งที่ฉินเยว่เจอเฉินชางก็จะดูดีใจมาก! นี่ทำให้เจียงเทาจับเบาะแสบางอย่างได้แล้ว!
หรือว่า…เฉินชางและฉินเยว่คบกันอยู่จริงๆ
ด้วยเหตุนี้เจียงเทาจึงทำตัวราวกับตัวเองเป็นเทพนักสืบ เริ่มสืบข้อมูลให้ลึกไปอีกขั้น!
ว่ากันว่า บนโลกนี้ไม่มีอะไรยาก ขอแค่คนเราตั้งใจ จากการตรวจสอบและค้นหาข้อมูลของเจียงเทา ทำให้เขาพบเบาะแสมากมายจริงๆ เขาพบว่าฉินเยว่และเฉินชางมักพบกันหลังเลิกงานเป็นประจำ บางครั้งก็เดินควงแขนกันอย่างสนิทสนม!
นี่ทำให้เจียงเทาเข้าใจกระจ่างขึ้นมาโดยพลัน
มิน่าล่ะ!
นี่อธิบายเรื่องที่เมื่อก่อนเขาไม่เข้าใจได้หมดแล้ว เช่นว่าทำไมฉินเยว่ไม่ชอบตน นั่นเป็นเพราะเธอมีแฟนอยู่แล้วนั่นเอง
นี่ทำให้เจียงเทาเศร้ามาก!
ทำไมผู้หญิงที่ทั้งจิตใจดีงาม ทั้งสวยและน่ารักอย่างฉินเยว่ถึงไปชอบเฉินชางได้ หรือเป็นเพราะเขาหล่อ รูปร่างก็สูง ผมก็หนา แต่ช่วยสนใจเรื่องของจิตใจให้มากหน่อยไม่ได้หรือ
ในฐานะที่เป็นศัลยแพทย์คนหนึ่ง พวกเราควรประลองกันในห้องผ่าตัดสิ!
คิดแล้วเจียงเทาก็ถอนใจออกมา
จะไม่ถอนใจได้อย่างไร เฉินชางชนะเขาจริงๆ แค่เกิดมาหล่อก็ได้เปรียบแล้ว
จบแค่ปริญญาตรี แต่กลับได้ลูกสาวผู้อำนวยการเป็นแฟน ไม่แปลกใจเลยที่หมอในแผนกจะแสดงท่าทีแบบนั้นกับเขา ที่แท้ก็มีสาเหตุนี่เอง…
เจียงเทาโศกเศร้าอย่างหนัก จึงไประบายกับเพื่อนที่เรียนแพทย์แผนจีน
เขาเล่าเรื่องเฉินชางให้ฟัง เพื่อให้เพื่อนของเขาช่วยวิเคราะห์หาสาเหตุ ผลคือเพื่อนเขาเงียบไปครึ่งค่อนวันแล้วบอกมาว่า
“น้องเจียง อันที่จริงถ้ารูปร่างสูงใหญ่ก็หมายถึงกระดูกแข็งแรง ถ้าเส้นผมหนาก็หมายถึงพลังชี่ในไตดี ในตำรากล่าวไว้ว่า ไตควบคุมกระดูก ไตมีพลังซ่อนอยู่ ส่วนความงามก็อยู่ที่เส้นผม!”
พูดถึงตรงนี้เพื่อนของเขาก็กล่าวต่อไป
“หมอเฉินคนนั้นมีรูปร่างสูงใหญ่ กระดูกแข็งแรง เส้นผมหนา มีพลังกระฉับกระเฉง เต็มไปด้วยพลังชี่ แถมยังหล่อเหลา ผู้หญิงคนไหนจะไม่ชอบเขาล่ะ ยังไงก็หล่อ แถมยังมีประโยชน์อีก! เฮ้อ…นายฟังคำเตือนของฉันสักหน่อยเถอะ ไปบำรุงไตให้มากๆ นะ คือแบบนี้ ช่วงนี้ฉันศึกษาเรื่องยาบำรุงไตและยาบำรุงกระดูกชนิดใหม่อยู่ นายเอาไปลองใช้ดูเป็นไง รับประกันเลยว่าจะต้องสุดยอดแน่!”
เจียงเทาลังเลอยู่หลายครั้ง สุดท้ายก็ไม่ได้บล็อกเพื่อนคนนี้ แม้เพื่อนคนนี้จะชอบผลิตยาแปลกๆ ให้ตัวเองกิน แต่ว่า…ก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่หรอก…มั้ง
ตอนเรียนก็ใช้ร่างกายลองยาไปไม่น้อย กินยาของเขามาสามปีแล้ว นอกจากกระเพาะที่ไม่ค่อยปกติ อย่างอื่นก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง!
แต่…ที่เพื่อนคนนี้พูดก็มีเหตุผล!
เจียงเทาจนปัญญา ความหล่อเหลาสู้เขาไม่ได้ เช่นนั้นก็ต้องวัดกันที่การผ่าตัดแล้ว
……
……
ช่วงนี้เฉินชางว่างมาก เขาพบว่าฉายาของคนเราสำคัญมากจริงๆ ตั้งแต่ถูกเรียกว่า ‘อาจารย์เฉิน’ จนกลายเป็น ‘ผู้อำนวยการเฉิน’ การวางตัวของเขาก็แตกต่างไปจากเดิมมาก เวลาเดินไปไหนก็ราวกับจะบินได้
ในแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลอันดับสองมีคนเรียกเขาว่า ‘ผู้อำนวยการเฉิน (เฉินย่วน)’ อย่างคล่องปากมากขึ้นทุกวัน เฉินชางได้ยินบ่อยๆ ก็ยิ่งชินหู โดยเฉพาะเมื่อยัยขี้ประจบฉินเป็นคนเรียกก็ยิ่งรู้สึกสบาย!
ทุกครั้งที่เฉินชางได้ยินฉินเยว่เรียกตนว่าผู้อำนวยการเฉินก็จะรู้สึกถึงความภาคภูมิใจบางอย่าง และยัยขี้ประจบฉินก็ชอบเรียกเขามากด้วย เฉินชางก็น้อมรับ เป็นการหลอกตัวเองและผู้อื่นไปวันๆ พอนำมารวมกันก็เหมือนได้รับการเติมเต็ม
ทางด้านฉินเสี้ยวหยวน ทุกครั้งที่เขาแอบฟังลูกสาวคุยโทรศัพท์จะได้ยินเธอเรียกคนในโทรศัพท์ว่า ‘เฉินย่วน (ผู้อำนวยการเฉิน)’ นั่นมันอะไรกัน
คิดแล้วฉินเสี้ยวหยวนก็ดึงจี้หรูอวิ๋นเข้ามา “ที่รัก เสี่ยวฉินของพวกเราเลิกกับเฉินชางแล้วหรือ ทำไมวันๆ เรียกแต่เฉินย่วนๆ ล่ะ!”
เมื่อจี้หรูอวิ๋นได้ยินดังนั้นก็เกิดหวาดระแวงขึ้นมาทันที
ทำไมถึงเลิกกันเร็วขนาดนี้!
เธอยังไม่ได้ผ่าตัดลดริ้วรอยเลยนะ
ช่วงนี้ศูนย์ประกันสุขภาพค่อนข้างยุ่งเพราะเป็นช่วงปิดบัญชี จี้หรูอวิ๋นต้องรอให้งานช่วงปลายปีนี้เสร็จก่อนค่อยว่ากันอีกครั้ง ขอให้อย่าเลิกกันเร็วขนาดนั้นเลย!
ด้วยเหตุนี้ ช่วงกลางคืนสองสามีภรรยาจึงมีความเคยชินเพิ่มขึ้นอีกอย่างหนึ่ง ก็คือการยืนอยู่ที่ระเบียงเพื่อรอฉินเยว่กลับบ้าน!
ทว่าหลังจากสังเกตมาหลายครั้ง พวกเขาพบว่ายังคงเป็นเฉินชางที่เดินมาส่งฉินเยว่กลับบ้าน
เมื่อเป็นเช่นนี้ ทั้งสองจึงเข้าใจขึ้นมาแล้ว บางทีอาจเป็นฉายาที่ใช้เรียกกันเองก็เป็นได้! แต่คนสมัยนี้ก็จริงๆ เลย อะไรคือ ‘เฉินย่วน’ นี่มันหมายความว่าอย่างไร! ไม่สนใจแล้ว
เหล่าฉินคิดว่าเรื่องนี้ไม่สำคัญ แต่ยังคงคิดว่า คำว่าเฉินย่วนฟังดูแปลกๆ ส่วนจะแปลกอย่างไรเขาก็ไม่รู้เหมือนกัน
……
……
วันต่อมา ฉินเสี้ยวหยวนไปทำงานตามปกติ จู่ๆ ถานลี่กั๋วก็เดินเข้ามาหา
ช่วงนี้ความสัมพันธ์ของทั้งสองไม่เลวเลย เมื่อถานลี่กั๋วเข้ามาแล้วก็มองฉินเสี้ยวหยวนแล้วพูดว่า “ฉินย่วน (ผู้อำนวยการฉิน) ช่วงนี้คุณไปล่วงเกินใครมาหรือเปล่าครับ”
ฉินเสี้ยวหยวนชะงักไป พูดกับถานลี่กั๋วว่า “เลขาถาน เมื่อกี้คุณเรียกผมว่าอะไรนะ”
ถานลี่กั๋วก็ชะงักไปเช่นกัน “ฉินย่วน ผู้อำนวยการฉินไงครับ!”
ฉินเสี้ยวได้ยินดังนั้นก็รู้สึกว่ามันฟังดูคุ้นๆ เหมือนกับเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน แต่จะคิดอย่างไรก็คิดไม่ออก
คนเราแก่แล้วก็เป็นเช่นนี้ ความจำเริ่มถดถอย…
คิดแล้วฉินเสี้ยวก็พูดว่า “เอ่อ…เลขาถาน คุณลองเรียกผมอีกหลายๆ ครั้งหน่อยครับ”
ถานลี่กั๋วงงไปหมดแล้ว ฉินเสี้ยวหยวนคนนี้นี่…เป็นอะไรไปรึเปล่า
แม้กระนั้น เขาก็ยังให้ความร่วมมือโดยการเรียกไปอีกหลายครั้ง “ฉินย่วน ฉินย่วน ฉินย่วน!”
ทันใดนั้นฉินเสี้ยวหยวนก็ตบขาตัวเองฉาดใหญ่! เขาโมโหขึ้นมาแล้ว!
ในที่สุดเขาก็รู้แล้วว่าทำไมถึงฟังคุ้นหูขนาดนี้
ไอ้เด็กนั่นนับวันก็ยิ่งโอหังขึ้นเรื่อยๆ แล้ว
ฉายาผู้อำนวยการเฉินก็ยังตั้งกันมาได้!
แล้วก็ลูกสาวตัวดีนั่นเอง ฉายาอะไรก็กล้าเรียกออกมาหมด
มิน่าล่ะ ช่วงนี้ถึงได้ยินแล้วรู้สึกแปลกๆ แต่กลับรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างไม่ถูกต้อง ในที่สุดตอนนี้ก็รู้แล้วว่าปัญหามันอยู่ตรงไหน!
คิดแล้วฉินเสี้ยวก็ตัดสินใจว่าต้องไปคุยกับเฉินชางให้ดีๆ ยังไม่ทันแต่งงานก็คิดจะแย่งตำแหน่งแล้วหรือ แล้วก็มีลูกสาวตัวดีของตนอีก ไม่ทันไรก็เข้าข้างคนอื่นมากกว่าครอบครัวแล้ว
ถานลี่กั๋วเห็นดังนั้นก็ลังเลไปครู่หนึ่ง หรือฉินเสี้ยวไม่ชอบให้ตนเรียกเขาว่าฉินย่วนเลยโกรธขนาดนี้
คิดแล้วถานลี่กั๋วก็รู้สึกว่าน่าจะเป็นเช่นนั้น เห็นผู้อำนวยการฉินโกรธขนาดนั้นจึงถอนใจออกมาแล้วพูดขึ้นว่า “เหล่าฉิน ช่วงนี้คุณไปล่วงเกินใครไว้หรือเปล่าครับ”
ฉินเสี้ยวได้ยินดังนั้นก็ชะงักไปทันที!
เขาขมวดคิ้วมองถานลี่กั๋ว “เลขาถาน นี่คุณ…หมายความว่ายังไงครับ”
ถานลี่กั๋วคิดว่าตนควรร่วมมือกับฉินเสี้ยวหยวนให้ดี ไม่จำเป็นต้องทำสงครามเย็นกันอีก ควรสานสัมพันธ์ให้ดี ด้วยเหตุนี้จึงยกมือขึ้นโบกไปมา “เรียกผมว่าเหล่าถานก็ได้ครับ คือแบบนี้ครับ ตอนเช้าผมไปประชุมมา ได้พบรองผู้อำนวยการสำนักสุขภาพคนหนึ่ง เขาให้ผมมาบอกคุณว่า ช่วงนี้ให้คุณรู้จักถ่อมตัวหน่อย ผมเลยกลับมาถามคุณว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่”