เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 485 โอกาส!
บทที่ 485 โอกาส!
พอได้ยินคำถามนี้ ฉินเสี้ยวยวนก็ขมวดคิ้วทันที ช่วงนี้ฉันไปล่วงเกินอะไรใครไว้
การวางตัวของเขายังถือว่าเที่ยงธรรม ไม่เคยทำเรื่องอะไรล่วงเกินคนอื่น!
ทันใดนั้น ฉินเสี้ยวยวนก็ย้อนนึกขึ้นได้ถึงเรื่องเมื่อสองวันก่อน…คนที่ตัวเองตำหนิสั่งสอนไปเมื่อตอนเช้า
หรือว่าจะเป็นเขา
เขาไปฟ้องคนอื่นเหรอ
พอนึกถึงตรงนี้ ฉินเสี้ยวยวนก็อดขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ได้
วิญญูชนไม่น่ากลัว คนถ่อยต่างหากที่น่ากลัว
เจอกับคนที่แทงข้างหลังกันแบบนี้ ทำให้จนปัญญาจริงๆ
พอนึกถึงตรงนี้ ฉินเสี้ยวยวนก็เล่าเรื่องวันนั้นให้ถานลี่กั๋วฟัง
หลังจากฟังแล้ว ถานลี่กั๋วก็ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ได้แต่ตบบ่าฉินเสี้ยวยวนเบาๆ แล้วเดินออกไป
ในเมื่อบอกเรื่องนี้ให้ฟังแล้ว ถานลี่กั๋วก็เชื่อว่าในใจฉินเสี้ยวยวนคงมีแผนการบางอย่างแล้วเช่นกัน
โน้มน้าว? ไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้นเลย
อายุห้าสิบกว่ากันแล้วทั้งนั้น ล้มลุกคลุกคลานอยู่ในแวดวงการงานมาก็หลายปี ใครบ้างที่ไม่มีแผนการในใจ
ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องบางอย่างก็ไม่จำเป็นต้องโน้มน้าวเลย
ฉินเสี้ยวยวนมองไปนอกหน้าต่างขณะครุ่นคิด แล้วก็ส่ายหน้าเล็กน้อย เขานึกเสียใจทีหลังหรือเปล่า
ไม่เสียใจอยู่แล้ว!
ถ้าย้อนกลับไปวันนั้นได้ ฉินเสี้ยวยวนก็จะทำแบบนี้อยู่ดี
อีกทั้ง ตัวเองอายุปานนี้แล้ว อีกไม่กี่ปีก็จะเกษียณ ยังจะทำอย่างไรได้อีก
สงบเสงี่ยม?
หึหึ!
แต่เขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา โทรไปที่ห้องเวชระเบียนแผนกฉุกเฉิน สืบหาชื่อแซ่ของผู้ป่วยคนนั้น
จูเซวียนเหวิน!
หลังจากสืบข้อมูลแล้ว ฉินเสี้ยวยวนถึงได้รู้ว่าคนคนนี้ค่อนข้างมีชื่อเสียง!
จูเซวียนเหวินคนนี้เป็นเขยแต่งเข้า ถ้าอยู่ในนิยายสมัยนี้ก็ถือว่าเป็นพระเอก
พ่อภรรยาเดิมทีเป็นคนมณฑลตงหยาง ถือว่ามีเส้นสายอยู่บ้างเหมือนกัน แล้วจูเซวียนเหวินคนนี้ทำงานด้านการก่อสร้าง ในมือเขามีบริษัทรับเหมาก่อสร้างขนาดใหญ่ มักได้รับโครงการก่อสร้างของหน่วยงานราชการ รู้จักกับพวกนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของเมืองอันหยางอยู่บ้าง
ไม่แปลกใจที่วันนั้นทำตัวเย่อหยิ่งอวดดี
พอนึกถึงตรงนี้ ฉินเสี้ยวยวนก็อดส่ายหน้าไม่ได้
การพบเจอกับเรื่องแบบนี้ เขาเองก็จนใจเหมือนกัน
แม้จะเป็นถึงผู้อำนวยการ แต่ฉินเสี้ยวยวนก็ฝ่าฟันขึ้นมาทีละก้าว เรื่องเส้นสายย่อมเทียบกับคนพวกนี้ไม่ได้แน่นอน
ถึงอย่างไรเขาเองก็เป็นแค่ผู้อำนวยการโรงพยาบาลคนหนึ่ง เมื่อเจอกับคนอันธพาลพวกนี้ การพูดจากันด้วยเหตุผลย่อมไร้ประโยชน์
แต่ฉินเสี้ยวยวนก็ไม่ได้กังวล เขาไม่คิดว่าเรื่องเล็กน้อยแค่นี้จะทำอะไรตนได้
และวันนั้นก็มีคนมากมายเห็นเหตุการณ์ ไม่ว่าจะเป็นด้านความรู้สึก หรือเหตุผล ตนก็ไม่ได้ทำอะไรผิดทั้งนั้น
ดังนั้น ฉินเสี้ยวยวนจึงไม่แยแสเท่าไรนัก
แต่การที่เขาไม่แยแส ก็ใช่ว่าคนอื่นจะไม่ถือสา ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ข่าวนี้ยังคงแพร่ไปทั้งโรงพยาบาลแล้ว
หลังจากบุคลากรทางการแพทย์ในห้องฉุกเฉินเหล่านั้นได้ข่าวก็พากันโมโหทันที!
ส่วนเสี่ยวหลินหลังจากได้รับข่าวนี้ก็รู้สึกผิดไม่หาย
เพราะถึงอย่างไร ผู้อำนวยการก็ถูกผู้นำเบื้องบนเรียกพบเพราะตน ถ้าต้องโทษใครสักคน…
เสี่ยวหลินไม่กล้าคิดมากขนาดนั้น เธอรู้สึกว่าตัวเองถูกไล่ออกก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับผู้อำนวยการฉินเพราะเธอ แบบนั้นก็ไม่คุ้มแล้ว!
หลังจากทั้งแผนกฉุกเฉินได้รับข่าวนี้ก็โมโหแทบแย่ จะเอาคลิปจากกล้องวงจรปิดวันนั้นส่งไปที่สำนักสุขภาพให้ได้
ในตอนนี้เองก็มีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น เป็นเรื่องที่ว่าจะเล็กก็ไม่เล็ก จะว่าใหญ่ก็ไม่ใหญ่
……
……
เวลาประมาณเก้าโมงเช้า จู่ๆ ฉินเสี้ยวยวนก็ได้รับโทรศัพท์สายหนึ่ง เป็นสายจากถานจงหลิน เพียงแต่เสียงของอีกฝ่ายฟังดูค่อนข้างจริงจัง “ผู้อำนวยการฉิน ผมคือถานจงหลิน มีเรื่องต้องรบกวนคุณครับ”
พอฉินเสี้ยวยวนได้ยินก็ถามอย่างแปลกใจ “หัวหน้าแผนกถาน เกิดอะไรขึ้น”
ตอนนี้ปลายสายเปลี่ยนเป็นเสียงผู้ชาย “ผู้อำนวยการฉิน ผมคือข่งเสียงหมิน”
ฉินเสี้ยวยวนอึ้งทันที!
ชื่อนี้ คนที่เมืองอันหยางไม่มีทางไม่รู้จัก
ฉินเสี้ยวยวนรีบตอบ “สวัสดีครับ”
เสียงสองข่งเสียงหมินฟังดูค่อนข้างลนลานและกระวนกระวาย แต่ก็ยังคงพูดอย่างใจเย็น “ผู้อำนวยการฉิน มือของลูกผมถูกใบมีดของเครื่องกลึงตัดขาด ตอนนี้ต้องผ่าตัดด่วน รบกวนคุณเดินเรื่อง!”
ฉินเสี้ยวยวนยังไม่ทันพูดอะไร อีกฝ่ายก็พูดต่ออีกว่า “ผมติดต่อทางผู้อำนวยการหวังของโรงพยาบาลไห่ตูซื่อลิ่วกับโรงพยาบาลจีสุ่ยถานแล้ว ทีแรกผมอยากย้ายโรงพยายาล แต่อีกฝ่ายบอกว่าถ้าย้ายผู้ป่วยตอนนี้ ต่อให้มาถึงไวที่สุดก็ไม่ทันอยู่ดี แถมอย่างไรก็ต้องมาหาหมอเฉินของโรงพยาบาลอันดับสอง…”
“ดังนั้นต้องรบกวนให้ผู้อำนวยการฉินช่วยสักหน่อยครับ!”
ฉินเสี้ยวยวนได้ยินแล้วรีบบอกว่า “พวกเราจะเตรียมห้องผ่าตัดให้เดี๋ยวนี้ มาได้ทุกเมื่อเลยครับ!”
พอวางสายแล้ว ฉินเสี้ยวยวนพลันรู้สึกว่าตรงหน้ามีแสงสว่าง ตระหนักได้ว่านี่คือโอกาส!
เขากำลังจะยกหูโทรศัพท์โทรไปแจ้งแผนกฉุกเฉินแต่ก็เปลี่ยนความคิดทันที ตัดสินใจไปด้วยตัวเองสักรอบ
ตอนอยู่ในลิฟท์ เขาโทรบอกหลี่เป่าซาน จากนั้นก็รีบมาหาเฉินชางที่ห้องฉุกเฉิน
ฉินเสี้ยวยวนมองเฉินชางพร้อมเรียกมาข้างกาย “เสี่ยวเฉิน มือของผู้ป่วยถูกเครื่องกลึงตัดขาด ตอนนี้ต้องผ่าตัดด่วน หวังว่าคุณจะผ่าตัดด้วยตัวเอง”
เฉินชางงุนงงทันที หลังจากรู้ข่าวแล้วก็ชะงักไปครู่หนึ่ง
[ติ๊ง! พบภารกิจ ช่วยเหลือฉินเสี้ยวยวน เงื่อนไขภารกิจ: ช่วยชีวิตข่งเจียฮุย ช่วยผ่าตัดต่อมือที่ขาดให้สำเร็จ!]
เฉินชางตะลึงทันที!
ต่อมือที่ขาด?
หลังจากฟังภารกิจแล้ว เฉินชางก็ตกตะลึงยิ่งกว่าเดิม
ผ่าตัดต่อมือ!
ต้องยากกว่าการผ่าตัดต่อนิ้วขนาดไหน!
เพราะเป็นการผ่าตัดที่มีเงื่อนไขมากกว่านั้น
เพราะเป็นครั้งแรก เฉินชางจึงไม่มีความมั่นใจ ถึงอย่างไรก็ไม่รู้สถานการณ์ของผู้ป่วย พูดอะไรตอนนี้ก็ไร้ประโยชน์
จะว่าไปแล้ว แม้การผ่าตัดต่อมือกับการผ่าตัดต่อนิ้วจะมีหลักการต่างกันไม่มาก ล้วนเป็นการผ่าตัดนำเนื้อตายและสิ่งแปลกปลอมออก ใส่โลหะดามกระดูก จากนั้นเริ่มต่อเส้นเลือด ฟื้นฟูเอ็นกล้ามเนื้อ ฟื้นฟูเส้นประสาท ฟื้นฟูผิวหนัง
แต่เป็นเพราะหลังจากการผ่าตัดต่อมือแล้ว ยังต้องพิจารณาถึงปัญหาการเสียชีวิต พิจารณาถึงเรื่องฟื้นฟูการใช้งานอวัยวะอีก ถ้าเป็นนิ้วแค่นิ้วเดียว ต่อให้เสียหายรุนแรง แต่หลังจากฟื้นฟูแล้วก็จะไม่ส่งผลกระทบใหญ่โตนัก แต่ถ้าเป็นมือหนึ่งข้างล่ะ
เป็นการผ่าตัดที่แตกต่างกันเกินไปจริงๆ!
พอเฉินชางคิดมาถึงตรงนี้ ก็สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งเช่นกัน
เขาเองก็ตระหนักได้ว่านี่คือโอกาส
ช่วงก่อนหน้านี้เป็นเพราะเรื่องของจูเซวียนเหวิน ฉินเสี้ยวยวนจึงได้รับผลกระทบไปด้วย เฉินชางเองก็รู้สึกผิดอยู่บ้างเช่นกัน
แถมเฉินชางก็ไม่ชอบจูเซวียนเหวินด้วย
ถ้าครั้งนี้ช่วยเขาได้ บางทีอาจจะเป็นเรื่องดีสำหรับฉินเสี้ยวยวน!
พอนึกถึงจุดนี้ เฉินชางก็มองฉินเสี้ยวยวนพร้อมพยักหน้า “วางใจเถอะครับ ผู้อำนวยการฉิน ผมจะพยายามสุดความสามารถแน่นอน!”
ฉินเสี้ยวยวนมองเฉินชาง กล่าวอย่างลังเลนิดหน่อย “เสี่ยวเฉิน…อย่าเครียดเกินไป ไม่ต้องสนใจผม คุณรักษาให้เต็มที่เถอะ อย่ากดดันตัวเอง”
“ไม่เป็นไรครับ!” เฉินชางตอบพร้อมรอยยิ้ม
ฉินเสี้ยวยวนพยักหน้าเล็กน้อย ยิ้งพลางตบบ่าเฉินชางเบาๆ
ตอนนี้เอง เสียงรถพยาบาลก็ดังขึ้น ทุกคนรีบทุ่มตัวให้กับงานกู้ชีพเร่งด่วนนี้แล้ว