เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 498 ขั้นเหาะเหิน
บทที่ 498 ขั้นเหาะเหิน
ไม่รู้ว่าเฉินชางพูดติดลม หรือทังจินโปเริ่มอินเกินไป
บรรยากาศการพูดคุยของทั้งสองค่อนข้างร้อนแรง เป็นไปได้ว่าเฉินชางเอ่ยถึงความบกพร่องของวิธีการเย็บเส้นเอ็นแบบทังไม่หยุด ทำให้ศาสตราจารย์ทังเริ่มโมโหนิดหน่อยแล้ว
อย่างไรเสีย บรรยากาศก็เปลี่ยนจากพูดคุยถูกอัธยาศัยกลายเป็นเสียดายที่รู้จักกันช้าไป…ตอนนี้พัฒนาไปเป็นสถานการณ์ตึงเครียดแล้ว!
กลุ่มคนที่มองอยู่ข้างๆ อกสั่นขวัญแขวน กลัวว่าทั้งสองจะลงมือสู้กัน!
ถ้าสู้กันขึ้นมา นี่…ก็จะเป็นเรื่องที่น่าขำมากจริงๆ!
ส่วนเจียงเทากับหลี่อวี่ที่ยืนอยู่ใกล้ที่สุดก็สบตากันแวบหนึ่ง แล้วพยักหน้าให้กัน!
ถ้าสองคนนั้นสู้กันขึ้นมา ควรจะอยู่ทีมใครกันแน่
หรือว่าควรดึงคนของตัวเองไว้
นี่คือปัญหาที่ตอนนี้ทั้งสองกังวลมาก!
ตอนนี้เจียงเทาเลื่อมใสเฉินชางจริงๆ เจ้าหมอนี่ห้าวจริงๆ ตบโต๊ะชี้หน้าบอกศาสตราจารย์ทังว่าคุณทำตรงนั้นไม่ดี ทำตรงนี้ไม่ดี
ศาสตราจารย์ทังเองก็ดุดันเช่นกัน เมื่อครู่ยังมีท่าทางสุภาพมีการศึกษาอยู่เลย ตอนนี้เริ่มพับแขนเสื้อถกเถียงกันแล้ว!
ทังจินโปโมโหจนหน้าเขียว กำลังมองเฉินชางวิจารณ์จุดด้อยมากมายของวิธีการเย็บเส้นเอ็นแบบทัง เขาเริ่มไม่สบอารมณ์ทันที
ส่วนเฉินชางก็กลอกตามองบน แทบจะนึกว่าศาสตราจารย์ทังคนนี้กำลังใช้สูตรโกง!
เพราะเจ้าหมอนี่เข้าใจเรื่องวิธีการเย็บเส้นเอ็นและการผ่าตัดมืออย่างล้ำลึกจริงๆ
การถกเถียงประเด็นทางวิชาการครั้งนี้ อีกฝ่ายโต้แย้งได้แบบไฟลุกจริงๆ!
ถกอะไรก็เถียงคำไม่ตกฟาก!
นี่ก็เป็นสาเหตุว่าทำไมนักกวีในสมัยโบราณของประเทศจีนชอบพกสุราและกระบี่ ก็เพื่อปลุกความกล้าหาญในตัวเอง เพื่อข่มกันและกัน ทำให้อีกฝ่ายใจเย็นลงหน่อย
เมื่อเห็นการถกเถียงยิ่งดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ จู่ๆ พยาบาลก็เข้ามาบอกว่า “คุณหมอเฉิน คนไข้มาแล้วค่ะ อีกสักครู่จะผ่าตัดเลยไหมคะ”
เฉินชางได้ยินก็ตอบทันที “ไปเดี๋ยวนี้เลยครับ”
ทังจินโปขวางทันที “ศาสตราจารย์เฉิน คุณรู้เกี่ยวกับวิธีการเย็บเส้นเอ็นแบบทังได้ไม่ครอบคลุมมากพอ เดี๋ยวผมเย็บเอง แล้วคุณคอยชี้แนะ!”
ตอนนี้ทั้งสองต่างก็รู้ว่าทุกข์เที่ยงกันไปก็ไม่ได้ข้อสรุป ต้องลงมือปฏิบัติจริง!
เฉินชางพยักหน้า “เชิญครับศาสตราจารย์ทัง”
ทังจินโปพยักหน้าและกล่าวขอบคุณ
ไม่ว่าจะพูดคุยอะไรกัน ไม่ว่าจะโต้เถียงอะไรกัน พวกเขาก็พูดเกี่ยวกับเรื่องวิชาการเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับคน
ทั้งสองต่างก็เข้าใจชัดเจน
หลี่อวี่กับเจียงเทาที่อยู่ข้างหลังสบตากันปราดหนึ่งแล้วรีบเดินตามไป
ตอนนี้เจียงเทารู้สึกเลื่อมใสศาสตราจารย์ทังอีกครั้ง รู้เช่นกันว่าตัวเองจัดเป็นรุ่นไหน ถ้าสู้กันขึ้นมาจริงๆ ตัวเองจะต้องชกหลี่อวี่ก่อนแน่!
ใช่แล้ว ไม่ผิดหรอก!
แต่จะปล่อยให้หลี่อวี่รู้ถึงความคิดของเขาไม่ได้
หลี่อวี่ก้าวเท้าดึงระยะห่างออกจากเจียงเทาอย่างแนบเนียน
เขารู้ว่าการผ่าตัดเคสนี้เป็นการประลองฝีมือของทั้งสองคน
ในห้องผ่าตัด เฉินชางพูดแนะนำกับคนไข้ว่า “ท่านนี้คือศาสตราจารย์ทังจินโปจากมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์สังกัดมหาวิทยาลัยหนานทง เขาคือสุดยอดผู้เชี่ยวชาญในวงการวิธีการเย็บเส้นเอ็นระดับประเทศ…”
หลังจากพูดแนะนำให้คนไข้รู้จักแล้ว คนไข้ก็ตาเป็นประกายเช่นกัน หลังจากที่เขาป่วย ลูกชายก็ค้นหาข้อมูลในเว็บไซต์ไป๋ตู้แล้ว ทำให้รู้จักศาสตราจารย์ทังคนนี้
นึกไม่ถึงว่าทางโรงพยาบาลจะเชิญศาสตราจารย์ทังจินโปมาได้ พอนึกถึงตรงนี้ คนไข้ก็ซาบซึ้งใจ “ขอบคุณครับหมอเฉิน ขอบคุณศาสตราจารย์ทังด้วย”
อืม เตรียมตัวผ่าตัดได้แล้ว!
เจียงเทาที่เดิมทีเป็นแฟนคลับวิธีการเย็บเส้นเอ็นแบบทัง ตอนนี้ทรยศแล้ว
จู่ๆ เขาก็หวังว่าเฉินชางจะชนะ
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร!
มนุษย์เราก็เป็นแบบนี้ ต่อให้ตัวเองจะไม่ดีขนาดไหน ก็มีแต่ตัวเองที่รังเกียจ
ทังจินโปมองหลี่อวี่แวบหนึ่ง หลี่อวี่เข้าใจทันที เตรียมตัวเป็นผู้ช่วย
เฉินชางอยู่ข้างๆ พูดกับพยาบาลย่วนย่วนว่า “เปิดกล้อง”
การผ่าตัดเริ่มแล้ว!
จะว่าไปก็บังเอิญเหมือนกัน คนไข้บาดเจ็บที่เอ็นขวางข้อมือพอดี และใช้วิธีการเย็บเส้นเอ็นแบบทังด้วย ทั้งยังอยู่ในขอบเขตทฤษฎีการแบ่งเขตเส้นเอ็นยืดเหยียดของทัง
นี่คงจะเป็นขอบเขตวิธีการเย็บเส้นเอ็นแบบทังที่ศาสตราจารย์ทังถนัดที่สุด
การผ่าตัดเริ่มขึ้น เฉินชางไม่พูดอะไร ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาถกเถียงกัน แต่เขากลับจดจำรายละเอียดทุกอย่างไว้ในใจ
อีกประเดี๋ยวรอให้การผ่าตัดจบลง จะได้ต่อว่าศาสตราจารย์ทังสักหน่อย!
การผ่าตัดราบรื่นมาก!
นี่เป็นสิ่งที่ทุกคนคิดไว้อยู่แล้ว
ถ้าแม้แต่ศาสตราจารย์ทังยังใช้วิธีการเย็บแบบถังได้ไม่ดี แล้วจะมีใครใช้ได้ดีอีก
เจียงเทาอดกังวลไม่ได้ เขามองเฉินชางแวบหนึ่ง แล้วแอบบอกว่า “พวกเรามีโอกาสชนะมากแค่ไหน ขออย่าให้แพ้อย่างอนาถเกินไปก็พอ!”
ส่วนอันเยี่ยนจวินก็สงบนิ่ง พูดตามตรง การที่เขาอยู่กับเฉินชางมาเป็นเวลานาน ทำให้โลกทัศน์ของเขาเปิดกว้างขึ้น
การผ่าตัดจบลงอย่างรวดเร็ว หลังจากกำชับอะไรนิดหน่อยก็ส่งตัวคนไข้ออกไป
ทังจินโปยิ้มขณะมองเฉินชาง “ศาสตราจารย์เฉิน นี่คือวิธีการเย็บแบบถังหลังจากที่ผมปรับปรุงแล้ว เทียบกับตอนแรกแล้วเป็นยังไงบ้างครับ”
เฉินชางพยักหน้าพูดในใจว่า ครับ มีพัฒนาการขึ้นมากจริงๆ!
แต่เขาไม่ได้พูดมันออกมา เปลี่ยนเป็นพูดอีกประโยคว่า “แต่จุดด้อยที่ผมชี้ให้เห็นก่อนหน้านี้ยังมีอยู่ ถ้าคิดจะปรับปรุงวิธีการเย็บแบบทัง ก็ต้องรวมกับแนวคิดของการเย็บแบบบันเนลล์ รวมทั้งการเย็บแบบเคสเลอร์…”
ทังจินโปขมวดคิ้ว ยังไม่ทันยกมีดผ่าตัดขึ้นมาเถียง พยาบาลก็บอกว่า “หมอเฉิน ยังมีผ่าตัดอีกเคสค่ะ”
ทังจินโปย้ายสายตาไปที่เฉินชาง ไม่พูดอะไรแล้วเช่นกัน
เป็นการบอกใบที่ชัดเจนมาก นั่นก็คือ ถ้าคุณทำได้ ก็ทำเองเลย!
การปฏิบัติจริงคือมาตรฐานเดียวในการทดสอบความจริง!
หลังจากเตรียมตัวแล้ว เฉินชางก็เดินมาตรงหน้าคนไข้ เตรียมตัวเริ่มผ่าตัด อันเยี่ยนจวินเตรียมตัวเป็นผู้ช่วยแล้ว
ส่วนเจียงเทาก็ค่อนข้างประหม่า นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นการผ่าตัดของเฉินชาง เขาไม่มีความมั่นใจเหมือนกัน!
หมอเฉินเก่งเหมือนที่อาจารย์บอกจริงเหรอ
แต่…เมื่อนึกถึงตอนที่เขากับศาสตราจารย์ทังถกเถียงกันเรื่องทฤษฎีอย่างสูสี ก็คงจะเก่งละมั้ง!
ตอนนี้เจียงเทาสับสนมาก
สำหรับเฉินชาง ควรจะชื่นชมหรือด้อยค่าดีล่ะ!
แต่…เขามีเปอร์เซนต์ชื่นชมสูงกว่านิดหน่อย
ถึงยังไง…ก็ไม่มีเหตุผลให้ด้อยค่า!
เจียงเทาที่ที่ชอบเหยียดคนอื่น ตอนนี้ยังจะดูถูกเฉินชางตรงไหนได้อีก
ยังไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น!
หมอเฉินกล้าตบโต๊ะและถลึงตาใส่ศาสตราจารย์ทัง ชี้หน้าตำหนิว่าการเย็บของคุณเป็นเหมือนของเล่นอะไรสักอย่าง!
ขนาดอาจารย์ของฉันยังไม่กล้าทำอย่างนี้เลย
พอคิดถึงตรงนี้ เขาก็เริ่มดูการผ่าตัดอย่างจริงจัง
ไม่นาน เฉินชางก็เตรียมตัวเสร็จแล้ว เขารับไหมเย็บมาแล้วเริ่มเย็บ
เพียงแต่…ตอนที่เฉินชางเริ่มเย็บ ทังจินโปก็ตาเป็นประกายทันที นี่ก็เป็นวิธีการเย็บเส้นเอ็นในแบบของทังเหมือนกัน
ส่วนหลี่อวี่ก็อดคิดในใจไม่ได้ สุดท้ายก็ยังต้องใช้วิธีการเย็บเส้นเอ็นในแบบของทังสินะ
พูดไปเยอะขนาดนี้ สุดท้ายก็ยังต้องใช้วิธีนี้…
ยังไม่ทันพูดออกมา เฉินชางก็พลันเปลี่ยนวิธีการ เป็นเทคนิคเย็บแบบมัดหกปมที่แตกต่างกับวิธีการเย็บเส้นเอ็นในแบบของทังโดยสิ้นเชิง และใช้เทคนิคเย็บแบบมัดสี่ปมด้วย แต่ตอนที่เย็บ มุมของการเย็บและรอยไหมที่เขาใช้…แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง!
นี่เป็นวิธีการอะไรกันแน่
ทังจินโปเบิกตากว้าง เขารู้ชัดว่านี่ไม่ใช่วิธีการเย็บเส้นเอ็นในแบบของทัง ถึงขั้นว่าเป็นวิธีการเย็บที่เขาไม่รู้จักเลยด้วย
แต่…กลับมีเงาของการวิธีการเย็บแบบต่างๆ
อีกทั้งตอนที่เขาเห็นผลลัพธ์การเย็บ เขาก็ค้นพบอย่างตกตะลึงว่าวิธีการเย็บแบบนี้ของเฉินชางต่างหากที่เป็นวิธีคิดที่มีพรสวรรค์
การเลือกที่ชาญฉลาดทำให้เนื้อเยื่อที่อยู่รอบรอยเย็บเส้นเอ็นไม่เสียหาย ทั้งยังลดการเกิดพังผืดได้มากที่สุดด้วย เทคนิคเย็บแบบมัดสี่ปม เมื่อเทียบกับเทคนิคเย็บแบบมัดหกปม ไม่นานก็แสดงจุดที่เหนือกว่าออกมาแล้ว…
ทังจินโปยิ่งดูก็ยิ่งตกใจ!
ยิ่งดูก็ยิ่งตัวสั่น!
นี่…เป็นวิธีการเย็บแบบไหนกัน ทำไมไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่…นี่อาจจะเป็นทิศทางการพัฒนาในอนาคตของวิธีการเย็บเส้นเอ็นแบบทังหรือเปล่า
ทังจินโปยิ่งดูก็ยิ่งหายใจถี่กระชั้น
ส่วนหลี่อวี่ก็งงเป็นไก่ตาแตกแล้ว
คนนอกวงการดูเอาสนุก คนในวงการดูเอาเคล็ดลับ แม้เขาจะไม่ใช่คนในวงการที่มีความรู้ด้านนี้มาก แต่ก็ร่วมบุกเหนือล่องใต้กับศาสตราจารย์ทังมาเช่นกัน ทั้งเคสใหญ่เคสเล็กมีอะไรบ้างที่ไม่เคยเห็น
เขาพอจะรู้สึกได้รางๆ ว่าวิธีการเย็บแบบนี้ของเฉินชางมีประสิทธิภาพมากกว่า…วิธีการเย็บเส้นเอ็นแบบทังนิดหน่อย
วิธีการเย็บเส้นเอ็นแบบทังมีเคล็ดลับที่ชัดเจน แต่วิธีการเย็บแบบนี้ทำให้เขาไม่รู้สึกว่ามีเคล็ดลับ
ตอนนี้เจียงเทาที่อยู่ข้างๆ อ้าปากค้างแล้ว!
เขากำลังดูวิธีการเย็บนี้ด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ ปล่อยวางไม่ได้อยู่นานมาก
อาจารย์ของเขาคือกู้หงเหมย เป็นรองหัวหน้าแผนกศัลยกรรมมือของโรงพยาบาลจีสุ่ยถาน และหัวหน้าแผนกศัลยกรรมมือก็คือฉางหงเหล่ย!
ฉางหงเหล่ยถือเป็นพี่ใหญ่ในเขตนี้ ความคิดของเธอก็คือหาผู้เชี่ยวชาญหลากหลายด้าน ศึกษาวิธีการเย็บทุกแบบให้ถ่องแท้ ดังนั้นเมื่อได้เห็นและได้ยินอยู่เป็นประจำ เจียงเทาย่อมได้รับอิทธิพลจากความคิดนี้อย่างลึกซึ้ง
ตอนที่เขาเห็นการผ่าตัดของเฉินชางก็เข้าใจกระจ่างในฉับพลัน!
ว่าเฉินชางคนนี้เก่งกว่าที่ตนจินตนาการไว้!
เขาอาจจะเป็นคนที่ซึมซับจุดเด่นของผู้เชี่ยวชาญมากมาย แล้วสรุปออกมาเป็นวิธีการของตัวเอง
ตอนนี้เจียงเทารู้สึกว่าหัวใจกำลังกระตุก ไม่ใช่ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ แต่เป็นความใจเต้นหวั่นไหว! รู้สึกว่าใจเต้นเร็วมาก
แข่งแกร่งเกินไปแล้ว!
ถ้าแบ่งระดับวิธีการเย็บเส้นเอ็นได้ ศาสตราจารย์ทังถือเป็นพี่ใหญ่ที่อยู่ในขั้นรอรับทัณฑ์อัสนี ส่วนศาสตราจารย์เฉินก็อยู่ในขั้นเหาะเหิน