เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 504 จำเป็นต้องผ่าตัด!
บทที่ 504 จำเป็นต้องผ่าตัด!
ชีวิตคนเรา เดิมทีก็ไม่ได้ดำเนินตามบทอยู่แล้ว!
……
เจียงเทาเตรียมทุกอย่างไว้เรียบร้อย จองร้านอาหารไว้แล้ว
ไม่ว่าจะเป็นหวังอวี้ซาน ฉางหงเหล่ย หรือกู้หงเหมยก็ล้วนเฝ้าคอย ความรู้สึกยามได้พบกันใหม่หลังจากห่างหายกันไปนานจะเป็นอย่างไร
เพราะการมาเยือนของศาสตราจารย์ทัง การผ่าตัดของวันเสาร์จึงเยอะขึ้นมาหน่อย ใช้เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และถามตอบกัน
เวลาประมาณหกโมงเย็น ทุกคนก็กลับมาอย่างพึงพอใจ
ทังจินโปมองเฉินชาง “เสี่ยวเฉิน ครั้งนี้ผมได้อะไรไม่น้อยเลยจริงๆ ได้รับแรงบันดาลใจมากมาย รอให้ผมกลับไปก่อน ผมจะตั้งใจสรุปเนื้อหาให้ดี แล้วพวกเราก็มาแลกเปลี่ยนความเห็นกันอีกครั้ง”
เฉินชางตอบยิ้มๆ “ศาสตราจารย์ทังเกรงใจเกินไปแล้วครับ ผมต่างหากที่ได้เรียนรู้อะไรมากมายจากศาสตราจารย์ทัง!”
ทั้งสองพูดคุยกันขณะเดินออกจากห้องผ่าตัด โทรศัพท์มือถือของเฉินชางมีเสียงแจ้งเตือนวีแชทดังนั้น เขาหยิบขึ้นมาดู พบว่าเป็นเจียงเทา
“ทางนี้เตรียมการไว้เรียบร้อยแล้วครับ ตึกตงเย่ว์ ห้องไพรเวทหนานเหล่าเก๋อ”
เฉินชางอ่านในใจเงียบๆ ดีมาก!
เขาบอกศาสตราจารย์ทังว่า “วันนี้ตอนบ่ายเพิ่งผ่าตัดไป ลำบากศาสตราจารย์ทังแล้ว คืนนี้พวกเราจองโต๊ะที่ภัตตาคารอาหารตงหยางไว้ จะพาศาสตราจารย์ทังไปชิมอาหารพื้นเมืองตงหยางของพวกเราสักหน่อย!”
ขณะที่พูดคุยกัน พวกเขาก็เดินไปทางโรงแรมที่จองไว้
ตอนที่ทังจินโปผลักประตูเข้ามา ภาพที่ปรากฏตรงหน้าก็ทำให้เขาตะลึงค้างทันที!
ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น แม้แต่หวังอวี้ซานก็ยืนขึ้นเช่นกัน กู้หงเหมยกับฉางหงเหล่ยล้วนยืนขึ้นมองทังจินโป
ทั้งสี่ยืนสบตากันอย่างนี้ แล้วจู่ๆ ก็หัวเราะลั่นออกมา
เพียงชั่วพริบตานี้
เรื่องในอดีตอาจเหมือนควันที่สลายไปแล้ว
ยามกลับมาพบกันอีกครั้ง พวกเขาไม่ใช่คนหนุ่มสาวอีกต่อไป
วัยหนุ่มสาวผ่านไปอย่างไร้ค่า
เรื่องราวฉายซ้ำอีกครั้ง
ความไม่พอใจในอดีตไม่ว่าจะมากขนาดไหน
ก็สูญสิ้นไปหมดแล้วเพียงชั่วพริบตาที่ยิ้มให้กัน
……
เฉินชางกำลังมองคนกลุ่มนี้พร้อมรอยยิ้ม จู่ๆ โทรศัพท์ก็ดังขึ้น เขายกโทรศัพท์ขึ้นมารับสาย
ปลายสายเป็นสือน่า “เสี่ยวเฉิน แผนกฉุกเฉินมีผู้ป่วยอายุไม่ถึงสามขวบ มือขวา…ทั้งมือทั้งนิ้วคลายออกไม่ได้ ฉันคิดว่าอาจจะเป็นภาวะกล้ามเนื้อหดรั้งภายหลังการขาดเลือด[1]…
…คุณอยู่กับศาสตราจารย์ทังหรือเปล่า หรือไม่อย่างนั้น…มาดูด้วยกันเลยดีไหม ผู้ป่วยอยู่ใน…สถานการณ์พิเศษ!”
เฉินชางชะงักทันที จากนั้นก็พยักหน้า “ได้ครับ อาจารย์สือ คุณรอสักครู่ครับ พวกเราจะไปเดี๋ยวนี้”
เฉินชางเงยหน้ามองอาจารย์ทั้งสี่ แล้วอดพูดไม่ได้ว่า “อาจารย์ทุกท่านครับ แผนกฉุกเฉินมีผู้ป่วยเด็กคนหนึ่ง แผนกศัลยกรรมกระดูกวินิจฉัยแล้วว่าเป็นภาวะกล้ามเนื้อหดรั้งภายหลังการขาดเลือด เอ่อ คือ…ขออภัยจริงๆ ครับ…”
พอพวกหวังอวี้ซานได้ยินเฉินชางพูดดังนั้นก็พากันขมวดคิ้วทันที
ภาวะกล้ามเนื้อหดรั้งภายหลังการขาดเลือด?
นี่ไม่ใช่อาการป่วยเล็กๆ เลย!
ภาวะกล้ามเนื้อหดรั้งภายหลังการขาดเลือดพบได้น้อย แต่หากเกิดขึ้นแล้วก็จะส่งผลร้ายแรง!
อย่าว่าแต่ที่โรงพยาบาลอันดับสองเลย ต่อให้เป็นที่ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กว่างโจว ก็ต้องไปโรงพยาบาลใหญ่ๆ ถึงจะรักษาได้
พอนึกถึงตรงนี้ ทั้งสี่ก็ก็สบตากันแล้วลุกขึ้นยืนพร้อมกัน
เฉินชางกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง หวังอวี้ซานก็ชิงพูดก่อนแล้ว “ไปกันเถอะ!”
ทั้งสี่เด็ดขาดและรวดเร็ว พอลุกขึ้นก็เดินออกไปข้างนอกทันที ในฐานะแพทย์ พวกเขาเตรียมพร้อมทำศึกทุกเมื่ออยู่แล้ว
ถ้าจะบอกว่าตรงไหนมีโจรตรงนั้นมีตำรวจ
เช่นนั้น ที่ไหนมีผู้ป่วยที่นั่นก็มีหมอเหมือนกัน!
เฉินชางหันไปมอง NPC ระดับสูงผู้เปล่งประกายทั้งสี่ที่แย่งกันเดินออกประตูไป จู่ๆ ก็รู้สึกประทับใจ นี่สินะคนรุ่นก่อน!
ไม่ใช่เพียงความสามารถเท่านั้น แต่ยังมีหัวใจที่มีต่อผู้ป่วยด้วย!
เมื่อเห็นพวกเขา เฉินชางก็มีความมั่นใจทันที
ถึงยังไงก็มีพวกเขาอยู่ด้วย นี่คือพลังระดับหัวกะทิของแผนกศัลยกรรมมือในประเทศ!
ยังจะมีปัญหาอะไรที่แก้ไม่ได้อีก
ถ้ายังมีปัญหาที่แก้ไม่ได้จริง เช่นนั้นในประเทศก็ไม่มีใครแก้ไขได้แล้ว
หลังจากพวกเขาเดินออกมาก็รีบเรียกรถไปโรงพยาบาลทันที
เส้นทางไม่ไกล ใช้เวลาเดินทางประมาณเจ็ดแปดนาทีเท่านั้น
เฉินชางยังไม่ทันได้ลงรถ พวกหวังอวี้ซานก็วิ่งนำเข้าประตูไปแล้ว
เฉินชางรีบตามเข้าไป
ทั้งสี่คนล้วนเป็นบุคคลที่แหวกโค่นดงหนามมาจากสนามรบแผนกศัลยกรรมมือ
ไม่ว่าคนไหนก็เป็นพี่ใหญ่ของวงการระดับประเทศทั้งนั้น
สือน่าเห็นพวกเขาแล้วอึ้งไปชั่วครู่ ก่อนจะถามเฉินชางเสียงเบาว่า “เกิดอะไรขึ้นคะ”
เฉินชางยิ้มแล้วแนะนำทั้งสี่ ตอนนี้สือน่าถึงได้โล่งอกแล้วเผยสีหน้าดีใจ
“อาจารย์สือครับ ผู้ป่วยอยู่ในสถานการณ์พิเศษยังไงครับ” เฉินชางถาม
สือน่าชี้ไปที่มุมข้างๆ
ในที่สุดเฉินชางก็เข้าใจแล้วว่าทำไมถึงเรียกว่าเป็นสถานการณ์พิเศษ
คนเร่ร่อนคนนี้ เฉินชางเคยเจอมาก่อน!
เป็นชายพูดไม่ได้ที่เฉินชางเคยจัดกระดูกให้
แต่วันนี้เขาคงจะอาบน้ำแต่งตัวมาแล้ว ถือว่ายังแต่งกายเหมาะสม แม้ชุดจะดูเก่าไปหน่อย ไม่รู้ว่าเป็นชุดสูทสีเทาที่ซื้อมากี่ปีแล้ว แต่คราบสกปรกบนมือและใบหน้าเหมือนจะอยู่ในจุดลึกของรอยย่น ยากจะล้างให้สะอาดได้ เขากำลังยืนกระวนกระวายอยู่ตรงนั้น!
เฉินชางอึ้งทันที “อย่าบอกนะว่าเป็นเขา”
สือน่าส่ายหน้า “ไม่ใช่ เป็นเด็กผู้ชาย ไม่ใช่ลูกชายเขา แต่เป็น…เด็กที่เขาเก็บมา ไม่มีบัตรประจำตัวประชาชน…
…เขาอุ้มเด็กแล้วเอาหัวตัวเองโขกพื้นอยู่ตรงประตูนานมาก เด็กก็ร้องไห้ไม่หยุด ฉันใจอ่อนไปชั่วขณะ ก็เลยปล่อยให้เขาเข้ามา”
เฉินชางพยักหน้า เดินมาถึงห้องฉุกเฉินแล้ว ชายคนนั้นยิ้มให้เฉินชางอย่างสนิทสนม เขาไม่ได้พูดอะไร รีบหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งจากกระเป๋าเสื้อส่งให้เฉินชาง
เฉินชางรับมาอ่านด้วยความอยากรู้อยากเห็น “ช่วยเด็กด้วยครับ ผมมีเงิน”
เฉินชางก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน ตอนที่มองข้อความพวกนี้ เขาสะเทือนใจมาก
หวังอวี้ซานมองคนเร่ร่อนแวบหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าแล้วเดินเข้าห้องฉุกเฉิน ส่วนเฉินชางก็พูดกับคนเร่ร่อนว่า “คุณเข้ามาเถอะครับ”
คนเร่ร่อนส่ายหน้า ถอยหลังหลายก้าวแล้วชี้บนร่างกายตัวเอง กำลังบอกใบ้ว่าตัวเองสกปรก
เฉินชางชะงักไปชั่วขณะ แล้วบอกว่า “ไม่เป็นไรครับ ผมจะถามอะไรคุณสักหน่อย คุณเขียนหนังสือได้หรือเปล่า”
คนเร่ร่อนพยักหน้า ลังเลนิดหน่อยก่อนจะตามเข้าไป แต่…รองเท้าของเขาหลุดหายไปแล้ว ได้แต่เดินเท้าเปล่าตามเข้าไป
ปลายฤดูใบไม้ร่วงอากาศหนาวมากแล้ว พื้นเป็นกระเบื้องเคลือบ ทำให้สัมผัสเย็นเฉียบยิ่งกว่าเดิม แต่ตอนเขาเดินเท้าเปล่าอยู่บนนั้นก็ยังยิ้มเห็นฟันได้
“คุณมีบัตรประจำตัวประชาชนหรือเปล่าครับ” เฉินชางถาม
ชายเร่ร่อนหยิบบัตรประจำตัวประชาชนออกจากกระเป๋าเสื้อแล้วยื่นให้เฉินชาง
เฉินชางอ่านชื่อแล้วอึ้งทันที เป็นชื่อที่ดูรวยและมีความรู้มาก ‘เถาหันไฉ่’
รูปบนบัตรประจำตัวประชาชนไม่ถือว่าหล่อ แต่กลับสง่างามมาก ดูไม่มีอะไรเชื่อมโยงกับคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเลย
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดวนเวียนเรื่องนี้
เฉินชางเดินไปตรงหน้าเพื่อดูผู้ป่วย เป็นเด็กผู้ชายที่อายุยังไม่ถึงสามขวบ ท้องแขนมีสีขาวซีดและสีม่วงช้ำสลับกัน บางจุดเป็นสีเขียว บางจุดเป็นสีม่วง ส่วนตรงกลางฝ่ามือก็เป็นสีเขียวคล้ำ เป็นเหมือนกันทั้งฝ่ามือทั้งนิ้ว
เฉินชางยังไม่ทันมีปฏิกิริยาอะไร ก็เห็นหวังอวี้ซานวางมือบนมือของเด็กแล้ว
ผ่านไปไม่กี่วินาที หวังอวี้ซานก็สีหน้าเปลี่ยนแล้วเงยหน้าบอกว่า “มือผิดรูปเพราะภาวะกล้ามเนื้อหดรั้งภายหลังการขาดเลือด!”
พอกล่าวคำนี้ออกมา อาจารย์อีกสามคนก็ขมวดคิ้วทันที!
ทังจินโปก้าวขึ้นมาข้างหน้า ยกมือขวาขึ้นมา แต่จู่ๆ เด็กก็ตื่นแล้วร้องไห้เสียงดัง
ฉางหงเหล่ยรีบเข้ามาปลอบเด็กน้อย
หลังจากทังจินโปตรวจเสร็จแล้วก็กวาดสายตามองทุกคน “ไม่มีเวลาแล้ว จำเป็นต้องผ่าตัด!”
[1] ภาวะการหดรั้งของกล้ามเนื้อภายหลังการขาดเลือด Volkmann’s ischemic contracture เป็นอาการที่เกิดขึ้นหลังกระดูกหัก ผู้ป่วยจะมีอาการแขนและนิ้วมือหงิกงอ