เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 526 เด็กน้อยรู้สึกขมขื่นในใจ!
บทที่ 526 เด็กน้อยรู้สึกขมขื่นในใจ!
คนเราช่างแตกต่างกันจริงๆ
บริษัทของถังเส้าฮุยไม่ใช่เล็กๆ แต่เขาก็ยังอ่อนน้อมถ่อมตน อย่างน้อยก็ดูเหมือนคำนึงถึงคนงานของตัวเองจริงๆ
ดูจากท่าทีที่เขามีต่อผู้บาดเจ็บและครอบครัว ก็รู้แล้วว่านี่คือเถ้าแก่ที่ค่อนข้างใจดีคนหนึ่ง
นึกถึงจูเซวียนเหวินตอนนั้น เป็นคนที่ไม่เห็นใครอยู่ในสายตา ไม่มีขอบเขตเลยสักนิด
เฉินชางไม่ได้รู้จักถังเส้าฮุยมากนัก แต่ที่จริงแล้ว ทั้งมณฑลตงหยางรวมถึงมณฑลอื่นๆ เขาถือเป็นคนที่มีชื่อเสียงมาก ทั้งยังนิสัยดีและได้รับการพูดถึงในทางที่ดีด้วย
เฉินชางเห็นพวกเถ้าแก่ใจดำมาเยอะแล้ว เขายิ้มให้ถังเส้าฮุย “คุณถังก็เป็นเจ้าขององค์กรที่มีมโนธรรมเหมือนกันนะครับ”
ถังเส้าฮุยส่ายหน้า “ออกมาต่อสู้ดิ้นรนกันทั้งนั้น ชีวิตไม่ง่ายเลย ที่เดินมาได้จนถึงทุกวันนี้ ก็เพราะอาศัยความช่วยเหลือจากพี่น้องคนงานกลุ่มนี้ทั้งนั้น คนที่มาทำงานกับผม มีใครบ้างที่ไม่จนตรอกจนต้องออกมารับจ้างรายวันเพื่อหาเงิน ใครบ้างที่ไม่ได้รับการอบรมจากครอบครัว พวกเราหาเงินโดยขัดกับมโนธรรมของตัวเองไม่ได้หรอกครับ”
พูดจบเขาก็คุยกับคนในครอบครัวผู้บาดเจ็บนิดหน่อย แล้วทิ้งลูกน้องไว้คนหนึ่งเพื่อส่งพวกเขากลับบ้านโดยเฉพาะ
หลังจากขึ้นรถแล้ว น้องชายที่อยู่ในฐานะผู้ช่วยก็อดถามไม่ได้ว่า “พี่ครับ พี่ทำตัวเป็นมิตรกับหมอเฉินเกินไปหรือเปล่า”
ถังเส้าฮุยชะงักทันที แล้วส่ายหน้าถามว่า “เส้าหยาง นายรู้จักจูเซวียนเหวินใช่ไหม”
ถังเส้าหยางพยักหน้า เขาอยู่ในวงการก่อสร้างเหมือนกัน จึงรู้จักดีมาก ว่ากันว่าไปมีเรื่องกับคนใหญ่คนโตอะไรสักอย่าง “รู้จักครับ เขายุบบริษัทแล้วไม่ใช่เหรอ ได้ยินว่าลงไปฝั่งใต้แล้ว”
ถังเส้าฮุยยิ้ม “ใช่แล้ว เขาทำตัวโอ้อวดเกินไป ไม่รู้จักสงบเสงี่ยม ฉันจะให้นายดูคลิป”
พอพูดจบ ถังเส้าฮุยก็ยื่นคลิปในโต่วอินเมื่อช่วงก่อนหน้านี้ให้น้องชายดู ในฉากมีเฉินชางอยู่ด้วยพอดี
……
……
ตอนที่เฉินชางกลับมานั่งพักผ่อนที่ห้องเวร เขาก็เปิดดูผลตอบแทนที่ตัวเองได้รับ ถุงนำโชคหนึ่งใบ
หลังจากเปิดดู ก็มีเสียงแจ้งเตือนของระบบดังขึ้นทันที!
[ติ๊ง! ยินดีด้วย คุณเปิดถุงนำโชค ได้รับค่าความรู้สึกดีของเมิ่งซี +20!]
เฉินชางงงทันที โอ้แม่เจ้า
ระบบมีการทำงานแบบนี้ด้วยเหรอ
แต่คิดไปคิดมาก็รู้สึกว่าใช่ ถ้าจะให้ใช้ค่าความรู้สึกดีของอาจารย์เมิ่งอย่างเดียว ต้องทั้งยากทั้งลำบากแน่นอน ระบบต้องกลั่นแกล้งเขาแน่ๆ
ตอนนี้ค่าความรู้สึกดีที่เฉินชางมีต่อเมิ่งซีกลับมาถึง 60 แต้มแล้ว
เฉินชางดีใจขึ้นบ้างนิดหน่อย
ตอนนี้เอง ในห้องผ่าตัดของโรงพยาบาลตงต้า เมิ่งซีกับเก่อฮว๋ายกำลังทำการผ่าตัดเคสหนึ่ง
เก่อฮว๋ายเพิ่งได้รับคำชมจากเมิ่งซี เขากำลังผ่าตัดซ่อมแซมหลอดเลือดแดงใหญ่เอออร์ตาด้วยความรู้สึกชุ่มชื่นหัวใจ
แต่ทันใดนั้นเมิ่งซีก็รู้สึกแปลกๆ จู่ๆ…ก็คิดถึงเสี่ยวเฉินนิดหน่อย?!
ตอนนี้เมิ่งซีงงแล้ว!
ไม่ถูกสิ
ฉันจะคิดถึงเจ้าเด็กนั่นทำไม
เมิ่งซีมักถูกตำนิทุกครั้งที่เฉินชางสอนเธอผ่าตัด ซึ่งเธอรู้สึกไม่ปลื้มอยู่พักหนึ่ง
ไม่น่าเชื่อว่าตัวเองจะคิดถึงเขาแล้ว
อย่าบอกนะว่า…ฉันเป็นมาโซคิสม์
พอนึกถึงตรงนี้ เมิ่งซีก็รีบส่ายหน้า
แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร พอคิดถึงเสี่ยวเฉิน เมิ่งซีก็ขัดหูขัดตากับการผ่าตัดของเก่อฮว๋ายทันที
“หมอเก๋อ คุณต้องตั้งใจฝึกให้ดีนะคะ คุณดูตรงนี้สิ รายละเอียดตรงนี้…ฉันบอกคุณไปตั้งกี่รอบแล้ว นี่…คุณทำได้แย่กว่าเสี่ยวเฉินนิดหน่อยนะ!” เมิ่งซีถอนหายใจแล้วบ่นเก่อฮว๋าย
ส่วนเก่อฮว๋ายที่เพิ่งจมอยู่กับคำชมของเมิ่งซีอย่างถอนตัวไม่ขึ้น จู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนถูกน้ำเย็นสาดหน้าเรียกสติ
ผู้หญิงคนนี้…ทำไมอารมณ์ไม่ปกติแล้วล่ะ
คิดว่าสวยแล้วเจ๋งนักหรือไง!
เก่อฮว๋ายผ่าตัดต่อไปด้วยความจนใจ
ซย่าเกาเฟิงกลับมาที่โรงพยาบาล พอนึกถึงการผ่าตัดของเฉินชาง เขาก็รู้สึกคันไม้คันมือแล้วเหมือนกัน อีกทั้งการเย็บปิดแผลของเฉินชางชี้แนะเขาได้มากมาย เขาจึงเข้าห้องผ่าตัดเสียเลย
เดินผ่านห้องผ่าตัดของเก่อฮว๋ายพอดี เขาจึงเข้าไปเสียเลย
ตอนนี้เก่อฮว๋ายกำลังเย็บปิดเส้นเลือด พอเห็นอาจารย์ของตัวเองเข้ามา ก็เกิดความกล้าหาญขึ้นมาแล้ว
คุณผู้หญิงมาตำหนิผมเหรอ
อาจารย์ของผมมาแล้วนะ!
เขาคือคนที่หนุนหลังผม!
ซย่าเกาเฟิงดูการผ่าตัดของเก่อฮว๋าย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร สีหน้าผิดหวังนิดหน่อย หลังจากผ่านไปนาน…ก็อดถอนหายใจออกมาไม่ได้
“เฮ้อ…”
หลังจากดูการผ่าตัดจนจบด้วยความอดทน ซย่าเกาเฟิงก็มองเก่อฮว๋าย “เสี่ยวเก๋อ คุณก้าวหน้าช้าเกินไปจริงๆ!”
“คุณดูอย่างเสี่ยวเฉินสิ ไม่กี่วันก่อนผมเพิ่งสอนเขาผ่าตัดซ่อมเอออร์ตาส่วนขึ้น วันนี้เขาก็ทำเป็นแล้ว ทั้งยัง…เย็บปิดเส้นเลือดได้ดีกว่าคุณด้วย! คุณดูคุณทำสิ…
…คุณต้องเรียนรู้จากเสี่ยวเฉินให้มากๆ นะ”
หลายประโยคที่เขาพูดทำให้เก่อฮว๋ายเหม่อไปชั่วขณะ
นี่ผม…วันนี้ผมไปหาเรื่องใครเอาไว้
ทำไมถึงมาตำหนิผมกันหมดเลย
หมอดีกรีปริญญาเอกเบอร์สอง หมอดีกรีปริญญาเอกเบอร์สามกำลังผ่าตัดอยู่ห้องข้างๆ นะ ทำไมไม่ไปตำหนิพวกเขาล่ะ
แล้วอีกอย่าง…ทำไมต้องเอาผมไปเทียบกับเฉินชาง!
มีใครเขาทำแบบพวกคุณบ้าง
ผมกับเจ้าโรคจิตนั่นมีอะไรน่าเปรียบเทียบกัน
เก่อฮว๋ายรู้สึกขื่นขมในใจ แต่ก็พูดออกมาไม่ได้
เขาอยากจะยืดอกทำตัวเป็นผู้ชายสักครั้ง แล้วถามเมิ่งซีเสียงดังๆ ว่า ‘ตอนที่คุณถูกเฉินชางตำหนิ ทำไมไม่พูดอะไรบ้างล่ะ’
แล้วก็ถามอาจารย์ของตัวเองสักหน่อยว่า ‘ซย่าเกาเฟิง ทำไมคุณไม่เอาตัวเองไปเทียบกับเฉินชางเองล่ะ’
พวกคุณสองคน ทำ…เกินไปแล้ว…เฮ้อ…
เก่อฮว๋ายขมขื่นใจ!
ตอนนี้เอง โทรศัพท์ของซย่าเกาเฟิงดังขึ้นแล้ว
“สวัสดีครับ อ้อ ผู้อำนวยการหลี่เหรอ คุณมาถึงแผนกพวกเราแล้วเหรอครับ”
“ได้ครับๆ รอสักครู่ ผมจะกลับไปเดี๋ยวนี้”
พอวางโทรศัพท์ ซย่าเกาเฟิงก็มองเก่อฮว๋ายแวบหนึ่ง ก่อนจะหันตัวเดินออกไปด้วยความเจ็บใจที่ไม่อาจหลอมเหล็กให้กลายเป็นเหล็กกล้าได้
เมิ่งซีก็มองเก่อฮว๋ายแวบหนึ่งเช่นกัน แต่เธอก็ส่ายหน้าแล้วเดินออกไป…
เก่อฮว๋ายเหม่อทันที รู้สึกได้รับความอยุติธรรมจนอยากร้องไห้แล้ว
……
……
หลังจากซย่าเกาเฟิงกลับมาถึงแผนก ก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งพาหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งรออยู่อย่างกระวนกระวาย
พอเห็นซย่าเกาเฟิงมาแล้ว อีกฝ่ายก็รีบบอกว่า “หัวหน้าแผนกซย่า ผมมีเรื่องสำคัญจะขอให้ช่วยครับ!”
ซย่าเกาเฟิงชะงักทันที แล้วรีบบอกว่า “ผู้อำนวยการหลี่ คุณว่ามาเลยครับ”
หลี่ฮ่วนกล่าวด้วยสีหน้าร้อนรนมาก “หัวหน้าแผนกซย่า สองวันนี้คุณแม่ของผมแน่นหน้าอกมาก ท่านเองก็เป็นโรคหัวใจอยู่แล้ว ผมเอาภาพเอกซเรย์มาด้วย ผลปรากฏว่าพอดูแล้ว อีกฝ่ายก็บอกว่าบนหลอดเลือดแดงใหญ่เอออร์ตามีอาการหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพองเทียม ต้องผ่าตัดให้เร็วที่สุด!…
…ผมก็เลยรีบตามหาคุณ นี่คือผลตรวจครับ ภาพซีทีสแกน ภาพถ่ายทรวงอก ภาพเอกซเรย์อยู่ที่นี่หมดแล้ว” หลี่ฮ่วนยื่นของให้ซย่าเกาเฟิง
หลังจากซย่าเกาเฟิงได้ยินว่าเป็นหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพองเทียม สีหน้าก็เปลี่ยนไปเช่นกัน เขารีบรับผลตรวจมาดู
หลังจากดูหมด เขาก็อึ้งเหมือนกัน อาการตรงตำแหน่งนี้…แก้ไขยากมาก!
ทันใดนั้น เขาก็นึกถึงเฉินชาง วันนี้เขาแก้ไขปัญหาตรงตำแหน่งนี้ได้ดีเป็นพิเศษ บางที…อาจจะไปหาเขาได้
พอนึกถึงตรงนี้ ซย่าเกาเฟิงก็เกล่าด้วยสีหน้าจริงจัง “ผู้อำนวยการหลี่ ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากทำให้คุณนะครับ แต่ผมกลัวว่าผมจะทำได้ไม่ดี!”
“เอาอย่างนี้แล้วกันครับ ผมจะแนะนำคนคนหนึ่งให้ คุณไปหาเขาได้เลยครับ! จำไว้นะครับ คุณต้องให้เขาผ่าตัดด้วยตัวเองให้ได้”
พอหลี่ฮ่วนได้ยินซย่าเกาเฟิงพูดแบบนี้ก็งงทันที ถึงยังไง…ซย่าเกาเฟิงก็คือคนที่มีอำนาจที่สุดในเมืองอันหยางของเรา!
ถ้าไม่ใช่เพราะรีบร้อนมาก หลี่ฮ่วนคงพาแม่ตัวเองไปที่เมืองหลวงแล้ว แต่ก็กังวลว่าจะเกิดเรื่องขึ้นระหว่างทาง
พอเห็นหลี่ฮ่วนมีท่าทางแบบนี้ ซย่าเกาเฟิงก็อดกล่าวไม่ได้ว่า “ผู้อำนวยการหลี่ครับ พวกเรามีไมตรีต่อกันมาหลายปี ผมไม่ทำร้ายคุณอยู่แล้วครับ!…
…ผมจะให้เบอร์ติดต่อกับคุณ คุณจำไว้นะครับ คุณต้องให้เฉินชางทำให้คุณ เขาทำได้ดีแน่ครับ!”
หลี่ฮ่วนรีบลุกขึ้น พยักหน้าแล้วพาแม่ตัวเองเดินออกไป ส่วนซย่าเกาเฟิงก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาเฉินชาง
เก่อฮว๋ายที่อยู่ข้างๆ เดินผ่านมาพอดี พอได้ยินว่าอาจารย์ตัวเองเป็นฝ่ายส่งตัวคนไข้ให้เฉินชาง เขาก็อึ้งนิดหน่อย แล้วก็เบะปากขณะที่คิดในใจว่า คุณยังมาว่าผมอีกนะ ขนาดคุณเองยังทำได้ไม่ดีเท่าเฉินชางเลย ดีแต่รังแกผม!
ซย่าเกาเฟิงหันตัวมาจ้องเก่อฮว๋าย “เก่อฮว๋าย คุณมานี่หน่อย!”
เก่อฮว๋ายพูดไม่ออกทันที!