เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 529 ความต่างระหว่างประทับใจกับกล้าคิด
บทที่ 529 ความต่างระหว่างประทับใจกับกล้าคิด
การผ่าตัดหนึ่งเคสจบลง เก่อฮว๋ายลุกขึ้นแล้วเดินออกไป อย่างไรเสีย ถ้าเขาอยู่ต่อก็จะได้เป็นแค่แพะรับบาป นั่นจะมีความหมายอะไร!
แต่พอเขามองอาจารย์ของตัวเอง ก็เริ่มทนไม่ไหวอีก
ถึงยังไง…การเป็นแพะรับบาปให้อาจารย์ตัวเอง ก็เหมือนจะเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลเหมือนกัน เป็นเรื่องที่ฟังขึ้น
หัวหน้าแผนกควรจะมีฐานะและตำแหน่งที่หัวหน้าแผนกควรมี
แต่ตอนนี้ซย่าเกาเฟิงดันบอกเก่อฮว๋าย “เสี่ยวเก่อ ดูการผ่าตัดของหมอเฉินชางจบแล้ว รู้สึกประทับใจ หรือคิดยังไงบ้าง”
เก่อฮว๋ายถอนหายใจเบาๆ ประทับใจก็ส่วนประทับใจ กล้าคิดก็ส่วนกล้าคิด!
รู้สึกประทับใจมากจริงๆ!
แต่ไม่กล้าคิดอะไรเลย!
การผ่าตัดบางขั้นตอนของเฉินชาง เขาทำได้แค่ดู แต่ไม่แม้แต่จะกล้าคิด ตอนที่เขาเห็นความเร็วของมือ เห็นความเร็วในการเย็บปิดเส้นเลือด…เขาก็ทำได้เพียงมองอยู่อย่างนั้น
ยังไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น พูดถึงแค่การเย็บสอดแบบไม่ต่อเนื่อง เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพดีจริงๆ แต่เขาเองก็รู้ถึงระดับความเร็วในการเย็บของตัวเองดี ถ้าอยากทำให้เสร็จภายในเวลาที่กำหนดก็ยากมาก!
ตอนนี้เขาต้องยอมรับว่าตอนนั้นเฉินชางมีเมตตาเกินไปจริงๆ ตอนนั้นที่เขาแข่งเย็บกับเฉินชาง อีกฝ่ายออมมือให้ ไม่ได้โจมตีเขาในรวดเดียว แต่ค่อยๆ ทำให้เขาเห็นความแตกต่างทีละก้าว เพราะถ้าทำแบบนี้ เหมือนจะ…ทำให้เขาไม่รู้สึกพ่ายแพ้มากเกินไป…
แน่นอนอยู่แล้ว วันนี้สังเกตและเรียนรู้การผ่าตัดของเฉินชาง เขาได้เรียนรู้อะไรมากมาย เขาได้ซึมซับและเรียนรู้วิธีที่เฉินชางจัดการกับรายละเอียด โดยเฉพาะรายละเอียดตอนที่แยกเส้นเลือดกับเส้นประสาทอย่างระมัดระวัง
“ได้ความรู้มากมายครับ!” เก่อฮว๋ายตอบ
เฉินชางยิ้ม “อาจารย์เก่อเกรงใจแล้ว ผมเองก็ได้เรียนรู้อะไรจากคุณไม่น้อยเลย”
หลังจากเก่อฮว๋ายได้ยินแบบนี้ ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร จู่ๆ ก็เกิดดีใจขึ้นมา
ถูกเรียกว่าอาจารย์เก่อ เรียกได้สนิทสนมจริงๆ!
พอนึกถึงตรงนี้ เก่อฮว๋ายก็ยิ้ม “ช่วยเหลือกันและกันครับ เรียนรู้ซึ่งกันและกัน!”
พอพูดจบ เก่อฮว๋ายก็บอกซย่าเกาเฟิงว่า “หัวหน้าแผนก ผมกลับก่อนนะครับ! ทางนั้นยังมีธุระอีกนิดหน่อย”
ซย่าเกาเฟิงอึ้งทันที อย่าทำอย่างนี้สิ ถ้าคุณไปผมก็ไม่มีหน้าอยู่ต่อแล้วน่ะสิ!
เก่อฮว๋ายแสร้งหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วรีบร้อนเดินออกไป เมื่อเทียบกัน เขาชอบการถูกหัวหน้าแผนกเมิ่งคนสวยตำหนิมากกว่า อย่างไรเสียอีกฝ่ายก็หน้าตาดี ขนาดเวลาโกรธก็ยังสวยอยู่เลย!
เฮ้อ ไม่ว่าจะอย่างไรเขาก็เป็นตัวประกอบที่มีหน้ามีตามีชื่อเสียงคนหนึ่งเหมือนกัน เก่งกว่าหมอดีกรีปริญญาเอกเบอร์สองและเบอร์สามไม่รู้ตั้งเท่าไร!
จะให้เป็นแพะรับบาปไปตลอดไม่ได้หรอก!
ซย่าเกาเฟิงถอนหายใจเฮือกหนึ่งขณะมองเก่อฮว๋ายรีบร้อนออกไป ไอ้เวรนี่…
……
……
นอกห้องผ่าตัด หวังชิ่งหู่กลัวว่ารอแล้วจะไม่ได้เจอเฉินชาง เขาจึงดึงหลี่ฮ่วนมารอที่หน้าประตูห้องผ่าตัดเสียเลย!
“ผู้อำนวยการ คุณป่วยเป็นอะไรถึงมาหาหมอเฉินครับ” หลี่ฮ่วนอดถามไม่ได้
หวังชิ่งหู่ส่ายหน้า “ภรรยาผมเป็นครูสอนเปียโนไงล่ะ ตอนนี้อายุมากแล้ว เธอปวดมือมาก อาจเป็นผลสืบเนื่องหลังจากเคยได้รับบาดเจ็บที่เส้นเอ็น เมื่อวานซืนผมพาเธอไปที่โรงพยาบาลจีสุ่ยถาน แต่พอไปถึงแล้ว อีกฝ่ายรู้ว่าผมเป็นคนตงหยาง ก็ให้ผมกลับมาที่นี่!”
หลี่ฮ่วนได้ฟังแล้วทำตาโตทันที “เพราะอะไรครับ”
หวังชิ่งหู่ยิ้ม “นี่ก็คือจุดที่เก่งกาจของหมอเฉิน คุณไม่รู้สินะ เป็นเพราะหมอเฉินคนนี้แหละ! ตอนนี้โรงพยาบาลจีสุ่ยถาน โรงพยาบาลไห่ตูซื่อลิ่ว โรงพยาบาลของสังกัดมหาวิทยาลัยหนานทงและกลุ่มโรงพยาบาลของเรากำลังร่วมมือกันสร้างศูนย์กายภาพเส้นเอ็นขึ้นมา”
พอได้ยินหวังชิ่งหู่พูดแบบนี้ หลี่ฮ่วนก็ยิ่งหน้าแดงเพราะความอับอายแล้ว!
นี่ฉันดูถูกหมอเฉินไม่ใช่เหรอ
นึกไม่ถึงว่าตอนนี้ตัวเองต้องเงยหน้ามองอีกฝ่ายแล้ว!
หลี่ฮ่วนทำงานที่สมาคมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ส่วนหวังชิ่งหู่ทำงานที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยพื้นฐานทั้งสองมีความสัมพันธ์แบบผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชา
หลี่ฮ่วนยิ่งได้คุยกับหวังชิ่งหู่นาน ก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองโชคดี!
นึกไม่ถึงว่าเฉินชางจะมีความสามารถมากขนาดนี้!
หลี่ฮ่วนเองก็เป็นคนของสมาคมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอยู่แล้ว รู้ว่าสิ่งนี้มีความหมายและมีความสำคัญขนาดไหน
ตอนนี้ประตูห้องผ่าตัดเปิดออกแล้ว
เฉินชางกับซย่าเกาเฟิงอยู่ท่ามกลางคนที่เดินติดตามเป็นกลุ่ม
หลี่ฮ่วนรีบลุกขึ้น “หมอเฉิน หัวหน้าแผนกซย่า แม่ผมเป็นยังไงบ้างครับ”
ซย่าเกาเฟิงยิ้ม “วางใจได้ ผู้อำนวยการหลี่ การผ่าตัดสำเร็จดีมาก ขอบคุณหมอเฉินนะ คุณอาจจะยังไม่รู้ว่าถ้าให้ผมทำด้วยตัวเอง…
…ถ้าตั้งใจพักฟื้นให้ดี โดยทั่วไปก็จะไม่มีปัญหาอะไรตามมาแล้ว!”
ประโยคนี้ของซย่าเกาเฟิงทำให้หลี่ฮ่วนตาเป็นประกายทันที เขารีบพูดกับเฉินชางว่า “หมอเฉิน ขอบคุณคุณมากนะครับ! ผมอยู่ที่สมาคมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ต่อไปนี้คงได้ติดต่อกันเยอะแน่ๆ ครั้งหน้าถ้าคุณมาที่สมาคมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ก็โทรหาผมได้โดยตรงเลยนะครับ!”
หลังจากตอบด้วยความเกรงใจ เฉินชางก็ไม่ได้ปฏิเสธ ให้เบอร์โทรศัพท์ติดต่อไว้แล้ว
จากนั้นก็บอกให้จางเหวินฟู่ไปทำเรื่องย้ายแผนกให้เขา ย้ายเข้าแผนกศัลยกรรมหัวใจเพื่อรับการรักษาตามระบบ
หลังจากเฉินชางให้ญาติผู้ป่วยอย่างหลี่ฮ่วนทำเรื่องต่างๆ และเซ็นชื่อแล้ว ก็รีบไปดูแลเคสของเด็กชายคนหนึ่งที่ได้รับบาดเจ็บ
เวลาประมาณห้าโมงเกือบหกโมงเย็น ตอนที่เฉินชางเดินผ่านโถงทางเดิน ก็เห็นหวังชิ่งหู่นั่งเหลียวซ้ายแลขวาอยู่ตรงนั้น
เฉินชางตบหน้าผาก แล้วรีบกุมมือสองข้างของหวังชิ่งหู่ “คุณหวังใช่ไหมครับ ขออภัยจริงๆ ครับ ผมงานยุ่งมาจนถึงตอนนี้เลย หัวหน้าแผนกเถาโทรหาผมแล้ว แต่…”
เฉินชางกุมมือหวังชิ่งหู่พร้อมกล่าวขอโทษ เขาค่อนข้างรู้สึกผิด
ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นผู้อำนวยการที่หัวหน้าแผนกเถาแนะนำด้วยตัวเองและบอกให้เขาดูแลดีๆ
หวังชิ่งหู่เห็นดังนั้นก็อดพูดไม่ได้ว่า “ไม่เป็นอะไรครับ! หมอเฉิน บ่ายนี้ก็ถือว่าผมได้เปิดประสบการณ์แล้ว พวกคุณงานยุ่งกันจริงๆ ท่าจะเหนื่อยมาก! ผมเห็นตั้งแต่คุณออกจากห้องผ่าตัดมาก็ยังเดินไปมาไม่หยุดพักเลย”
หวังชิ่งหู่อายุห้าสิบกว่า มีพื้นเพมาจากครอบครัวที่มีความรู้ ตอนนี้รับตำแหน่งอยู่ที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งมณฑล
ในฐานะที่เป็นปัญญาชนเหมือนกัน เขามีความรู้สึกดีต่อแพทย์มาก
เฉินชางพาหวังชิ่งหู่เข้ามาในห้องเวร “คุณหวังครับ หัวหน้าแผนกเถายังไม่ได้บอกผมละเอียด คุณมาหาผมเพราะมีธุระอะไรครับ”
หวังชิ่งหู่ตอบว่า “ภรรยาของผมเป็นคุณครูสอนเปียโน มีประวัติได้รับบาดเจ็บที่เส้นเอ็น ตอนนี้ที่มือมีอาการเส้นเอ็นยึดติดรุนแรง เคลื่อนไหวได้จำกัด ทั้งยังปวดอยู่บ่อยๆ ผมเลยพาไปที่โรงพยาบาลจีสุ่ยถาน พอตรวจแล้ว หัวหน้าแผนกฉางหงเหล่ยก็ให้ผมกลับมาหาหมอเฉินชาง!…
…วันนี้ผมก็เลยมาสืบดูล่วงหน้าครับ”
พอฟังหวังชิ่งหู่พูดจบ เฉินชางก็ขมวดคิ้วนิดหน่อย
อาการป่วยที่เป็นผลสืบเนื่องจากเส้นเอ็นบาดเจ็บ ยกตัวอย่างเช่นเส้นเอ็นยึดติด ถึงขั้นมีอาการปลอกเอ็นกล้ามเนื้ออักเสบเล็กน้อย ล้วนเกิดอาการเหล่านี้ได้ทั้งนั้น
แต่การซ่อมแซมเส้นเอ็นมันง่ายในตอนแรก หลังจากเส้นเอ็นฟื้นฟูแล้ว ก็จะกลายเป็นเส้นเอ็นยึดติด ทั้งยังมีความยุ่งยากในการรักษาด้วย
หลังจากเฉินชางครุ่นคิดครู่หนึ่งก็บอกว่า “เอาอย่างนี้แล้วกันครับ คุณหวัง วันหลังคุณพาผู้ป่วยมาด้วย ผมจะดูให้ละเอียดว่าอาการเป็นยังไง แล้วพวกเราค่อยตัดสินใจกันอีกที ตอนนี้พูดมากไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร คุณเห็นด้วยไหมครับ”
เฉินชางเข้าใจเรื่องเส้นเอ็นดีมาก แต่ถ้าพูดอย่างเดียวโดยไม่เห็นตัวผู้ป่วย จะต้องอธิบายได้ไม่ชัดเจนแน่นอน
ถึงตอนนั้นดูให้ละเอียดก่อน แล้วค่อยตัดสินใจวางแผนการรักษาอีกที
หวังชิ่งหู่พยักหน้ายิ้มขอบคุณ “ได้ครับๆ เข้าใจครับ! ผมเข้าใจ! งั้นก็ต้องรบกวนหมอเฉินแล้วครับ! วันหลังพวกเรานัดเวลากัน เอ่อ แลกเบอร์โทรศัพท์กันหน่อยดีไหมครับ”
จากนั้นคุยกันสองสามประโยค แล้วหวังชิ่งหู่ก็ลุกขึ้นเดินออกไป
นั่งมาทั้งบ่ายแล้ว รอมาทั้งบ่ายแล้ว เหมือนจะเป็นผู้อำนวยการที่ตำแหน่งไม่เล็กด้วย แต่เขาไม่บ่นสักคำ บางทีนี่อาจจะเป็นการแสดงออกของผู้ที่มีคุณสมบัติสูงก็ได้