เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 549 คลั่งรักน้องชาย
บทที่ 549 คลั่งรักน้องชาย
คืนนี้หวังโส้วไม่ได้นอนหลับอย่างมีคุณภาพเลยจริงๆ!
เขาพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียงเพราะนอนไม่หลับ อย่างไรเสีย ผ่าตัดซ่อมแซมเส้นเลือดบริเวณรอบตับที่เสียหายก็ดึงดูดความสนใจของเขาเกินไป
แต่ชีวิตคนเราก็เป็นอย่างนี้ ยิ่งคุณว้าวุ่นใจ ก็ยิ่งมีเรื่องให้คิดเยอะ
ตอนประมาณสี่ทุ่มกว่า จู่ๆ ภรรยาของเขาก็ตื่นขึ้นมาแล้วบอกว่า “เหล่าหวัง สองวันนี้น้องชายฉันยังไม่ได้คืนเงินค่าโครงการก่อสร้างเลยค่ะ ยังขาดอีกสองแสนนะคะ”
พอได้ยินภรรยาพูดแบบนี้ ในใจหวังโส้วก็รู้สึกรำคาญมาก!
น้องเขยคนนี้ไม่ได้เรื่อง วันๆ เอาแต่ขอเงินพี่เขย เดี๋ยววันนี้ก็ขอเงินค่าโครงการก่อสร้าง เดี๋ยวพรุ่งนี้อยากรู้จักคนใหญ่คนโต เดี๋ยววันมะรืนก็จะ…
“พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน ผมมีธุระ” หวังโส้วบอกเธอตรงๆ
พอภรรยาได้ยินก็สีหน้าเปลี่ยนทันที “คุณหมายความว่ายังไงคะ จะไม่ให้เหรอ”
พอหวังโส้วเห็นภรรยามีท่าทางแบบนี้ ก็พูดอย่างจนปัญญาทันที “ตอนนี้ผมมีเรื่องต้องคิดจริงๆ มีเรื่องอะไรพรุ่งนี้ค่อยคุยกันไม่ได้เหรอ”
แทนที่ภรรยาจะผ่อนปรนให้เขา กลับบอกว่า “หวังโส้ว คุณลองคิดดูให้ดีนะ เมื่อก่อนตอนที่คุณเพิ่งเข้าทำงาน เป็นใครกันที่ช่วยเหลือพวกเราสองคน! ทำไมคุณถึงลืมบุญคุณได้ล่ะ”
หวังโส้วเดิมทีก็อารมณ์ไม่ดีอยู่แล้ว พอได้ยินภรรยาพูดแบบนี้ เขาก็ตบโต๊ะทันที “ตอนที่พวกเราเพิ่งแต่งงานกัน ใช่แล้ว เป็นเขาที่ช่วยเหลือพวกเรา แต่ผมปฏิบัติต่อเขายังไง ไม่ใช่ว่าคุณรู้อยู่แก่ใจหรอกเหรอ…
…หลายปีมานี้เขายืมเงินผมไปเท่าไรแล้ว ถ้าไม่ใช่หนึ่งล้านก็เจ็ดแปดแสนแล้วมั้ง ทุกครั้งที่มายืมเงินผม มีครั้งไหนบ้างที่เขาใช้คืน!..
…เพื่อที่จะช่วยเขาทำเรื่องไร้สาระพวกนั้น หัวหน้าแผนกอย่างผมต้องทำตัวเหมือนหลานชายเพื่อไปขอร้องคนอื่น ผมคอยหาคนให้เขาตั้งเท่าไร ส่งของขวัญไปตั้งเท่าไร แล้วเขาพูดอะไรบ้าง…
…ผมจะบอกคุณให้นะ ผมไม่ได้ติดค้างอะไรเขา!”
ภรรยาของเขาคนนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นคน ‘คลั่งรักน้องชาย’ ขนานแท้ เมื่อก่อนตอนที่เพิ่งแต่งงานกัน สวัสดิการของหมอยังไม่สูงมาก ภรรยาท้องจึงไม่ได้ทำงาน น้องชายของเธอจึงให้การสนับสนุนด้านการเงินอยู่ช่วงหนึ่ง
แต่ตอนหลังกลับแย่กว่าเดิม ยังไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น แค่บุหรี่หรือเหล้าดีๆ ในบ้านตัวเองก็พยายามยัดไปให้น้องชายหมด แต่น้องชายกลับไม่ให้อะไรพวกเขาเลย!
นี่ยังไม่เท่าไร เพราะหลายปีมานี้ น้องเขยคนนี้ยืมเงินไปตั้งเท่าไรแล้ว
สามหมื่นสองหมื่นไม่ถือว่าเป็นเงินแล้ว วันนี้เป็นค่าตกแต่งปรับปรุง พรุ่งนี้เป็นค่าวัสดุอุปกรณ์ วันมะรืนเป็นค่าเงินเดือนคนงาน อีกสามวันข้างหน้าเป็นค่าโครงการก่อสร้าง…
เงินทั้งก้อนใหญ่ก้อนเล็กผ่านมือไปแล้วหลายแสนหยวน นี่ยังไม่รู้ว่าภรรยาแอบให้ส่วนตัวอีกเท่าไร!
คิดเหรอว่าน้องเคยทำงานเป็นวิศกรโยธาจริงๆ
เขาก็แค่อาศัยชื่อของตนเปิดบริษัทบังหน้า วันๆ คอยทำท่าทำทางบอกว่าตัวเองรับเหมาก่อสร้าง แต่ที่จริงแล้วไปเล่นการพนันต่างหาก
หยางหว่านซิ่วฟังออกว่าหวังโส้วโกรธแล้ว เธอจึงไม่พูดอีกยอดวิถีแห่งปีศาจ
แต่พ่อแม่ของเธอโทรศัพท์มาขอร้อง บอกว่าเจ้าหนี้มาถึงประตูบ้านแล้ว ถ้าไม่ให้เงินจะทำร้ายร่างกาย เธอเองก็ไม่มีทางเลือกแล้วเหมือนกัน
“ที่รักคะ…ช่วยเขาอีกสักครั้งเถอะนะคะ เจ้าหนี้มาถึงประตูบ้านแล้ว พ่อแม่ฉันร้องไห้แล้วค่ะ ช่วยเขาหน่อยนะคะ!”
หวังโส้วแสยะยิ้ม เธอใช้ลูกไม้นี้กี่รอบแล้วล่ะ
“ที่รักครับ ไม่ใช่ว่าผมไม่ช่วยนะ แต่ช่วยไม่ไหว เขาติดเงินค่าโครงการก่อสร้างหรือเปล่า คุณเองก็รู้ดีไม่ใช่เหรอ เขาติดเงินพนัน! ผมหวังโส้วต่อให้เก่งขนาดไหนก็ช่วยผีพนันไม่ได้หรอก…
…แล้วอีกอย่าง เรื่องนี้ก็ไม่ต้องพูดแล้ว ต่อไปนี้น้องชายคุณห้ามเข้าบ้านพวกเรา ถ้าคุณให้เงินหรือของในบ้านเรากับเขาอีก พวกเราก็หย่ากันเถอะ!…
…แล้วก็ไม่ต้องโทรหาลูกชายนะ คุณลองถามสิว่ามีแม่ที่ไหนทำตัวแบบนี้บ้าง น้องชายคุณอายุตั้งเท่าไรแล้ว สี่สิบกว่าปีแล้ว ครอบครัวเรายังต้องใช้ชีวิตกันอยู่นะ คุณไม่เห็นเหรอว่าช่วงไม่กี่ปีมานี้ผมหาเงินได้เท่าไร แล้วเอาไปใช้ที่ไหนหมดแล้ว คุณก็รู้อยู่แก่ใจไม่ได้เหรอ”
แค่ประโยคนี้ก็ทำให้หยางหว่านซิ่วนิ่งอึ้งไปแล้ว
พอหวังโส้วพูดจบก็ไม่มีอารมณ์ดูคลิปผ่าตัดต่อแล้ว เขาเข้าไปพักผ่อนในห้องลูกชายที่อยู่ข้างๆ คนเดียว
……
……
เขาไม่พูดอะไรเลยทั้งคืน เช้าตรู่วันต่อมา หวังโส้วตื่นนอนเแล้วไปทำงาน ไม่ได้รับประทานอาหารด้วย
ส่วนหยางหว่านซิ่วก็รับโทรศัพท์เป็นสิบๆ สายทั้งคืน เป็นพ่อแม่และน้องชายที่โทรมา ก็เหมือนกับที่หวังโส้วบอก หลายปีมานี้ พ่อแม่และน้องชายอาศัยว่าเมื่อก่อนเคยช่วยเหลือเธอ ตอนนี้สถานการณ์แย่ลงแล้วขอให้เธอช่วย แต่ครั้งนี้ต่อให้พ่อแม่ร้องไห้อย่างไร เธอก็ไม่มีหนทางแล้วเช่นกัน
ตอนนี้พวกเขาไม่กล้าโทรหาหวังโส้ว ทำได้เพียงขอให้หยางหว่านซิ่วช่วย
ประมาณสิบโมงเช้า จู่ๆ หวังโส้วก็เห็นภรรยาโทรมา เขาอดถอนหายใจไม่ได้ ถึงอย่างไรก็เป็นสามีภรรยากัน โมโหก็ส่วนโมโห ใครจะไปหย่ากันจริงๆ
เขาเองก็หนักใจกับคนในครอบครัวเธอเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นคงไม่เก็บค่าค่าวิชาชีพเฉพาะทางแพงขนาดนั้น ใครๆ ก็ถูกชีวิตกดดันทั้งนั้น
ตอนที่เพิ่งรับโทรศัพท์ หวังโส้วก็ได้ยินภรรยาร้องห่มร้องไห้แล้ว
“ที่รักคะ เกิดเรื่องแล้ว หย่วนจงถูกเจ้าหนี้แทงหนึ่งแผลค่ะ! ตอนนี้ท้องมีเลือดออกไม่หยุด!”
หวังโส้วได้ยินแล้วสีหน้าเปลี่ยนทันที “ถ้าถูกแทงคุณก็โทรเรียก 120 กับ 110 สิ โทรหาผมทำไม!”
หยางหว่านซิ่วร้องไห้จนพูดไม่เป็นภาษา “ฉัน…ฉันโทรแล้วค่ะ ตอนนี้ 120 กำลังอยู่ระหว่างทางส่งตัวไปที่โรงพยาบาลอันดับสอง…”
พอหวังโส้วฟังถึงตรงนี้ก็ตัดสายเธอเสียเลย แล้วรีบไปถามที่แผนกฉุกเฉิน
หัวหน้าแผนกฉุกเฉินได้รับโทรศัพท์จากศูนย์การแพทย์ฉุกเฉินแล้ว ตอนนี้เริ่มเตรียมตัวแล้ว!
ผ่านไปประมาณห้านาที รถพยาบาลก็มาจอดแล้ว
ทีมแพทย์รีบรวมตัวกันกู้ชีพ ตอนนี้ผู้ป่วยมีเลือดออกจากท้องจำนวนมาก หน้าซีดขาว แม้ตรงท้องจะห้ามเลือดไว้แล้ว แต่สถานการณ์ก็ไม่ปลอดภัยอยู่ดี!
หมอที่มากับรถพยาบาลรายงานอย่างจริงจังว่า “มีเลือดออกมากที่ท้อง ความดันโลหิตแค่ 70/40 mmHg! หนึ่งนาทีก่อนหน้านี้ ผู้ป่วยเกิดภาวะช็อคครับ!”
หวังโส้วรีบบอกว่า
“เตรียมเลือด!”
“ให้น้ำเกลือ!”
……
“แล้วก็เจาะเลือดไปตรวจ เตรียมผ่าตัด!”
ผู้ป่วยที่บาดเจ็บตรงช่องท้องพร้อมมีภาวะเลือดออกมากแบบนี้ บอกตามตรงว่าอันตรายมากจริงๆ อาจเกิดอันตรายถึงชีวิตได้ทุกเมื่อ
หลังจากเตรียมตัวแล้ว หวังโส้วกับหัวหน้าแผนกฉุกเฉินก็เตรียมผ่าตัดด้วยตัวเอง
หลังจากเข้ามาในห้องผ่าตัด เขาก็ผ่าท้องดูอาการ ทำให้เห็นว่าตับของหยางหย่วนจงถูกมีดแทงหนึ่งแผล แม้แต่เส้นเลือดบริเวณรอบๆ ที่ได้รับความเสียหายก็ร้ายแรงมาก
ที่สำคัญที่สุดก็คือ ตอนนี้มีมีดยังคาอยู่ในท้อง แทงเข้าหลอดเลือดดำคาร์ดินัลหลังตับ!
แม่งเอ๊ย เป็นหลอดเลือดบริเวณรอบตับอีกแล้ว!
หลังจากเห็นสภาพข้างใน หวังโส้วก็แทบจะเป็นบ้า!
เขา…ไม่กล้ารับประกันโอกาสสำเร็จของการผ่าตัดเคสนี้เลย
ตอนนี้ สวี่เฉิง หัวหน้าแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลอันดับสองก็เผยสีหน้าเคร่งเครียดเช่นกัน “หัวหน้าแผนกหวัง…การผ่าตัดอันตราย ทำหนังสือแจ้งญาติผู้ป่วยเถอะครับ พวกเราก็ไม่กล้ารับประกันเหมือนกัน!”
บางครั้งหวังโส้วก็คิดว่า ปล่อยให้เจ้าเวรนี่ตายไปก็ดีเหมือนกัน!
แต่พอนึกถึงสถานการณ์ของภรรยา เขาก็กัดฟันแล้วยกหูโทรศัพท์โทรหาเหอทง
“หัวหน้าแผนกเหอ ขอร้องคุณเรื่องหนึ่งเถอะครับ สะดวกให้เบอร์โทรศัพท์เฉินชางกับผมไหม”
……
เฉินชางพักผ่อนหลายวัน หลังจากกลับมาทำงานแล้ว ในที่สุดพวกหวังข่ายอันก็โล่งใจสักที
“หัวหน้าทีมเฉิน ถ้าคุณไม่มาอีก พวกเราจะรายงานจริงๆ นะ”
“ใช่แล้ว รู้ไหมว่าช่วงหลายวันมานี้พวกเราเหนื่อยขนาดไหน!”
หวังข่ายอันยิ้ม “ยังดีที่ไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้น”
“ก็ใช่น่ะสิ พวกเราหวาดกลัวตัวสั่นกันทั้งวัน กลัวว่าจะมีผู้ป่วยวิกฤตโผล่มา”
เฉินชางยิ้มตอบ “ทุกคนลำบากแล้วครับ”
ตอนนี้เอง จู่ๆ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น!
——————————————