เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 552 ที่น่ากลัวคือใจคน ไม่ใช่ความเจ็บป่วย (3)
บทที่ 552 ที่น่ากลัวคือใจคน ไม่ใช่ความเจ็บป่วย (3)
หวังโส้วรออยู่หน้าประตูจนเฉินชางมาถึงแล้ว!
เขาถึงขั้นนึกไม่ถึงว่า แม้แต่เฉียนเลี่ยงกับเหอทงก็มาด้วย!
หวังโส้วเห็นสถานการณ์ดังนั้นก็อดยิ้มเจื่อนไม่ได้
ว่ากันว่าความในอย่านำออก ความนอกอย่านำเข้า แต่ครั้งนี้ ทุกคนรู้เรื่องไม่ดีในบ้านตนหมดแล้ว
วงสังคมไม่ใหญ่ หวังโส้วรู้สึกว่าเรื่องครั้งนี้กลายเป็นจุดอ่อนให้คนหัวเราะเยาะแล้วจริงๆ
ก่อนหน้านี้เขาพยายามประคับประคองอย่างระมัดระวัง แต่นึกไม่ถึงว่าสุดท้ายก็ป้องกันไม่ไหว ครั้งนี้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นแล้ว
“หมอเฉิน สวัสดีครับ ผมคือหวังโส้ว” หวังโส้วรีบทักทาย
“หัวหน้าแผนกหวัง สวัสดีครับ” เฉินชางกล่าวยิ้มๆ
เหอทงก็พยักหน้าเช่นกัน “หัวหน้าแผนกหวัง ผมกังวลว่าจะเกิดปัญหา ก็เลยเรียกหัวหน้าแผนกเฉียนมาด้วยครับ”
เฉียนเลี่ยงพยักหน้าโดยไม่พูดอะไร
หวังโส้วแม้ปากจะไม่พูดอะไร แต่ในใจก็รู้สึกซาบซึ้งมาก “ขอบคุณครับ”
“รีบไปเถอะครับ ผู้ป่วยเสียเวลานานมากไม่ได้” เฉินชางบอก
“หมอเฉิน…ค่าวิชาชีพเฉพาะทาง…” หวังโส้วอึกอัก
“ราคาตลาดแล้วกันครับ ผ่าตัดก่อน อย่างอื่นค่อยว่ากัน” เฉินชางตอบ
หวังโส้วพยักหน้า เผยสีหน้าดีใจทันที นำคนเดินเข้าห้องผ่าตัดแล้ว
……
หมออีกคนเห็นพวกหวังโส้วเดินเข้ามาก็รีบบอกว่า “หัวหน้าแผนกหวังครับ ญาติผู้ป่วยไม่เซ็นชื่อ”
หวังโส้วได้ยินแล้วสีหน้าเปลี่ยนทันที
“อาการของหยางหย่วนจงเสียเวลานานกว่านี้ไม่ได้แล้ว เสี่ยวหย่า เซ็นเถอะ”
เสี่ยวหย่าคือภรรยาของหยางหย่วนจง เป็นคนแรกที่เซ็นชื่อเช่นกัน
ตอนที่เสี่ยวหย่ากำลังเซ็นชื่อ พ่อตาหยางก็ถลึงตามองหวังโส้ว “พวกเราไม่มีเงิน!”
หวังโส้วหนังตากระตุก ขณะกำลังจะพูดอะไรบ้างอย่าง เฉียนเลี่ยงก็อดพูดไม่ได้ว่า “แต่แบ่งชำระได้ครับ”
“แบ่งชำระได้ก็ไม่มีเงินจ่ายคืน” พ่อตาหยางแดกดัน
เฉียนเลี่ยงกับหวังโส้วทำงานด้วยกันมาสิบกว่าปี จึงรู้เรื่องในครอบครัวเขามาตั้งนานแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะปัญหาของครอบครัวภรรยา ก็อาจจะไม่เกิดสถานการณ์เหมือนอย่างวันนี้
“เจอลูกเขยไม่รู้จักบุญคุณแบบนี้ ฉันเองก็ไม่มีหนทางเหมือนกัน ตอนนั้นลูกชายฉันช่วยเหลือเขาไปตั้งเท่าไร วันนี้ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย เขาเห็นคนใกล้ตายแต่กลับไม่ช่วยเหลือ”
หวังโส้วโมโหจนขมับสองข้างเต้นตุบๆ แต่ก็ยังสูดหายใจลึก “ท่านนี้คือผู้เชี่ยวชาญที่ผมเชิญมา หมอเฉิน เขามีชื่อเสียงและบารมีมากในแวดวงนี้ เรื่องผ่าตัดจะชักช้าไม่ได้แล้ว รีบเซ็นชื่อเถอะ”
พ่อตาหยางมองเฉินชางแวบหนึ่ง แล้วอดพูดแขวะไม่ได้ “เธอเห็นฉันแก่แล้วเลอะเลือนงั้นเหรอ สุ่มเรียกเด็กมาสักคน วางแผนจะให้ลูกชายฉันตายไวๆ งั้นสิ จิตใจโหดเหี้ยม! หวังโส้ว…”
เฉินชางก็งงเหมือนกัน!
เฉียนเลี่ยงกลับเห็นจนชินแล้ว
ส่วนหวังโส้วก็โมโหจนมือไม้สั่น
ถ้าไม่เซ็นชื่อก็ไม่มีทางผ่าตัดได้
เฉินชางยิ่งไม่มีทางเสี่ยงผ่าตัด
ตอนนี้อย่าว่าแต่เฉินชางผ่าตัดเลย แม้แต่พวกหวังโส้วก็ไม่มีทางผ่าตัดได้อยู่ดี เพราะนี่คือข้อบังคับของกฎหมาย ถ้าผู้ป่วยไม่รู้สึกตัว อีกทั้งคนในครอบครัวไม่อยู่ในเหตุการณ์ สถานการณ์เช่นนี้หากผ่าตัดจะก็รายงานขึ้นไปยังผู้มีอำนาจสูงสุดได้ หลังจากเบื้องบนอนุมัติแล้วถึงจะผ่าตัดช่วยชีวิตได้
แต่ถ้าคนในครอบครัวผู้ป่วยอยู่ในเหตุการณ์ด้วยก็ต้องให้พวกเขาเซ็นชื่อ ถ้าไม่เซ็นชื่อก็ไม่มีทางผ่าตัดได้
ตอนนี้ ถ้าภรรยาของหยางหย่วนจงไม่เซ็นชื่อ แม่ไม่พูดอะไร พ่อก็หลับหูหลับตาทำตัวไร้เหตุผล ก็ไม่มีทางผ่าตัดได้แน่นอน
ตอนนี้เอง แพทย์คนหนึ่งรีบร้อนวิ่งออกมาแล้ว “หัวหน้าแผนกหวังครับ ควบคุมความดันโลหิตของผู้ป่วยไม่ไหวแล้ว หลังจากให้เลือดแล้วความดันโลหิตก็ไม่เพิ่มขึ้นอยู่ดี สถานการณ์ตอนนี้อันตรายมากครับ ต้องผ่าตัดแล้ว!”
พ่อตาหยางไม่พูดอะไร
หวังโส้วอดไม่ไหวแล้วจริงๆ เขาไม่อยากเกี่ยวข้องใดๆ กับน้องเขยคนนี้อีก แต่…
แต่…
ถ้าให้คนป่วยตัวเป็นๆ มาตายอยู่ตรงหน้าเขา ทั้งยังเป็นน้องชายแท้ๆ ของภรรยา…
เขาบอกกับหมอที่ถือหนังสือแจ้งว่า “เสี่ยวหลิว เอามาให้ผม ผมเซ็นเอง!”
“หัวหน้าแผนกครับ…เขา…” เสี่ยวหลิวงุนงงที
หวังโส้วสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง “เอามาให้ผม!”
พ่อตาหยางมีท่าทางแดกดัน ทั้งยังพูดเหมือนลำพองใจอีกว่า “ใครเซ็น คนนั้นก็รับผิดชอบ”
หวังโส้วเดิมทีเตรียมทุกอย่างไว้แล้ว แต่หลังจากได้ยินประโยคนี้ ก็สบถอย่างเดือดดาลขึ้นมาทันที “แม่งเอ๊ย! ไม่เซ็นแม่งแล้ว!”
เขาโยนกระดาษกับปากกาทิ้งแล้ว!
เหตุการณ์ตรงนั้นวุ่นวายทันที
เฉินชางนึกไม่ถึงว่าจะเจอกับเรื่องแบบนี้
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นคนในครอบครัวผู้ป่วยไม่ยอมเซ็นชื่อ
อันตรายมาจ่ออยู่ตรงหน้าแล้ว ยังจะเอาชีวิตลูกชายมาเดิมพันอีกเหรอ
เงินสำคัญขนาดนั้นเลยหรือไง
ชายแก่ที่แต่งตัวภูมิฐาน ทำไมเป็นอย่างนี้ไปแล้ว
หรือว่า…การใช้อารมณ์เอาชนะกันมันสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ
ผ่านไปสองนาที หัวหน้าพยาบาลก็รีบวิ่งออกมาด้วยอารมณ์หวาดกลัว เธอมีสีหน้ากระวนกระวายขณะรายงาน “หัวหน้าแผนกหวัง หัวใจหยุดเต้นแล้วค่ะ! ผู้ป่วย…”
ตอนนี้หวังโส้วสงบลงแล้ว ถามด้วยน้ำเสียงปกติว่า “คนในครอบครัวผู้ป่วยไม่ยอมเซ็นชื่อ เปิดกล้องวงจรปิดไว้แล้วใช่ไหม”
หัวหน้าพยาบาลได้แต่งุนงง!
เขาพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง!
หมายความว่ากำลังจะเกิดเหตุการณ์ร้องเรียนความผิดพลาดทางการแพทย์แล้ว
แต่…นี่เป็นญาติของหัวหน้าแผนกหวังไม่ใช่หรอกเหรอ
พอพ่อตาหยางได้ยินคำพูดของหัวหน้าพยาบาล สีหน้าก็เปลี่ยนทันที วิ่งเข้ามาบอกว่า “ผมเซ็น ผมเซ็น…รีบช่วยลูกชายผม!”
ตั้งแต่ต้นจนจบ เขารู้สึกว่าลูกชายไม่ได้อยู่ในอันตรายขนาดนั้น รู้สึกว่าหวังโส้วต้องการจะหลุดพ้นจากพวกเขา จงใจขู่เขาเฉยๆ
แต่ตอนนี้…เขาเริ่มกลัวแล้ว
หมออีกคนรีบเก็บหนังสือยินยอมขึ้นมา พ่อตาหยางรีบเซ็นอย่างเงอะงะ “ผมมีเงินจ่ายค่าวิชาชีพเฉพาะทาง รีบช่วยเขา!”
หวังโส้วกับเฉินชางกำลังจะเดินเข้าห้องผ่าตัดแล้ว
ตอนนี้เอง พยาบาลคนหนึ่งเดินออกมา “หัวหน้าแผนกหวัง ผู้ป่วย…เสียชีวิตแล้ว…”
ประโยคนี้ทำให้ฉากตรงนั้นเงียบกริบ
ภรรยาของหยางหย่วนจงตาลอยทันที เธอทรุกลงคุกเข่าร้องไห้อย่างปวดใจอยู่บนพื้น
ส่วนแม่ยายก็ดึงคอเสื้อพ่อตาหยาง “คุณเอาลูกชายฉันคืนมา คุณรีบคืนลูกชายมาให้ฉัน…ทำไมคุณไม่เซ็นชื่อ…”
หวังโส้วกลับเดินเข้าไปในห้องผ่าตัด ตอนนี้หัวหน้าแผนกฉุกเฉินกำลังกู้ชีพอยู่ แต่…เสียงเตือนที่เสียดแทงหูบนเครื่องตรวจวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจกำลังบอกทุกคนแล้ว
ผู้ป่วยเสียชีวิตแล้ว!
หวังโส้วกลับปล่อยวางได้ แต่ยังเหม่อลอยอยู่นิดหน่อย เขาปลอบใจตัวเอง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับตนเลย
เฉียนเลี่ยงเห็นแล้วอดตบบ่าหวังโส้วไม่ได้ “ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ ไม่ต้องโทษตัวเอง”
หวังโส้วเอนหลังพิงกำแพง ถอนหายใจยาวเฮือกหนึ่ง แล้วหันตัวเดินไปข้างนอก
แจ้งญาติผู้ป่วย เตรียมจัดงานศพ
เฉินชางนึกไม่ถึงว่าวันนี้จะเจอกับเรื่องแบบนี้ เฉียนเลี่ยงถึงได้เล่าเรื่องของหวังโส้วให้เฉินชางฟัง
แล้วเล่าให้หมอที่อยู่ข้างๆ ฟังตั้งแต่ต้นจนจบด้วย
เฉินชางได้ยินแล้วอดส่ายหน้าไม่ได้
โลกนี้มีคนอยู่ทุกประเภทจริง!
บางทีอาจมีบางจุดที่หวังโส้วทำไม่ดี แต่…มีใครบ้างที่เป็นคนเลวโดยไร้ต้นสายปลายเหตุ มีใครบ้างที่ไม่ต้องการให้ชีวิตตัวเองดีขึ้น…
ไม่มีมาตรฐานการตัดสินที่เป็นเอกฉันท์
หลังจากผ่านเรื่องนี้ เฉินชางมองโลกนี้อย่างเข้าใจมากกว่าเดิม
บางครั้ง คนที่ทำให้ผู้ป่วยตายก็ไม่ใช่หมอเสมอไป
แต่อาจจะเป็นคนในครอบครัว
เขานึกถึงผู้หญิงที่เคยมั่นใจในความรู้ของตัวเองแล้วเอาแต่สั่งสอนจนความมั่นใจของเธอทำให้ผู้เป็นพ่อเสียชีวิต
ขณะมองคนแก่ขาดสติปัญญากำลังเกลือกกลิ้งโวยวายอยู่บนพื้น เฉินชางก็ส่ายหน้าน้อยๆ
ความไม่รู้ของคุณ ทำให้ลูกชายเสียโอกาสยื้อชีวิตไปแล้ว
——————————————