เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 557 การกลั่นแกล้งขำๆ (3)
บทที่ 557 การกลั่นแกล้งขำๆ (3)
ประโยคเดียวของผู้อำนวยการโรงเรียนทำให้ทั้งครอบครัวหน้าแดงเพราะความอับอายและเงียบลงทันที!
เป็นอย่างนั้นจริงๆ เด็กไม่รู้ประสา แต่ผู้ใหญ่อย่างพวกคุณก็ไม่รู้ประสาด้วยเหรอ
ตอนนี้ในใจหวังอี้เจ๋อหวาดกลัวสุดขีด!
เขานึกไม่ถึงว่าพฤติกรรมกลั่นแกล้งขำๆ ของตัวเองจะทำให้เกิดผลที่ตามมาแบบนี้
เขากำหมัดอย่างกระวนกระวาย มองพยาบาลและหมอที่สวมชุดกาวน์เดินไปเดินมาอยู่รอบๆ ในใจก็ยิ่งร้อนรนหวาดกลัว
เขาหันไปมองภรรยาของคุณครูหม่าแล้วก็รีบก้มหน้า กลัวจะถูกสังเกตเห็น
ภรรยาของคุณครูหม่ากำลังรอดูผลการให้ยาละลายลิ่มเลือดด้วยความร้อนใจเช่นกัน เหล่าหม่าอายุห้าสิบเจ็ดปี กำลังจะอยู่ในช่วงอายุที่ใช้ชีวิตสงบสุข มีลูกหลานเต็มบ้านอยู่แล้วเชียว ผู้อำนวยการโรงเรียนโน้มน้าวให้เขาเกษียณอายุล่วงหน้าหลายครั้งแล้ว แต่เขายังไม่อยากทิ้งเด็กๆ เขาใช้เวลาสอนหนังสือมาทั้งชีวิต บทจะเลิกสอนก็เลิกสอนเลยได้อย่างไรกัน
หวังอี้เจ๋อชำเลืองมองเป็นระยะ แล้วก็รีบหดศีรษะกลับมา
พอเขาได้ยินผู้อำนวยการโรงเรียนพูดเสียงดังว่าจะแจ้งตำรวจ หวังอี้เจ๋อก็ตกใจจนเหม่อลอย
น้ำตาเขาไหลพรากแล้ว
แต่พอนึกขึ้นได้ว่าหมอกำลังยื้อชีวิตคุณครูหม่าอยู่ ก็รีบยกแขนเสื้อปาดน้ำตาตัวเอง
แต่…ตัวเองต้องติดคุกหรือเปล่า
พอนึกถึงตรงนี้ หวังอี้เจ๋อก็มอง ‘กองหนุน’ ที่อยู่ข้างหลังด้วยสายตาที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมแวบหนึ่ง
เมื่อเห็นว่าข้างหลังมีพ่อแม่และปู่ย่านั่งอยู่ตรงนั้น เขาก็โล่งอกแล้ว…
ตอนนี้ย่ากำลังอุ้มน้องชายของเขาอยู่ตรงนั้น เป็นน้องชายของหวังอี้เจ๋อ และก็เป็นท้องที่สอง
แม่ดึงตัวหวังอี้เจ๋อเข้ามากอดแล้วปลอบใจว่า “ไม่เป็นไรนะลูกรัก! ไม่ร้องๆ เขาขู่ลูกเฉยๆ ไม่ร้องนะลูก”
หวังอี้เจ๋อสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่คุ้นเคย
ทุกครั้งที่เขาทำผิด แม่ก็จะปกป้องเขาเสมอ
“แม่ครับ ผมไม่อยากติดคุก ผมไม่อยากถูกตำรวจจับ…”
พอคนเป็นแม่ได้ยินก็รีบปลอบว่า “ไม่ต้องกลัวนะ ไม่ต้องกลัวลูก ผู้อำนวยการขู่ลูกเฉยๆ ลูกเพิ่งสิบขวบเอง ไม่ถือว่าเป็นอาชญากร ตำรวจไม่จับลูกหรอก…”
เฉินชางกับหวังเชียนที่อยู่ข้างๆ ได้ยินประโยคนี้ ในใจก็ผิดหวังทันที!
เด็กคนนี้ทำให้คุณครูตกใจเกือบตาย คุณยังบอกไม่ให้กลัวอีกเหรอไอรีนโนเวล
นายเพิ่งอายุสิบขวบ ตำรวจก็จะไม่จับนายแล้วเหรอ
คุณมีการศึกษาสินะ
เข้าใจกฎหมายใช่ไหม
มีการศึกษาแล้วสั่งสอนลูกแบบนี้ได้เหรอ
เดิมทีก็เป็นวัยที่ชอบก่อเรื่องอยู่แล้ว คุณใช้กฎหมายและความรู้มา ‘สั่งสอน’ และ ‘ปกป้อง’ ลูกของคุณแบบนี้หรือไง
ผู้ชายที่อยู่ข้างๆ โมโหนิดหน่อย พยายามดึงมือเด็กชายออกมา “นี่มันเวลาไหนแล้ว คุณยังปกป้องเขาอยู่อีกเหรอ! คุณตามใจจนเสียคนหมดแล้ว โทรศัพท์อยู่ที่ไหน เอามาให้ผม!”
พอคนเป็นแม่ได้ยินก็โมโหทันที “เขากลายเป็นแบบนี้แล้ว คุณอยากให้เขาตกใจตายใช่ไหม เขาเพิ่งสิบขวบเองนะ เขาจะไปเข้าใจอะไร แล้วคุณมาตวาดใส่ฉันทำไม”
ชายคนนั้นสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง โรงพยาบาลมีคนเยอะขนาดนี้ ตอนนี้เขาไม่อยากเสียหน้า จึงก้มหน้าจ้องหวังอี้เจ๋อ “โทรศัพท์อยู่ไหน เอามาให้พ่อ!”
หวังอี้เจ๋อเพิ่งจะหยิบโทรศัพท์ออกมา แต่ก็ถูกผู้หญิงคนนั้นแย่งกลับไป
ตอนนี้เอง ตำรวจสองคนเดินเข้ามาแล้ว
ต้นสายปลายเหตุชัดเจนขนาดนี้ แต่เมื่อเห็นว่าหวังอี้เจ๋อเพิ่งอายุสิบขวบ ตำรวจสองคนนั้นก็ถอนหายใจอีก
นี่เป็นช่วงวัยที่เด็กดื้อชอบก่อเรื่อง!
เรื่องแบบนี้ง่ายที่สุด แต่ก็เป็นปัญหายุ่งยากที่สุดเหมือนกัน
ลงบันทึกประจำวัน ตักเตือนสั่งสอน…เป็นแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น
แต่โดยแก่นแท้แล้วก็ยังต้องสั่งสอนผู้ปกครอง
ตำรวจคนที่อายุมากกว่าบอกว่า “คุณพ่อกับคุณแม่มาลงบันทึกกับพวกเราสักครู่ครับ”
หลังจากแม่ของหวังอี้เจ๋อได้ยินดังนั้นก็รีบบอกว่า “คุณตำรวจคะ เด็กยังไม่รู้ประสาอะไร คุณให้โอกาสเขาสักครั้งเถอะค่ะ ไม่ลงบันทึกไม่ได้เหรอคะ แบบนี้จะเป็นจุดด่างพร้อยไปทั้งชีวิตเขาเลยนะคะ”
ตอนนี้เอง ตำรวจที่อายุยังน้อยอดพูดไม่ได้ว่า “อย่าบอกนะว่าในความทรงจำของคุณ คนทำผิดกฎหมายไม่ต้องถูกลงโทษ”
แม่ของเด็กได้ยินแล้วหน้าแดงทันที
“พวกเราอบรมกันเองได้ค่ะ แถมตอนนี้เด็กก็ยังเรียนอยู่ แล้วพวกเราก็ไม่มีเวลาด้วย กลับไปครั้งนี้พวกเราจะสั่งสอนเขาให้ดีแน่นอนค่ะ ให้โอกาสเขาสักครั้งนะคะ”
ตอนนี้หวังเชียนทนฟังไม่ไหวแล้ว เขาเดินเข้ามา
“ให้โอกาสเด็กที่ทำผิดหนึ่งครั้งเป็นเรื่องง่าย แต่…ใครจะให้โอกาสคุณครูหม่าครับ!” เสียงของหวังเชียนดังมาก ทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นฮึกเหิมแล้ว
ใช่แล้ว!
แล้วมีใครให้โอกาสคุณครูหม่าบ้าง
แม่ของเด็กยังอยากเถียง “เด็กไม่ได้คิดแบบนี้นะคะ เขาก็แค่อยากล้อเล่นกับคุณครูเท่านั้น ใช่ไหมลูก”
ตอนนี้หวังอี้เจ๋อทำตัวไม่ถูกแล้ว เขารู้สึกว่ากำลังถูกแม่กดศีรษะให้พยักหน้า
อืม ปกติก็เป็นแบบนี้ ทุกการกระทำของลูกส่วนใหญ่ก็มีพ่อแม่เป็นคนนำไม่ใช่หรอกเหรอ
ผู้ใหญ่ทำ เด็กเอาเยี่ยงอย่าง นี่เป็นวิธีการสั่งสอนแบบเชิดหุ่นกระบอกไม่ใช่หรือไง
“แล้วอีกอย่าง คุณครูหม่าก็มีหมออย่างพวกคุณแล้วไม่ใช่เหรอ นี่คือหน้าที่ของพวกคุณนะคะ พวกคุณต้องตั้งใจช่วยชีวิตคุณครูหม่าให้ได้ ต้องออกเงินเท่าไรพวกเราก็ยินดีชดเชยให้ค่ะ!” ผู้หญิงคนนี้เหมือนจะคุมปากตัวเองไม่อยู่แล้ว
เพียงแต่คำพูดนี้ทำให้หลายคนที่อยู่ตรงนั้นมองด้วยสายตาดูถูก
พ่อของเด็กก็ทนฟังไม่ไหวแล้วเหมือนกัน “คุณหุบปากได้ไหม มีใครเขาสอนลูกกันแบบนี้บ้าง เดี๋ยวก็ได้จบเห่เข้าสักวัน!”
พอผู้หญิงคนนี้ได้ยินก็ตอบอย่างโมโหเหมือนกันว่า “ถ้าฉันอบรมไม่ดี คุณก็มาอบรมเองสิ คุณยุ่งอยู่ข้างนอกทุกวัน ไม่ยอมกลับบ้าน ทำไมคุณไม่สนใจลูกคุณบ้างล่ะ ตอนนี้เกิดปัญหาขึ้นแล้ว ก็ไม่ใช่ฉันหรอกเหรอที่รับผิดชอบ คุณมันก็ดีแต่ด่าคนอื่น!”
“ผมก็ทำเพื่อครอบครัวนี้ไม่ใช่หรือไง ผมต้องไปทำงานเลี้ยงครอบครัวนะ แล้วคุณล่ะ วันๆ เอาแต่เอ้อระเหยลอยชาย คุณมัวไปทำอะไร ผู้หญิงควรช่วยสามีดูแลบุตร คุณเลี้ยงลูกจนกลายเป็นอะไรไปแล้ว!” ผู้ชายคนนั้นตะคอกเสียงดัง
เมื่อเห็นว่าครอบครัวนี้กำลังจะทะเลาะกัน ตำรวจก็รีบห้าม “พอแล้วครับ นี่ไม่ใช่เวลามาทะเลาะกัน มาเถอะครับ มาลงบันทึกไว้ก่อน”
ผู้ชายคนนั้นยืนขึ้น “ผมเขียนเองครับ ต้องลงโทษให้หนักๆ!”
ตำรวจงงทันที ก่อนจะถอนหายใจแล้วบอกว่า “เด็กยังไม่โตครับ ประเด็นสำคัญก็คือต้องดูผู้ใหญ่อย่างพวกคุณ พวกคุณจะจัดการยังไงครับ ครั้งนี้เป็นการการกลั่นแกล้งขำๆ แล้วครั้งหน้าล่ะ ถ้าเขาใช้ไฟแช็กจุดไฟใส่บ้านคนอื่นก็เป็นการกลั่นแกล้งขำๆ ด้วยไหม”
ผู้หญิงคนนั้นกอดหวังอี้เจ๋อ ส่วนผู้ชายคว้าตัวเขาออกมาแล้วเตะทีหนึ่ง เด็กก็ถูกเตะล้มลงบนพื้นแล้วร้องไห้เสียงดังทันที
“หวังอี้เจ๋อ ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้!” ผู้ชายตะคอกสั่งเสียงดัง
แม่ของเขาสีหน้าเปลี่ยนทันที ลุกขึ้นตามไปจะอุ้มเขาขึ้นมา
แต่ผู้ชายคนนั้นตำหนิว่า “ถ้าวันนี้คุณจะปกป้องเขา พวกเราก็หย่ากัน ลูกชายคุณก่อเรื่องจนคนอื่นถึงแก่ชีวิต นี่คุณกำลังปกป้องเขาหรือกำลังทำร้ายเขากันแน่”
ผู้หญิงคนนั้นลังเลนิดหน่อย ก่อนจะยัดโทรศัพท์ให้แม่สามี ทั้งยังเตรียมจะลุกขึ้นด้วย
ละครฉากอลวนเริ่มแสดงอีกครั้ง
คนที่อยู่รอบข้างล้วนเห็นฉากนี้
ขณะที่ทุกคนกำลังเถียงกัน จู่ๆ เด็กที่คุณย่ากำลังอุ้มก็ร้องไห้เสียงดังแล้วก็เริ่มชัก!
ย่าหน้าเปลี่ยนสีทันที โวยวายเสียงดังว่า “คุณหมอ! จู่ๆ เด็กก็ชัก รีบมาช่วยเขาสิคะ!”
พ่อแม่หวังอี้เจ๋อที่กำลังเตรียมตะลุมบอนกันรีบวิ่งโเข้ามา
พวกเขามีสีหน้าตกใจกลัว โดยเฉพาะผู้เป็นแม่ที่ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก
“คุณหมอคะ ช่วยเด็กด้วยค่ะ!”
เฉินชางขมวดคิ้ว รีบบอกพยาบาลว่า “ติดต่อแผนกกุมารเวช”
จากนั้นเขาก็ถามหญิงชรา “ทำไมอยู่ดีๆ เขาถึงเริ่มชักครับ”
“เมื่อกี้…เขาหยิบโทรศัพท์ไปเล่นค่ะ แล้วก็เปิดดูคลิปสั้นๆ…” หญิงชรายังกลัวไม่หาย