เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 566 หมวกสีเขียว (1)
บทที่ 566 หมวกสีเขียว (1)
เฉินชางถอนหายใจ ช่างสร้างความประหลาดใจให้สามีที่ออกไปทำงานต่างแดนจริงๆ!
เฉินชางยังคิดอยู่เลยว่าจะให้ลูกกับยัยฉินขี้ประจบคนหนึ่ง อย่าให้ยัยฉินขี้ประจบเป็นฝ่ายสร้างความประหลาดใจให้ตนเชียว…
สามีไปทำงานต่างแดนสามเดือน ภรรยาตั้งครรภ์นอกมดลูกสองเดือน
ลูกบ้านไหนซนขนาดนี้ถึงวิ่งได้เป็นเดือน!
เพราะฉะนั้นผลลัพธ์ไม่ต้องสงสัยเลยจริงๆ
มีมือที่สาม สามีไปทำงานต่างแดน ภรรยาสวมหมวกเขียว[1]ให้ คงจะเป็นผลลัพธ์แบบนี้แหละ!
จางเยียนมองเฉินชางแวบหนึ่ง “รีบออกไปรายงานญาติคนไข้เถอะค่ะ คนไข้มีอันตรายถึงชีวิต ต้องรีบผ่าตัดให้ทันเวลา”
เฉินชางพยักหน้า ขานรับว่าอืม
เขาเตรียมออกไปแจ้งอาการ
แต่…ควรแจ้งอย่างไรดี
คนที่ส่งผู้หญิงคนนี้มาไม่ใช่คนอื่น เป็นแม่สามีและน้องสาวสามี สำหรับคนไข้แล้ว สองคนนี้เป็น ‘ค่ายทัพฝั่งศัตรู’ ชัดๆ
ถ้าอีกฝ่ายรู้ว่าผู้หญิงคนนี้คบชู้ เด็กในท้องไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของตน จะคิดอย่างไร จะเซ็นหรือไม่!
ทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องที่เป็นไปได้
แต่ก็จะละเมิดสิทธิ์ในการรับรู้ ปกปิดสถานการณ์ของคนไข้ไม่ได้
นี่เป็นเรื่องที่ยากมากสำหรับหมอคนหนึ่ง!
ไม่อย่างนั้นสมัยเรียน คงไม่มีคาบเรียน ‘จรรยาบรรณแพทย์’ ทั้งระดับปริญญาตรีและปริญญาโทหรอก!
จางเยียนเงยหน้าขึ้นมองสัญญาณชีพของคนไข้ เริ่มติดต่อห้องผ่าตัด จากนั้นเหลือบมองเฉินชางแวบหนึ่ง “คุณหมอเฉินคะ รีบหน่อยค่ะ”
เฉินชางกัดฟันเดินออกไป
เพิ่งมาถึงหน้าประตู จู่ๆ ก็นึกวิธีหนึ่งออก
คิดถึงตรงนี้ เฉินชางรีบหยิบพวกหนังสือยินยอมการรักษา หนังสือรายงานอาการออกมา พูดกับคุณป้า
“สวัสดีครับ สามารถติดต่อสามีหรือญาติร่วมสายเลือดของคนไข้ได้ไหมครับ”
แม่สามีถอนหายใจ “ติดต่อไม่ได้เลยค่ะ ลูกชายฉันไปต่างประเทศ แม้ติดต่อได้ก็กลับมาในเวลาอันสั้นไม่ได้ คุณหมอคะ…เราเซ็นไม่ได้เหรอคะ ต้องช่วยเธอให้ได้นะคะ เธอยังเด็กอยู่เลย เพิ่งจะสามสิบ น่าสงสารมาก พ่อแม่หย่ากันและไม่ติดต่อกันอีกเลย หลังจากนั้นก็แต่งเข้าบ้านเราจะให้เธอลำบากไม่ได้”
เฉินชางมองคุณป้าที่มีความเมตตาแล้วอดถอนหายใจไม่ได้
คุณป้านะคุณป้า คุณป้ารักเธอ ก็ไม่แน่ว่าเธอจะรักพวกคุณนะ!
คิดถึงตรงนี้ เฉินชางหยิบหนังสือยินยอมการรักษาออกมาพร้อมพูดว่า “ตอนนี้สถานการณ์ของคนไข้อันตรายมาก สงสัยว่าอาจเป็นการแตกโดยธรรมชาติของอวัยวะในอุ้งเชิงกราน สาเหตุยังรอการตรวจ ทั้งยังมาพร้อมภาวะช็อกจากการเสียเลือดมาก มีหลักฐานชี้ชัดว่าต้องทำการผ่าตัดฉุกเฉิน ขอให้ญาติคนไข้เซ็นหนังสือยินยอมการรักษา เร่งทำการผ่าตัดครับ!”
คุณป้ารีบพยักหน้า “ได้ค่ะ ได้ค่ะ ฉันเซ็นค่ะ”
ตอนนี้เอง จู่ๆ น้องสาวสามีก็พูดขึ้นว่า “คุณหมอคะ…ไม่ได้ท้องใช่ไหมคะ”
ประโยคนี้ทำให้คุณป้าที่เตรียมจะเซ็นชะงักไปทันที
เฉินชางส่ายหน้า “ตอนนี้ผลการตรวจหาสาเหตุยังไม่ออกครับ”
คุณป้าส่ายหน้าพร้อมถอนหายใจ “คุณหมอคะ รีบรักษาเถอะค่ะ ไม่ว่าอย่างไร ช่วยชีวิตเธอให้ได้ก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากัน”
เฉินชางหยิบหนังสือยินยอมการรักษาขึ้นมาเดินเข้าห้องผ่าตัดไป
คำอธิบายเมื่อครู่นี้ ถือว่าน่าเชื่อถือมาก
ผลการวินิจฉัยสองข้อที่เฉินชางชี้แจงดังนี้
1. ภาวะช็อกจากการเสียเลือดมาก
2. การแตกตามธรรมชาติของอวัยวะในอุ้งเชิงกรานรอผลตรวจ
ไม่ได้ละเมิดสิทธิการรับรู้
แต่ผลอย่างแน่ชัด หลังจากกู้ชีพเสร็จแล้วแน่นอนว่าจะต้องมีผลตรวจที่ละเอียด
การวินิจฉัยเบื้องต้นกับยืนยันผลการวินิจฉัยเป็นคนละเรื่อง
ส่วน…เรื่องตั้งครรภ์นอกมดลูกจะจัดการอย่างไร เป็นเรื่องของสองครอบครัว รอหลังจากเธอฟื้นตัว ค่อยจัดการเอง
ในฐานะหมอ นี่ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาควรกังวล
จางเยียนเห็นเฉินชางเข้ามาไวขนาดนี้ก็ประหลาดใจเล็กน้อย
“เซ็นเสร็จแล้วเหรอคะ”
เฉินชางพยักหน้า “อืม เสร็จแล้วครับ”
จางเยียนอึ้งไปครู่หนึ่ง “ไวขนาดนี้เลยเหรอคะ อีกฝ่ายยินยอมง่ายขนาดนี้เชียว”
เฉินชางยื่นผลการวินิจฉัยบนหนังสือยินยอมการรักษาให้จางเยียนอ่าน “คุณดูซิว่าใช้ได้ไหม”
จางเยียนรับมาอ่านแล้วตะลึงไปทันที!
จากนั้นอดมองเฉินชางไม่ได้ “ได้ค่ะ คุณหมอเฉินคะ ผลการวินิจฉัยนี้ สุดยอดและน่าเชื่อถือมากค่ะ ความจริงสิ่งที่ยากที่สุดของการผ่าตัดประเภทนี้คือการรายงานอาการป่วยกับญาติคนไข้ ไม่อย่างนั้นแผนกสูตินรีเวชคงไม่มีเรื่องที่ให้เลือกว่าจะช่วยชีวิตแม่หรือลูกมากขนาดนั้น การสื่อสารกับญาติคนไข้ยากกว่าสื่อสารกับเทพแห่งความตายเสียอีก!”
เฉินชางเข้าใจเรื่องนี้อย่างลึกซึ้ง เรื่องของหยางหย่วนช่วงก่อนก็เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดแล้วไม่ใช่เหรอ
ญาติคนไข้ไม่เซ็น หมอก็ไม่มีสิทธิ์ผ่าตัด
จางตันหนีที่เป็นหมอเวรอัลตราซาวด์เห็นเฉินชางทำแบบนี้ก็อดชูนิ้วโป้งชื่นชมไม่ได้ “คุณหมอเฉินเก่งจริงๆ ความสามารถในการสื่อสารกับญาติคนไข้แบบนี้ไม่ใช่ความสามารถที่คนทั่วไปจะมีได้ ไปเรียนมาจากไหนคะ”
เฉินชางเฉินชางนึกถึงเหล่าเฉิน เหล่าเฉินจัดการปัญหาความสัมพันธ์จริยธรรมที่ซับซ้อนแบบนี้เก่งที่สุด คงจะเหล่าเฉินสอนเขาล่ะมั้ง?
จางเยียนรีบย้ายคนไข้ไปที่ห้องผ่าตัดแผนกสูตินรีเวช
ภารกิจกู้ชีพเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
เฉินชางไม่มีความรู้ด้านการผ่าตัดสูตินรีเวช บวกกับต้องเข้าเวรจึงไม่ได้ไปร่วมด้วย
แม่สามีและน้องสาวสามีนั่งอยู่อย่างกระวนกระวาย เฉินชางไม่ได้พูดอะไรมาก
ประมาณสามชั่วโมง จางเยียนเดินออกมาอย่างเร่งรีบ
“คนไข้อาการคงที่ชั่วคราวแล้ว ทำเรื่องย้ายแผนกไปที่แผนกสูตินรีเวชก่อนเถอะค่ะ ที่นั่นพูดง่ายกว่าหน่อย” จางเยียนพูดกับเฉินชาง
เฉินชางพยักหน้า พาจางเยียนเดินออกไป
“การผ่าตัดราบรื่นมากค่ะ คนไข้ปลอดภัยแล้ว ต้องไปรับการรักษาที่แผนกสูตินรีเวชต่อ”
แม่สามีโล่งอกไปที
ส่วนน้องสาวสามียังคงถามต่อ “คุณหมอคะ สถานการณ์เป็นยังไงกันแน่”
จางเยียนส่ายหน้า “ตอนนี้กลางคืน ส่งรายงานอาการไปแล้วค่ะ แต่แผนกโรควิทยาเลิกงานไปแล้ว ต้องรอผลตรวจอีกสักระยะ เพราะฉะนั้นสาเหตุยังไม่ยืนยันค่ะ”
คนทั้งบ้านจึงตามจางเยียนไปที่แผนกสูตินรีเวชอย่างสับสน
ความจริงพวกผลการวินิจฉัยโดยละเอียด จะบอกกับญาติคนไข้ในภายหลัง เพียงแต่ไม่ใช่ตอนนี้
……
……
คนไข้กรณีพิเศษคนหนึ่ง ทำให้คืนนี้แผนกฉุกเฉินมีเรื่องให้ซุบซิบขึ้นมา
เสี่ยวหลินยืนอยู่ข้างๆ มองเฉินชางอย่างฉงน “คุณหมอเฉินคะ คุณหมอคิดว่าถ้าแม่สามีกับน้องสาวสามีรู้แล้วจะทำยังไง”
เฉินชางชะงัก อดส่ายหน้าไม่ได้ “คง…อันตรายมากมั้ง!”
เสี่ยวหลินถอนหายใจ “เฮ้อ…ซับซ้อนเกินไปแล้วค่ะ”
“แม่สามีดีขนาดนี้ ถ้านอกใจ…ผิดต่อเธอเกินไปไหม”
ตอนนี้เอง จางตันหนีเดินเข้ามา เห็นแล้วอดพูดไม่ได้ “แผนกฉุกเฉินของคุณยังพบได้น้อย ก่อนที่ฉันจะมาโรงพยาบาลอันดับสอง ทำอยู่ที่ศูนย์เวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ จากนั้นก็รีบเบนสาย”
เสี่ยวหลินถามด้วยความประหลาดใจ “เพราะอะไรคะ”
จางตันหนียิ้มพูด “วันๆ มีแต่เรื่องนอกใจ คบชู้ ตรวจดีเอ็นเอ มีบุตรยาก…เจอเรื่องแบบนี้บ่อยเข้า คุณจะระแวงโลกไปเลย”
เสี่ยวหลินคิดถึงตรงนี้ก็อดขนลุกซู่ไม่ได้ พลันพยักหน้า “จะว่าไปก็จริง!”
อยู่แผนกม้ามและกระเพาะอาหารนานไป มักรู้สึกว่าตนเองเป็นโรคกระเพาะ อยากส่องกล้องกระเพาะอาหาร
อยู่แผนกลำไส้และทวารหนักนานไป ในใจก็สงสัยจนอยากไปส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่
อยู่แผนกเนื้องอกวิทยานานไป ก็เจอคนไข้เนื้องอกทุกที่
เช่นเดียวกัน…
อยู่ศูนย์เวชศาสตร์การเจริญพันธุ์นานไป ก็เต็มไปด้วยเรื่องนอกใจ…
ความจริงแล้วทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่เข้าใจไปเองเพราะคุณเจอแต่คนไข้ประเภทนี้ ที่จริงอาจจะเป็นส่วนน้อย เพียงแค่มารวมอยู่ที่คุณทั้งหมดก็เท่านั้น จึงทำให้เกิดการเข้าใจผิดขึ้น
[1] สวมหมวกเขียว เป็นคำเปรียบเทียบความหมายเดียวกับโดนสวมเขา