เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 617 อย่ารังเกียจคนจน ชอบคนรวย
ตอนที่ 617 อย่ารังเกียจคนจน ชอบคนรวย
Ink Stone_Fantasy
ฉินเสี้ยวยวนจินตนาการถึงฉากดรามาในละครโทรทัศน์แล้ว
ส่วนฉินเยว่เดินตามเข้าไปในทางเดินพร้อมใบหน้างุนงงเต็มประดา
ตอนที่อยู่ในลิฟต์ สถานการณ์เคร่งเครียดมาก ไม่มีใครพูดอะไรเลย
จี้หรูอวิ๋นอดถอนหายใจไม่ได้
เธอไม่ได้โง่ เฉินชางไม่มีปัญญาซื้อรถแบบนี้แน่ ยังไม่ต้องพูดถึงรถปอร์เช่ แค่ป้ายทะเบียนรถ ‘东A66666’ ใช่ว่าแค่มีเงินก็จะทำได้
คิดถึงตรงนี้ ถึงอย่างไรจี้หรูอวิ๋นก็ถอดถอนใจเล็กน้อย
เสี่ยวเฉินเป็นคนดีมาก วันนี้ยังดีๆ อยู่เลย…แล้วนี่เกิดอะไรขึ้น
ทั้งครอบครัวต่างขึ้นบ้านพร้อมความคิดของตนเอง
ความจริงคืนนี้ทั้งสองไม่ได้กินข้าวดีๆ เลยด้วยซ้ำ
รสชาติของอาหารในร้านคริสโตเฟอร์ใช้ได้เลย
ทว่าเมื่อเทียบกับเสี่ยวเฉิน อาหารแค่นี้จะมีค่าอะไร
ในเมืองอันหยาง ฉินเสี้ยวยวนและจี้หรูอวิ๋นถือว่าอยู่ในระดับกลางแล้ว ไม่ว่าจะรายได้ การใช้ชีวิต หน้าที่การงานล้วนมีหน้ามีตามาก
ก็เพราะเช่นนี้ ทั้งสองยิ่งหวังให้ฉินเยว่หาผู้ชายที่พึ่งพาได้ ไม่ใช่ครอบครัวที่มีฐานะมีอำนาจ
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ทั้งสองก็รู้สึกดีกับเฉินชางมาก
เข้าบ้านไป เป็นครั้งแรกที่ฉินเสี้ยวยวนจริงจังมาก เขานั่งลงบนโซฟา ไม่ทันเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยซ้ำ
“มา นั่งลง!” ฉินเสี้ยวยวนพูดกับจี้หรูอวิ๋นและฉินเยว่
ฉินเยว่สับสน เธอไม่ได้เห็นพ่อแม่เป็นแบบนี้นานแค่ไหนแล้ว พลันนั่งลงโดยดี
จี้หรูอวิ๋นเองก็ถอนหายใจ ไม่พูดอะไรมาก
ครู่ใหญ่ ฉินเสี้ยวยวนถอนหายใจ “เยว่เยว่ แม้พ่อไม่รู้ว่าหนูชอบคนแบบไหน ในอนาคตอยากมีชีวิตแบบไหน แต่พ่อรู้สึกว่าหนูควรพิจารณาให้รอบคอบ หลายอย่างเงินทองทดแทนไม่ได้ การได้เจอคนที่ใช่ คนที่รัก สำคัญกว่าอะไรทั้งนั้น”
พูดถึงตรงนี้ ฉินเสี้ยวยวนถอนหายใจอีกครั้ง “พ่อรู้ว่านี่เป็นเรื่องส่วนตัวของหนู แต่…พ่อก็ยังรู้สึกว่าเสี่ยวเฉินไม่เลวเลยจริงๆ…”
ฉินเยว่มึนงง “พ่อ…พ่อจะพูดอะไร”
ฉินเสี้ยวยวนมองฉินเยว่ “วันนี้หนูไปไหนมา”
ฉินเยว่ “หนูไปกินหม้อไฟไหตี่เลาค่ะ”
ฉินเสี้ยวยวน “ไปกับใคร”
ฉินเยว่งงว่าวันนี้เหล่าฉินเป็นอะไร ดูแปลกเล็กน้อย “จะกับใครได้ล่ะคะ…กับเฉินชางไง”
ฉินเสี้ยวยวนอึ้ง “แล้วรถที่อยู่ข้างหลังของใคร ทำไมหนูถึงขับมา หนูอย่ามาบอกนะว่าเป็นของเฉินชาง”
ฉินเยว่หยิบกุญแจรถออกมา “แน่นอนว่าไม่ใช่ของเฉินชาง เขาจะมีปัญญาซื้อรถแบบนี้ได้ซะที่ไหน พ่อไม่เห็นทะเบียนรถเหรอคะ 东A66666”
ฉินเสี้ยวยวนถอนหายใจ “ยังจะโกหกพ่ออีก…”
ฉินเยว่สีหน้ามึนงงเต็มประดา “โกหกอะไรพ่อคะ พ่อมีอะไรพูดมาตรงๆ สิคะ…หนูไม่เข้าใจว่าพ่อพูดอะไร”
ฉินเสี้ยวยวนใบหน้ามืดทะมึน “เสี่ยวเฉินไม่มีปัญญาซื้อรถหนูก็จะทิ้งเสี่ยวเฉินแล้วเหรอ เยว่เยว่ พ่อพูดตามตรง อย่ารังเกียจคนจน ชอบคนรวย…เสี่ยวเฉินเขาเป็นคนที่มีศักยภาพ!”
นั่นไง!
ตอนนี้ในที่สุดฉินเยว่ก็เข้าใจแล้ว พลันพูดอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “พ่อแม่คิดอะไรอยู่ เห็นหนูเป็นคนแบบนั้นเหรอคะ นี่ไม่ใช่รถของเฉินชางก็จริง แต่เป็นรถที่เจิ้งกั๋วถานให้เฉินชางหลังจากเขาผ่าตัดให้ภรรยาของเจิ้งกั๋วถานเสร็จ อีกสองสามวันก็จะโอนแล้ว คืนนี้เขา…เขาดื่มหนักไปหน่อย หนูไปส่งเขาแล้วไม่มีที่จอดรถ เลยขับมาจอดที่บ้านเราค่ะ!”
ฉินเยว่เองก็จนคำพูดกับความคิดแปลกๆ ของพ่อแม่
หลังจากฟังจบเหล่าฉินกับจี้หรูอวิ๋นสบตากัน พลันอดถอนหายใจอย่างโล่งอกไม่ได้
จี้หรูอวิ๋นพูด “ฉันบอกแล้วว่าลูกสาวฉันไม่ใช่คนแบบนั้น คุณก็ไม่เชื่อ…”
ฉินเสี้ยวยวนกระแอมอย่างอึดอัด “ก็ผมเป็นห่วงไง”
ฉินเยว่มองบน “พ่อคะ แม่คะ นี่หนู…ยังไม่แต่งงานเลยนะ พ่อแม่ก็เข้าข้างเฉินชางแล้วเหรอ หนูแต่งงานไปจะขนาดไหน!”
ในหัวฉินเยว่จินตนาการถึงภาพหนึ่งโดยอัตโนมัติ ในอนาคตหลังจากเฉินชางทะเลาะกับเธอ ก็อยู่ที่บ้านพ่อแม่เธอไม่ไปไหน…
……
……
หลังจากเฉินชางกลับไปอาบน้ำเตรียมจะพักผ่อน จู่ๆ เสี่ยวหลินจากแผนกฉุกเฉินก็โทรมา
“หมอเฉินคะ รีบมาที่แผนกฉุกเฉินหน่อยค่ะ มีคนไข้ใส่ท่อช่วยหายใจไม่เข้า ตอนนี้ออกซิเจนในเลือดต่ำลงเรื่อยๆ แล้ว!”
เสียงของเสี่ยวหลินร้อนรนมาก
หลังจากเฉินชางได้ยินแล้วก็รีบพูดว่า “ได้ครับ ผมไปเดี๋ยวนี้เลย คุณโทรหาแผนกระบบทางเดินหายใจก่อน ดูว่าช่วยได้ไหม วันนี้ใครอยู่เวร”
เสี่ยวหลินพูด “วันนี้หมอสืออยู่เวรดึกค่ะ เธอจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ใส่ไปหลายครั้งก็ไม่สำเร็จ คนอื่นๆ ก็ลองใส่แล้ว แต่ก็ไม่เข้า ตอนนี้คนไข้หมดสติไปแล้วค่ะ…”
โชคดีที่ที่พักของเฉินชางใกล้โรงพยาบาลมาก วิ่งไปแค่ไม่กี่นาทีก็ถึงแล้ว
เขาลงจากตึกแล้ววิ่งไปทางโรงพยาบาลอย่างเร่งรีบ
ตอนนี้จู่ๆ เฉินชางก็รู้สึกว่าโชคดีที่เมื่อครู่นี้ตนใช้ยาบำรุงพลัง ไม่อย่างนั้นเมาขนาดนี้ อย่าว่าแต่ใส่ท่อช่วยหายใจเลย ทำอะไรก็ไม่ได้ทั้งนั้น
ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมหัวหน้าหลี่เป่าซานถึงไม่ดื่ม
นี่คือความรับผิดชอบอย่างหนึ่ง
เวลาที่เฉินชางใช้เดินทางไปถึงโรงพยาบาล ความจริงต่างจากเวลาในการประชุมแผนการรักษาฉุกเฉินไม่มาก
โดยทั่วไปแล้วหลังจากแผนกฉุกเฉินนัดประชุมแผนการรักษาด่วนกับแผนกอื่น แผนกอื่นจะต้องมาถึงภายในสิบนาที
และหลังจากเฉินชางวิ่งมาถึงโรงพยาบาล ก็ใช้เวลาประมาณห้าหกนาทีเท่านั้น
พอเฉินชางวิ่งหายใจหอบเข้ามา เสี่ยวหลินที่รออยู่หน้าประตูก็ยื่นเสื้อกาวน์ให้ หลังจากเฉินชางสวมเสร็จจึงเข้าไปในห้องฉุกเฉินทันที
เพิ่งเข้าไปก็ได้ยินสัญญาณเตือนของจอภาพคลื่นไฟฟ้าหัวใจดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เฉินชางได้ยินสัญญาณเตือนที่คุ้นเคยนี้ ก็อึ้งไปทันที!
เสียชีวิตแล้วเหรอ?!!
เขาเห็นชายวัยกลางคนคนหนึ่งนอนอยู่บนเตียง อ้วนมาก!
คนไข้นอนราบอยู่ตรงนั้น มองไม่เห็นคางด้วยซ้ำ เนื้อตรงหน้าท้องก็เป็นห่วงใหญ่ น้ำหนักกว่าหนึ่งร้อยห้าสิบกว่ากิโลกรัม
รูปร่างของชายวัยกลางคนไม่สูง เขานอนอยู่บนเตียงห้องฉุกเฉินโดยไม่รู้ชะตากรรม
เล่อเล่อยืนปั๊มหัวใจอยู่ข้างๆ อย่างต่อเนื่อง
ในขณะที่สือน่าคุกเข่าอยู่ตรงหัวเตียง เตรียมใส่ท่อช่วยหายใจ เหงื่อท่วมหน้าผาก จอนผมสองข้างเปียกโชก
ตอนนี้ตรงหัวเตียงยุ่งเหยิงไปหมด
รอบข้างยังมีหมออีกสองสามคน มองสือน่าอย่างร้อนใจ
เห็นได้ชัดว่าเจอปัญหาการใส่ท่อช่วยหายใจ
เฉินชางคิดถึงตรงนี้ พลันมองเสี่ยวหลินตามสัญชาตญาณ
เสี่ยวหลินรีบลุกขึ้นหยิบถุงมือมา เฉินชางใส่ถุงมือ สายตาจ้องจอภาพคลื่นไฟฟ้าหัวใจไม่กะพริบ
แม้บนจอภาพคลื่นไฟฟ้าหัวใจมีคลื่น แต่…เห็นได้ชัดว่าเป็นรูปคลื่นผิดจังหวะที่เกิดจากการปั๊มหัวใจ ไม่ใช่คลื่นจากการเต้นของหัวใจที่แท้จริง
ออกซิเจนในเลือดมีเพียงแค่แปดสิบแปด!
หัวใจหยุดเต้น!
สถานการณ์ของคนไข้อันตรายมาก…
เฉินชางมองลำคอของคนไข้ตามสัญชาตญาณ แล้วเข้าใจทันทีว่าทำไมถึงเป็นเช่นนี้
นี่คือรูปแบบของทางเดินหายใจที่ใส่ท่อช่วยหายใจลำบากอย่างแท้จริง
คนไข้ที่ลำคอสั้นมาพร้อมกับความอ้วนอย่างรุนแรงแบบนี้ เป็นคนไข้ที่คุณหมอทุกคนไม่อยากเจอ
นี่เป็นรูปแบบของทางเดินหายใจที่ใส่ท่อช่วยหายใจลำบาก!
แต่ไม่ใส่ท่อช่วยหายใจ ก็จะเชื่อมต่อกับเครื่องช่วยหายใจไม่ได้ ตอนนี้รับประกันระดับออกซิเจนในเลือดของคนไข้ไม่ได้ ไม่แน่ว่าคนไข้อาจจะเสียชีวิตได้ในเวลาไม่นาน…
ไม่ใช่สิ!
หรือพูดได้อีกอย่างว่าตอนนี้คนไข้ได้เสียชีวิตแล้ว และสิ่งที่บุคลากรทางการแพทย์ทำอยู่ตอนนี้ คือพยายามกู้ชีวิตเขากลับมา
ถึงอย่างไร…หัวใจก็หยุดเต้นไปแล้ว!