เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 635 ผมอยากดื่มจินจวิ้นเหมย
ช่วงประมาณห้าโมงเย็น เฉินชางได้รับสายจากฉินเสี้ยวยวน
เฉินชางมองโทรศัพท์มือถือ ลังเลอยู่นานมาก
ควรรับไหม
รับแล้วจะมีเรื่องไม่ดีอะไรเกิดขึ้นหรือไม่
หลังจากลังเลอยู่นาน สุดท้ายเฉินชางก็รับสาย ตัดสินใจหยั่งเชิงอย่างระมัดระวังก่อน “ฮัลโหล สวัสดีครับผู้อำนวยการ...”
ฉินเสี้ยวยวนฟังเสียงของเฉินชาง ก็รู้เลยว่าเจ้าหมอนี่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ตั้งนานแล้ว แต่ไม่ยอมรับสายเสียที
“อืม มาที่ห้องทำงานผมหน่อย เร็วๆ”
ฉินเสี้ยวยวนพูดประโยคนี้จบก็วางสายทันที มีมาดของผู้อำนวยการอย่างมาก ทำเอาในใจเฉินชางลนลาน
ฉินเยว่มองเฉินชางแวบหนึ่ง ถามอย่างประหลาดใจ “เกิดอะไรขึ้นคะ”
เฉินชางกลืนน้ำลาย กดเสียงต่ำพูด “คุณพ่อเราเรียกตัวผม!”
ฉินเยว่ชะงัก แทบหัวเราะออกมา “ไปสิ คุณเข้าไปก็พูดว่า ‘พ่อมีอะไรครับ’ ดูสิว่าปฏิกิริยาจะเป็นอย่างไร”
เฉินชางกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “ช่างเถอะ ผมยังอยากมีชีวิตอยู่นานกว่านี้หน่อย”
หลังจากพูดจบ เฉินชางก็ถอนหายใจแล้วลุกขึ้นเดินไปทางตึกอำนวยการ
หลังจากเคาะประตู เขาก็พบว่าประตูถูกตนเคาะจนแง้มออก เห็นได้ชัดว่าเหล่าฉินเปิดประตูไว้ให้ตน
ว่าไม่ได้เชียว ตอนนี้เฉินชางถือว่าคุ้นชินกับห้องทำงานผู้อำนวยการแล้ว มาตั้งหลายรอบแล้ว
ดั่งคำที่ว่าครั้งแรกไม่คุ้นเคย ครั้งที่สองคุ้นชิน ครั้งที่สามเปิดประตูต้อนรับ
ฉินเสี้ยวยวนเห็นเฉินชางเข้ามาพลันเผยรอยยิ้ม “นั่งก่อน ผมชงชาให้ ชาปี้หลัวชุนหรือชาหลงจิ่งดี”
หลังจากเฉินชางได้ยินแล้วเพ่งสมาธิทันที วิเคราะห์อย่างจริงจัง
หรือชาสองชนิดนี้ มีความหมายอะไรแอบแฝง
ชาปี้หลัวชุน
ชาหลงจิ่ง!
เป็นชาเขียวทั้งนั้น…หรือ…มีความหมายอื่นแอบแฝง
เฉินชางยิ้มอย่างอึดอัด “มีจินจวิ้นเหมยไหมครับ”
ฉินเสี้ยวยวนชะงักไปทันที “หืม? ไม่ชอบชาเขียวเหรอ ชาเขียวดับร้อน ผมว่าคุณร้อนใจมากนะครับ”
เฉินชางยิ้มกระอักกระอ่วน “ช่วงนี้ความเย็นรุกกระเพาะอาหาร คุณหมอให้ผมดื่มอะไรอุ่นๆ…”
อืม!
เฉินชางรู้สึกว่า บทสนทนาสองประโยคก่อนหน้านี้มีระดับมาก!
เหมือนคุยเรื่องชา ความจริงกลับเป็นสงครามอย่างแท้จริง
ฉินเสี้ยวยวนยิ้ม หยิบจินจวิ้นเหมยกล่องหนึ่งออกมา ชงให้เฉินชาง
เจ้าหมอนี่เห็นที่นี่เป็นบ้านแล้วจริงๆ เหรอ
ฉินเสี้ยวยวนอดยิ้มไม่ได้ หยิบจินจวิ้นเหมยออกมากำลังจะชง
จู่ๆ เขาก็รู้สึกเหมือนมีอะไรผิดปกติ ทันใดนั้น…ก็พูดอย่างประหลาดใจ “คุณรู้ได้อย่างว่าที่ผมมีชาแดง”
เฉินชางหลุดปากออกมา “อ้อ! เมื่อวานฉินเยว่บอกว่าคุณเอาจินจวิ้นเหมยที่บ้านมาที่โรงพยาบาล”
พูดจบเฉินชางก็เสียใจภายหลังขึ้นมาทันที!
อยากตบปากเสียเหลือเกิน
ฉินเสี้ยวยวนเกือบเทชาที่เพิ่งชงลงถังขยะ!
ยัยเด็กใจดำคนนี้ อะไรบ้างที่ไม่บอกเฉินชาง
เรื่องราวทุกอย่างในบ้านถูกยัยเด็กทรยศคนนี้เปิดเผยไปทั้งหมดแล้ว
……
หลังจากนั่งลง ฉินเสี้ยวยวนรู้สึกว่าตนเองควรเข้าเรื่อง
ไม่อย่างนั้นถ้ารู้ข่าวอื่นๆ จากปากเฉินชางอีกเขาคงโกรธตายแน่
“คือ เสี่ยวเฉิน ช่วงบ่ายวันนี้ผมจัดประชุมหนึ่งขึ้นมา อยากคุยกับคุณหน่อย ฟังความคิดของคุณดูหน่อย” ฉินเสี้ยวยวนพูดตรงๆ
“ความจริง ผมมีเรื่องอะไรจะคุยกับคุณตรงๆ นะ ไม่อ้อมค้อมแล้ว
พูดตามตรง ความไวในการพัฒนาของคุณเหนือกว่าที่ผมจินตนาการมาก ศักยภาพของคุณในตอนนี้มากขึ้นเรื่อยๆ ยังไม่พูดถึงเรื่องของศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์แผนกศัลยกรรมมือ สำหรับแผนกศัลยกรรมหัวใจคุณก็เป็นตัวแทนของตงหยางในการเข้าร่วมการแข่งขันระดับประเทศ ถ้าได้ที่หนึ่งขึ้นมา จะต้องมีโรงพยาบาลมากมายมาหาคุณแน่
โรงพยาบาลอันดับสองก็เช่นกัน แน่นอนว่าจะต้องบ่มเพาะคุณเป็นพิเศษ
เนื้อหาหลักของการประชุมในวันนี้คือ ในปีหน้า โรงพยาบาลจะสร้างตึกฉุกเฉินที่สูงอย่างน้อยแปดชั้น อยากให้คุณเป็นหัวหน้า”
คำพูดนี้เบาแผ่ว แต่กลับทำให้เฉินชางมึนงงไปทันที
นี่ไม่ใช่แค่บริหารจัดการแผนกหนึ่งแล้ว นี่มันดูแลทั้งตึก!
พูดตามตรงก็คือเป็นหัวหน้าของหลายแผนก!
ความสำคัญนี้ไม่ธรรมดาเลย!
คิดถึงตรงนี้ เฉินชางอดพูดไม่ได้ “เอ่อ…ผู้อำนวยการฉินครับ ตำแหน่งสูงไปหรือเปล่าครับ ผมจะทำได้ไหม”
ฉินเสี้ยวยวนเลิกคิ้ว “ทำไมจะไม่ได้ กัวอวิ๋นเฟยก็เป็นหัวหน้าแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลหลอดเลือดหัวใจไม่ใช่เหรอ คุณแย่กว่าเขาเหรอ”
เฉินชางขมวดคิ้ว “ผมไม่ได้หมายถึงความสามารถของผมไม่เพียงพอ แต่…เรื่องนี้คงไม่ผ่านมติการประชุมง่ายๆ ถึงอย่างไร…นี่ก็เป็นตำแหน่งที่สำคัญไม่น้อยเลย! แค่ให้เป็นธุรการยังทะเลาะกันเลย นับประสาอะไรกับหัวหน้าตึกหนึ่ง อย่างน้อยก็ต้องให้รองผู้อำนวยการควบตำแหน่งไหมครับ”
ฉินเสี้ยวยวนยิ้ม “บอกคุณแบบนี้แล้วกัน ถ้าโรงพยาบาลอันดับสองไม่เสนอเงื่อนไขนี้ คุณจะอยู่ต่อเหรอ”
“พูดตรงๆ ตอนแรกจะมีหรือไม่มีคุณก็ไม่เป็นไร เป็นแค่หมอตัวเล็กๆ คนหนึ่ง แต่คุณในตอนนี้จะเทียบกับตอนนั้นได้เหรอ จริงๆ แล้วไม่ได้หมายความว่างานธุรการง่ายและไม่ได้หมายความว่าตำแหน่งหัวหน้าจะยาก แต่ขึ้นอยู่กับว่าคุณมีมูลค่าเท่าไหร่ ก็จะมีเวทีที่ยิ่งใหญ่เท่านั้น คุณเข้าใจความหมายของผมไหม”
คำพูดนี้ของฉินเสี้ยวยวนทำให้เฉินชางเงียบไปโดยตรง
จริงอย่างที่ฉินเสี้ยวยวนพูด อย่างเช่นครั้งก่อนตอนที่ศาสตรจารย์ทังกับพวกหวังอวี้ซานหารือเรื่องการร่วมมือกับโรงพยาบาลอันดับสอง พวกเขาชี้ตัวว่าหากเฉินชางไม่เป็นหัวหน้าก็จะไม่ร่วมมือ
นี่เห็นได้ชัดว่าพวกเขายอมรับคุณค่าของเฉินชาง
ในสังคม ฐานะและตำแหน่งของคุณ เป็นสัดส่วนมูลค่าในตัวคุณเสมอมา
ส่วนมูลค่าของคุณ ก็เป็นค่าตัวของคุณ และเป็นมูลค่าเบื้องหลังคุณได้ (ขีดเส้นใต้จุดสำคัญนี้!)
ฉินเสี้ยวยวนถอนหายใจ “ความจริงโรงพยาบาลอันดับสองก็คือเวทีที่ใหญ่เพียงเท่านี้ ขีดจำกัดไม่สูง ต่างจากพวก…โรงพยาบาลอันเจินมาก ตอนแรกผมคิดว่าหลังจากคุณแต่งงานกับเยว่เยว่ อีกหน่อยค่อยๆ เลื่อนตำแหน่งไป ต่อไปให้คุณเป็นผู้อำนวยการก็ไม่มีปัญหา แต่ตอนนี้ผมรู้สึกว่า โรงพยาบาลอันดับสองไม่เพียงพอสำหรับคุณแล้ว แม้คุณไม่อยากไป ผมก็ต้องไล่คุณไป”