เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 638 เรื่องราวแปลกประหลาดขึ้นมา
หลังจากเข้าห้องฉุกเฉิน เฉินชางอุ้มหญิงสาววนรอบเตียงทันที
หญิงสาวไม่หนัก ให้ความรู้สึกเป็นหญิงสาวที่ว่านอนสอนง่าย
เฉินชางถามต่อ “นอกจากแขนขาอ่อนแรง มือชา มีอาการอื่นอีกไหมครับ”
หญิงสาวส่ายหน้า “ใจสั่นนิดหน่อยค่ะ ใจสั่นอยู่บ่อยๆ แต่…ฉันคิดว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยว เพราะเมื่อก่อนนอนดึกบ่อย”
เฉินชางลังเลครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดกับเสี่ยวหลิน “ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจกับน้ำตาลในเลือดหน่อยครับ”
เสี่ยวหลินรีบลุกขึ้น เข็นเครื่องตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจมา
ไม่นานผลตรวจน้ำตาลในเลือดก็ออกมา 7.9 !
แม้คนไข้บอกว่าตนกินข้าวไปนิดหน่อย ไม่มีทางเป็นภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ อีกทั้งเฉินชางยังรู้สึกว่าความเป็นไปได้นี้ต่ำมากอยู่ แต่เพื่อความปลอดภัยก็ยังคงต้องตรวจ
และตอนนี้เอง เฉินชางก็ไม่ได้อยู่เฉย ถามคำถามตอนที่อยู่ข้างนอกซ้ำอีกครั้ง
เพียงแต่ครั้งนี้ คำตอบแตกต่างตามคาด
“ฉัน…เมื่อก่อนฉันดื่มแอลกอฮอล์บ่อย”
เฉินชางอึ้ง “เอ่อ นอกจากดื่มแอลกอฮอล์ มีความเคยชินอื่นอีกไหมครับ”
ขณะนี้เล่อเล่อเริ่มตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจให้หญิงสาวแล้ว เฉินชางอยู่ด้วย อีกฝ่ายก็ไม่ได้หลีกเลี่ยง กลับเฉยเมยมาก
และเฉินชางเองก็ไม่ได้ถอยหนี เพราะแค่นี้เรื่องเล็กน้อยมาก
แม้แผนกฉุกเฉินก็มีสถานการณ์ร้องเรียนเพราะหมอผู้ชายตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจให้คนไข้หญิง แต่…ถึงอย่างไรก็น้อยมาก
คนส่วนใหญ่ที่มาหาหมอ ก็ไม่ได้เกี่ยงเรื่องพวกนี้
ดั่งคำที่ว่า คนป่วยไม่เกี่ยงหมอ!
ไม่นาน ผลการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจก็ออกมา ช่วง ST ต่ำลง ไม่เป็นจังหวะ มาพร้อมกับอัตราการเต้นที่ไวถึงแปดสิบสี่ครั้งต่อนาที ระยะของการเริ่มมีสัญญาณไฟฟ้าสั้นลง…
เฉินชางดูผลตรวจแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย จากการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจนี้ไม่มีปัญหาใหญ่อะไร แต่…
จู่ๆ เฉินชางก็ถามเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ “ประจำเดือนคุณมาปกติไหมครับ”
สีหน้าของหญิงสาวเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด “เกี่ยวเหรอคะ”
เฉินชางพยักหน้าอย่างจริงจัง ก่อนจะพูดว่า “อืม เกี่ยวครับ”
จู่ๆ หญิงสาวก็พูดว่า “เดือนกว่า…ไม่ได้มานานแล้วมั้ง แต่…ประจำเดือนฉันไม่เคยตรงอยู่แล้ว”
เฉินชางถามต่อ “มีเพศสัมพันธ์ไหมครับ”
หญิงสาวอึ้งไปทันที “แน่นอนสิคะ”
เฉินชางขานรับว่าครับ “ความจริงตอนนี้ผมแนะนำให้คุณอัลตราซาวด์ ดูว่าตั้งครรภ์หรือเปล่า”
หญิงสาวขมวดคิ้ว “ไม่จำเป็นค่ะ สิ่งที่ฉันอยากถามตอนนี้คือ ที่แขนขาฉันอ่อนแรงจะเป็นอะไรไหม”
ความจริง ในหัวเฉินชางปรากฏหลายความเป็นไปได้
“คุณมีประวัติโรคติดเชื้อเช่นตับอักเสบและวัณโรคไหมครับ”
“ไม่มีค่ะ!”
“กินยาหรืออะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าครับ”
หญิงสาวยังคงส่ายหน้า
เฉินชางเห็นแบบนี้ก็ลำบากใจขึ้นมา
คนไข้เริ่มต่อต้านเล็กน้อยแล้ว ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ อยากวินิจฉัยอย่างแม่นยำก็ยากหน่อย
แต่เฉินชางยังพยักหน้าพูด “อืม เอาอย่างนี้ ตอนนี้หลักๆ คุณแขนขาอ่อนแรง ผมแนะนำให้ไปบันทึกคลื่นไฟฟ้ากล้ามเนื้อและบันทึกความเร็วชักนำของเส้นประสาทสั่งการเพื่อดูสถานการณ์ก่อน จากนั้นเจาะเลือด ตรวจโรคทั่วไป…”
ครั้งนี้หญิงสาวไม่ได้ปฏิเสธ
จากนั้นเฉินชางจึงให้เสี่ยวหลินไปติดต่อการตรวจ
หมอเวรดึกมีแค่คนเดียว แต่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าทุกคนยังไม่นอน หลังจากเฉินชางโทรติด ก็เข็นคนไข้ไปตรวจด้วยตัวเอง
ในโถงแผนกฉุกเฉินตอนนี้ ทั้งสองครอบครัวล้วนกำลังเป็นห่วงอาการของคนไข้
“เฮ้อ เจียเจียลูกสาวฉันเป็นคนซื่อเกินไป มีอะไรก็ไม่ค่อยพูดตั้งแต่เด็กเลย ฉันว่าช่วงนี้คงเหนื่อย” หญิงวัยกลางคนถอนหายใจ “ถึงอย่างไรสุขภาพของฉันกับพ่อเขาก็ดีมาก ผลการตรวจสุขภาพปีที่แล้วปกติทุกอย่าง!”
ชายหนุ่มคนนั้นชื่อเถียนเจิ้น เขาพยักหน้ารับ “อืม ผมเองก็คิดว่าไม่เป็นไร ไม่แน่อาจจะน้ำตาลในเลือดต่ำ”
ความจริงเขากับเจียเจียรู้จักกันมาแค่เดือนกว่าโดยญาติแนะนำมาอีกที ซึ่งก็คือที่เรียกว่านัดบอดนั่นเอง
ชายหนุ่มต้องแต่งภรรยา หญิงสาวต้องออกเรือนก็เป็นเรื่องปกติ เมื่อถึงช่วงอายุหนึ่ง ทุกคนก็หลีกเลี่ยงเรื่องนี้ไม่ได้
อีกอย่าง เจียเจียคนนี้ก็นิสัยซุกซนมาก น่าเอ็นดู เรียนจบจากสหรัฐอเมริกา
เมื่อเป็นการแนะนำโดยญาติ ทุกคนต่างคิดว่าค่อนข้างเชื่อถือได้
พอได้ศึกษากันก็เข้ากันได้ดีมาก
ผ่านไปเดือนกว่า ความสัมพันธ์ของทั้งสองก็พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง เถียนเจิ้นโตกว่าหญิงสาวสามปี
หลังจากเข้ากันได้ พ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายก็ตัดสินใจเจอกัน
จึงมีการนัดกินข้าวในวันนี้
จู่ๆ แม่ของหญิงสาวก็พูดขึ้น “ลูกสาวก็ไม่ใช่เด็กๆ แล้ว อยากรีบแต่งงาน จัดงานให้เสร็จ คุณย่าเขาอายุมากแล้ว อยากทำตามความปรารถนาของท่าน”
ความจริงพ่อแม่ฝ่ายชายอยากให้ทั้งสองศึกษาดูใจกันอีกสักหน่อย ทว่าเห็นแก่ที่ลูกชายชอบผู้หญิงคนนี้มาก จึงยิ้มพูด “ยังไงก็ต้องถามความคิดเห็นของเด็กๆ”
เถียนเจิ้นเองก็ไม่เด็กแล้ว ควรแต่งงานแล้ว จึงไม่ได้พูดอะไร
แม้ตั้งแต่รู้จักกัน คบหาดูใจกันจนถึงตอนนี้แค่เดือนกว่า แต่ฝ่ายหญิงสวยขนาดนี้ และยังจบจากต่างประเทศ เถียนเจิ้นชอบมาก
พ่อแม่ฝ่ายชายหัวโบราณกว่า รับการแต่งงานสายฟ้าแลบแบบนี้ไม่ได้ พลันพูดอย่างเป็นห่วง “หรือไม่ก็ศึกษาดูใจกันไปก่อน ถึงยังไงประสบการณ์การศึกษาและชีวิตของทั้งสองก็ไม่เหมือนกัน อยู่ด้วยกันไวขนาดนี้ เกรงว่าแต่งแล้วมีความขัดแย้งอะไรตามมา”
สุดท้ายจู่ๆ พ่อแม่ฝ่ายหญิงก็หัวเราะขึ้นมา “ฮ่าๆๆ เด็กสมัยนี้วู่วาม คิดไวทำไว เจอคนที่เหมาะสมก็อยากแต่งงาน แต่ที่คุณพูดก็ถูก ศึกษาดูใจกันไปก่อนก็ได้ แต่วันหลังเถียนเจิ้นมาเที่ยวที่บ้านนะคะ ไปเยี่ยมคุณย่าสักหน่อย แต่สมัยเรา ความจริงก็คนอื่นแนะนำให้รู้จักกัน หลังจากนั้นไม่นานก็แต่งงานกัน นี่ก็อยู่ด้วยกันมาครึ่งชีวิตแล้ว ก็ถือว่าดีมากนะ!”
ความจริงสำหรับทุกคน คนที่ญาติพี่น้องหรือเพื่อนสนิทแนะนำ ทุกคนก็มักจะรู้สึกว่าเชื่อถือได้มากกว่า
ถึงอย่างไรนี่ก็หมายถึงการรู้เบื้องลึกเบื้องหลัง ไม่มีการหลอกลวงกัน
ตอนนี้จู่ๆ ฝ่ายหญิงก็ป่วย ใครก็ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
พ่อของเถียนเจิ้นลุกขึ้นพร้อมรอยยิ้ม “อยากบุหรี่แล้ว ผมออกไปสูบบุรี่ก่อนนะครับ”
พูดจบเขาก็ส่งสายตาให้เถียนเจิ้น ก่อนจะลุกขึ้นเดินนำออกไปก่อน
เถียนเจิ้นยิ้ม “ผมก็ไปสูบบุหรี่สักมวนก่อนครับ”
หลังจากออกมา จู่ๆ พ่อของเถียนเจิ้นก็ถามว่า “แกรู้จักผู้หญิงคนนี้แค่ไหน”
เถียนเจิ้นชะงัก ก่อนจะเผยรอยยิ้ม “พ่อ ป้าแนะนำมาไม่ใช่เหรอ ป้าบอกว่าเชื่อถือได้ ผมก็ไม่ได้คิดอะไรมาก แต่หนึ่งเดือนที่ผ่านมาถือว่าเข้ากันได้ดีนะครับ”
ชายวัยกลางคนพยักหน้า “พ่อรู้สึกว่าอย่าเพิ่งเร่งรีบแต่งงานดีกว่า จริงสิ…เคยมีอะไรกันไหม ท้องหรือเปล่า”
เถียนเจิ้นยิ้มอย่างอึดอัด หัวเราะฮ่าๆ “เจียเจียค่อนข้างหัวโบราณ บอกว่าหลังจากพ่อแม่คุยกันแล้ว ถึงจะทำได้ เจียเจียคงไม่ใช่คนมั่ว พ่อคิดมากไปแล้ว…”
ชายวัยกลางคนยิ้ม “อืม แกก็ระวังไว้หน่อย เอาอย่างนี้ พ่อรู้สึกว่าเรื่องแต่งงานเลื่อนออกไปอีกหน่อย อย่างน้อยก็ศึกษาดูใจกันสักสามเดือนหรือครึ่งปี ถึงตอนนั้นค่อยว่ากัน”
แม้เถียนเจิ้นจะขมวดคิ้ว แต่ก็รู้สึกว่าที่พ่อพูดมีเหตุผล พลันพยักหน้า “ได้ ผมจะคุยกับเจียเจีย”
ชายวัยกลางคนขานรับว่าอืม “แกควรจะมีความคิดเป็นของตัวเองหน่อย อย่าคิดว่าเป็นคนที่ป้าแนะนำให้ก็จะเชื่อถือได้”