เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 662 แข่งกับความเป็นความตาย (1)
ตลอดทาง ซือหยางชวนคุยประมาณว่าเมื่อคืนนอนหลับสบายหรือเปล่า บอกเล่าจุดเด่นบางอย่างของเมืองหลวงเหมือนเพื่อนทั่วไป ส่วนเรื่องงานกับเรื่องที่เฉินชางได้รางวัล เขาไม่พูดถึงแม้แต่คำเดียว
เฉินชางถามอย่างสงสัย “ผู้จัดการซือ ศูนย์ฉุกเฉินเมืองหลวงเป็นยังไงบ้างครับ”
ซือหยางนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งแล้วจึงพูดแบบนี้ “ศูนย์ฉุกเฉินเมืองหลวง ให้พูดตรงๆ ก็คือเป็นจุดรวมศูนย์ฉุกเฉินของเมืองหลวง เขาติดต่อร่วมมือกับโรงพยาบาลเป็นร้อย กลายเป็นเครือข่ายฉุกเฉินเครือข่ายหนึ่ง”
“เลือกโรงพยาบาลที่เหมาะที่สุดไปกู้ชีพตามอาการของผู้ป่วย ความรับผิดชอบใหญ่หลวง”
“ความสามารถเฉพาะทางเขาอาจจะไม่ได้เก่งที่สุดในเมืองหลวง แต่หน้าที่ของเขากลับเป็นสิ่งที่ทั้งเมืองหลวงขาดไม่ได้ ในขณะเดียวกัน ความสามารถในการกู้ชีพของเขาก็ไม่เป็นสองรองใคร!”
คำพูดของซือหยางทำให้เฉินชางมีแนวคิดเบื้องต้น รถของซือหยางมาถึงริมทางม้าลาย เขาชี้ให้เฉินชางดู “ตรงนั้นครับ ตึกสามหลังสิบแปดชั้น เห็นหรือยังครับ”
เฉินชางตั้งใจดู บนป้ายขนาดมหึมาเขียนไว้ว่าศูนย์ฉุกเฉินเมืองหลวง อาคารฉุกเฉินสามหลังตั้งเข้าหากันเป็นรูปสามเหลี่ยม ทำให้เฉินชางตกตะลึงอย่างห้ามไม่ได้ สร้างศูนย์ฉุกเฉินศูนย์หนึ่งใหญ่โตขนาดนี้ได้ มองจากแค่จุดเล็กๆ ก็เห็นภาพใหญ่!
พอลงจากรถ เพราะยังไม่ถึงเวลาที่กำหนดไว้ เฉินชางจึงตัดสินใจไปดูว่าห้องฉุกเฉินที่นี่มีลักษณะอย่างไร แต่เพิ่งเดินไปก็ได้ยินเสียงสัญญาณรถฉุกเฉินแสนรีบร้อนดังขึ้นลงเป็นจังหวะ หมอกู้ชีพผู้ป่วยไม่ขาดสายอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย มองพริบตาแรกอย่างกับตลาดสดสักที่หนึ่ง
แต่เฉินชางกลับรับรู้ได้ว่าความจริงแล้วแต่ละทีมต่างจัดการกู้ชีพอย่างเป็นระเบียบ ตั้งแต่รับการมาถึงห้องกู้ชีพ ช่วยตรวจดู ขอปรึกษาเคส จนเตรียมผ่าตัดในที่สุด
ทั้งกระบวนการทำให้เฉินชางดูแล้วรู้สึกตื่นเต้นมาก!
จนกระทั่งถึงตอนแปดโมง เฉินชางไปหาเจ้าหน้าที่เพื่อรายงานตัวตามการแจ้งเตือน ต่อมาก็ถูกพาไปยังกลุ่มกลุ่มหนึ่ง
“นี่คือเฉินชาง วันนี้เขาจะตามพวกคุณไปดำเนินการกู้ชีพ…” เจ้าหน้าที่แนะนำเฉินชาง บอกเรื่องที่ต้องระวังในวันนี้ให้ฟัง ทุกคนต่างก็มาจากแผนกศัลยกรรมหัวใจ ต่างรู้เรื่องพวกนี้
“สวัสดีครับ ผมหลี่เหว่ยเยี่ยนครับ เป็นหัวหน้าทีมทีมนี้ ทีมพวกเรามีสมาชิกทั้งหมดสี่คน หลักๆ แล้วรับผิดชอบงานกู้ชีพศัลยกรรมหัวใจ วันนี้อาจจะค่อนข้างลำบาก”
หลี่เหว่ยเยี่ยนเป็นชายอายุเกือบสี่สิบคนหนึ่ง รูปร่างสูงปานกลาง ใส่แว่นตากรอบดำ ไม่เหมือนหมอแต่เหมือนโปรแกรมเมอร์ ดูไปแล้วก็เข้มงวดดี
ทีมกู้ชีพก็เริ่มปฏิบัติงานใหญ่น้อยต่างๆ ไม่หยุดเหมือนสปริงที่ขันเกลียวแน่นเส้นหนึ่ง
ตั้งแต่แนะนำตัวเสร็จตอนแปดโมง หลี่เหว่ยเยี่ยนก็ได้ยินเสียงแว่วมาจากเคาน์เตอร์พยาบาล: ทีมสามสิบสองถนนเฉาหยางเกิดอุบัติเหตุรถยนต์…รีบจัดการกู้ชีพ
เฉินชางติดรถออกไป สถานการณ์ผู้ป่วยยังดีอยู่ บาดแผลภายนอก สัญญาณชีพคงที่ ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่ ทั้งห้าคนต่างยุ่งไม่ได้หยุดตลอดเช้า
ตอนเที่ยง หลี่เหว่ยเยี่ยนเลี้ยงข้าวกล่องเฉินชาง นี่เป็นข้าวกล่องที่พวกเขาได้เป็นพิเศษ ปริมาณมากพอกินอิ่ม แต่ขนาดแพทย์หญิงคนเดียวในทีมอย่างถังหลิงหลิงยังกินไปสองกล่องเต็มๆ
งานที่มีความกดดันสูงผลาญพลังงานอย่างมหาศาล
พอเฉินชางเห็นศูนย์ฉุกเฉินแห่งนี้แล้ว จู่ๆ ก็รู้สึกว่างานของโรงพยาบาลอันดับสองออกจะเงียบสงบจริงๆ
ไม่ได้เป็นการบอกว่าทีมสามสิบสองที่เขาอยู่เหนื่อยกว่า ตรงกันข้าม เฉินชางก็รู้สึกได้ว่าตอนที่แบ่งหน้าที่ศูนย์ฉุกเฉิน สิ่งที่ทีมสามสิบสองทำได้และไปกู้ชีพ หลักๆ แล้วต่างเป็นเคสคงที่ ผู้ป่วยอาการไม่หนัก การผ่าตัดเพียงครั้งเดียวในตอนเช้าเป็นผู้ป่วยที่เอออร์ตาส่วนลงเลือดออกเพราะอุบัติเหตุรถยนต์
อย่างกับทีมสามสิบสองนี้ไม่ได้เป็นทีมกู้ชีพที่ฉุกเฉินอาการสาหัส แต่คิดไปก็ใช่ ทีมกู้ชีพที่ด่วนเป็นพิเศษพวกนั้น เราอาจจะ…เข้าไปยุ่งไม่ได้อยู่แล้ว
และเช้าวันนี้ ความสามารถของเฉินชางก็ถือว่าทำให้หลายคนทึ่ง
เวลาทดสอบมีเพียงหนึ่งวัน จบลงตอนหกโมงเย็น จู่ๆ เฉินชางก็เริ่มกังวล ทีมแบบนี้ผ่านการทำลายล้างของบอสระดับราชาได้เหรอ
ตอนเที่ยง งานกู้ชีพอันบีบคั้นเริ่มคลี่คลายลงบ้าง หลี่เหว่ยเยี่ยนบอกเฉินชางว่าปกติช่วงที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยกับช่วงที่ยุ่งที่สุดจะเป็นเช้าตรู่กับกลางคืน บางครั้งพวกเขารู้สึกว่าหลังเลิกงานถึงเป็นเวลาทำงานจริงๆ
นี่ทำให้ทุกคนไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
เฉินชางมีภูมิหลังจากแผนกฉุกเฉินจึงทำให้ทุกคนรู้สึกดีด้วยมาก ในขณะที่ทุกคนกำลังจะพักอยู่นี้เอง จู่ๆ เสียงสัญญาณฉุกเฉินก็ดังขึ้น
“ช่วยด้วย! มีฆาตกร!”
พอคำพูดนี้ดังขึ้น ก็สร้างความวุ่นวายไปทั้งแผนกฉุกเฉินทันที
ทั้งสี่คนหน้าเปลี่ยนสี รีบโฉบเข้าไปข้างใน!
ทันทีที่พวกเขาเข้ามาก็เห็นว่าตรงเคาน์เตอร์พยาบาลมีผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ ในมือถือมีดปอกผลไม้แทงเข้าไปที่หน้าอกของพยาบาลคนหนึ่ง ทันใดนั้นทั้งเคาน์เตอร์พยาบาลก็ส่งเสียงหวีดร้องด้วยความตกใจ
เดิมทีเพราะเป็นช่วงเที่ยงอยู่แล้ว ในโถงมีคนไม่มาก พวกพยาบาลจึงนั่งกินข้าวอยู่ที่นั่น ใครจะคิดได้ว่าจู่ๆ จะมีเรื่องไม่คาดฝันเช่นนี้ขึ้นมา!
หลังจากดึงมีดที่แทงเข้าไปในหน้าอกออก เลือดสดๆ ก็กระฉูดออกมาย้อมเคาน์เตอร์พยาบาลด้านหน้าให้เป็นสีแดงทันที เลือดสดๆ พุ่งเข้าไปในกล่องข้าวตรงหน้า ย้อมหมั่นโถวที่กัดไปครึ่งลูกนั้นให้เป็นสีแดง!
ทุกคนต่างหวีดร้องตกใจขึ้นมา ชายคนนั้นยืนสีหน้าชั่วร้ายอยู่ตรงนั้น หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “ฆ่าคนชดเชยชีวิต! แบบนี้สมควรแล้ว พ่อฉัน เป็นเพราะพวกแกทั้งนั้น!”
ขณะที่แกว่งมีดในมือ ยามที่อยู่รอบๆ ก็ยืนอยู่ด้านหนึ่งไม่กล้าเคลื่อนไหว
ด้านเฉินชางเห็นภาพนี้เข้าก็หน้าเปลี่ยนสีทันที! พยาบาลยังไม่ตาย แต่สถานการณ์แบบนี้จะทนได้นานแค่ไหนกัน จุดที่แทงเข้าไปก็คือหน้าอกข้างซ้าย ดูจากเลือดสดๆ ที่กระฉูดออกมา สถานการณ์วิกฤตมาก จะชักช้าไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว
แต่คนที่อยู่รอบๆ กลับไม่มีใครกล้ากระโจนเข้าไป!
เลือดร้อนระอุผุดขึ้นในหัวใจเฉินชาง เขาใช้ยาบำรุงพลังแล้วถลาออกไปทันที
ตอนนี้ชายคลุ้มคลั่งกำลังแกว่งมีด ท่าทางไม่หวั่นกลัวสิ่งใด
แต่เฉินชางว่องไวมาก หลังจากเขาวิ่งเข้าไป ชายที่ยิ้มเหี้ยมเกรียมคนนั้นเห็นเข้าก็แกว่งมีด แม้ว่าเฉินชางจะแรงเยอะ แต่ก็ไม่ค่อยมีเรื่องทะเลาะวิวาท ทำได้เพียงใช้แขนขวางไว้ แขนข้างหนึ่งคว้าแขนของชายคนนั้น พอออกแรงบิดก็มีเสียงกร๊อบแว่วมาทันที จากนั้นก็ตามด้วยเสียงโหยหวนเจ็บปวดหัวใจ
เฉินชางยังไม่พอใจ ใช้เท้าข้างหนึ่งเตะชายคนนั้นจนกระเด็นออกไปเจ็ดแปดเมตร ทุกคนอึ้งเหม่อไปทันที!
ยามที่อยู่รอบๆ เห็นว่ามีดของชายคนนั้นตกลงไปกับพื้นแล้วจึงรีบกระโจนออกมาจับผู้ชายคนนั้นกดไว้กับพื้นอย่างแรงทันที ทว่าตอนนี้เขาหมดสติไปแล้ว!
วินาทีนี้เฉินชางไม่มีเวลาไปวุ่นวายกับชายคนนั้น เขาก้มตัวลงไปอุ้มพยาบาลที่รูปร่างพอๆ กับเล่อเล่อขึ้นมาทันทีแล้วร้องตะโกนเสียงดังลั่นว่า “ห้องผ่าตัด!”
“รีบไปห้องผ่าตัด!”
ในที่สุดคนที่อยู่รอบๆ ก็กลับสู่สภาวะปกติ เริ่มการกู้ชีพอย่างเป็นระเบียบทันที!
ด้านหลี่เหว่ยเยี่ยนจ้องมองเฉินชาง เขากำลังจะพูดอะไรก็ถูกเฉินชางคำรามใส่ทันทีจนงุนงง เขาเห็นแววตาของเฉินชางหนักแน่นหาใดเทียบ ไม่ต้องกังขาเลยสักนิด!
“รีบไปเตรียมห้องผ่าตัด!”