เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 672 ทำไมถึงได้คะแนนเต็ม
ภายในงานวันนี้ ไม่ได้เต็มไปด้วยความสุขเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว
ทุกคนโกรธเคือง นั่งอยู่ตรงนั้น คุยถึงเรื่องที่เกิดขึ้นที่ศูนย์ฉุกเฉินวันนี้
เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
ผู้เข้าแข่งขันอย่างพวกเมิ่งซีล้วนทยอยกลับมากันแล้ว แม้พวกเขาจะนั่งรอบนเก้าอี้อย่างใจเย็น แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความคิดว้าวุ่น
ตอนที่เฉินชางออกไปเตรียมจะโบกรถ โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น
ซือหยางโทรมา
‘ฮัลโหล เฉินชาง คุณกลับโรงแรมหรือยัง’
เฉินชาง “ผมอยู่หน้าประตูศูนย์ฉุกเฉินครับ กำลังจะไป”
ซือหยางยิ้ม “บังเอิญจัง ผมก็อยู่แถวนั้น รอผมสองนาที ผมไปส่งคุณ”
สองนาทีหลังจากนั้น รถของซือหยางจอดข้างถนน หลังจากเฉินชางขึ้นไปก็รีบขอบคุณ
จู่ๆ ซือหยางก็พูดว่า “ผมได้ยินว่าวันนี้เกิดเรื่องนิดหน่อย”
เฉินชางพยักหน้า “อืม ใช่ครับ”
ซือหยางฟังถึงตรงนี้ พลันถามอย่างตื่นเต้น “เรื่องใหญ่ไหมครับ”
เฉินชางรู้สึกโชคดีเล็กน้อย “ไม่เป็นไรครับ กู้ชีพได้ทันเวลา!”
หลังจากซือหยางได้ยินแล้วก็โกรธจนก่นด่า “สารเลวพวกนี้ หน้าไม่อายจริงๆ”
เฉินชางถอนหายใจ “ภาระหนักหน่วง”
ซือหยางเองก็ส่ายหน้าอย่างเหลืออด “หลังจากเรียนจบ ผมทำงานที่วิทยาลัยการแพทย์ห้าปี อดทนอดกลั้นมาห้าปี ผมทนไม่ไหวแล้ว เพราะมีโอกาสจึงทำให้ได้เข้าสู่วงการอุตสาหกรรมอุปกรณ์ จากนั้นก็เข้าไปอยู่บริษัทเมดโทรนิค ผมทำงานอยู่หกปีถึงได้มาเป็นผู้จัดการของจีนตะวันออก
“ตอนแรกผมคิดว่าเรียนหมอมีเกียรติ ได้รับความเคารพจากผู้คน รายได้ดี ภายหลังค้นพบว่าก็แค่นั้นแหละ ผมออกมาเข้าสู่วงการเภสัชภัณฑ์ถึงรู้ว่าปริญญาเอกวิทยาลัยการแพทย์ของผมเป็นที่นิยมแค่ไหน! ตอนอยู่ในโรงพยาบาล ผมเป็นแค่แพทย์ประจำบ้านตัวเล็กๆ ที่ไม่มีความสำคัญอะไรเลย คนนอกบอกว่าวิทยาลัยการแพทย์เก่ง แต่ถ้าคุณอยู่ในวงการนี้ คุณก็ไม่ได้มีความสำคัญอะไรเลย
“แต่พอผมไปอยู่วงการเภสัชภัณฑ์ ผมค้นพบว่าการศึกษาระดับวิทยาลัยการแพทย์และประสบการณ์ของผมเป็นที่นิยมมากวงการ โดยพื้นฐานแล้วผมเลื่อนตำแหน่งทุกสองปี เพียงแค่ไม่กี่ปีก็ได้รับตำแหน่งผู้จัดการประจำจีนตะวันออก อายุไม่ถึงสี่สิบปี รายได้ผมก็เท่าเป็นหมอทั้งชีวิตแล้ว ผมรู้สึกว่าคุ้ม อีกอย่าง ตอนนี้ใครมีเรื่องกับผม ผมก็จะเล่นงานไปเลย เป็นคนเหมือนกัน ทำไมต้องมาเอาใจใคร ทำไมต้องมาอ้างหลักศีลธรรมกับผม ผมติดค้างคุณเหรอ ผมรู้สึกว่าตอนนี้ดีมาก!”
เฉินชางพยักหน้า ไม่ได้พูดอะไร
ซือหยางจงใจพูดให้เฉินชางฟัง แต่…ก็เหมือนพูดให้ตนเองฟังเหมือนว่า บอกตนเองว่าอย่าเสียใจภายหลัง
หลังจากบ่นไปหลายประโยค ซือหยางก็ไปส่งเฉินชางที่หน้าประตูโรงแรม จู่ๆ ก็พูดขึ้นมาว่า “จริงสิ เฉินชาง ผมเตรียมของขวัญไว้ให้คุณด้วย เป็นผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น ส่งที่อยู่ให้ผมหน่อยนะครับ ช่วงกลางคืนมีสินค้าล็อตหนึ่งจะส่งไปที่บริษัทสาขาเมืองอันหยาง จะได้ส่งให้คุณด้วย พรุ่งนี้ผมจะให้คนไปส่งให้ถึงบ้านคุณ”
เฉินชางรีบปฏิเสธ “พี่ซือหยาง เกรงใจจังครับ ไม่เป็นไรจริงๆ”
ซือหยางส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้ม “ไม่ใช่ของแพงอะไร แค่เป็ดย่างไม่กี่ตัว และเครื่องดื่มอีกนิดหน่อย ไม่มีมูลค่าอะไร น้ำใจครับ”
หลังจากเกรงใจกันไปมาครู่หนึ่ง ซือหยางยิ้มพูดว่า “ผมแค่ถูกถูกโฉลกกับคุณ อยากผูกมิตรไว้”
……
……
เมิ่งซีเห็นเฉินชางกลับมาก็ดีใจขึ้นมาทันที “คุณไม่เป็นไรใช่ไหม”
เฉินชางขมวดคิ้ว “ผมต้องเป็นอะไรเหรอครับ”
เมิ่งซีพูดอย่างเป็นห่วง “ฉันได้ยินว่าที่ศูนย์ฉุกเฉินมีคนบาดเจ็บ ฉันยังกังวลว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับคุณ”
เมิ่งซีชอบล้อเล่น นิสัยค่อนข้างเจ้าเล่ห์ ซึ่งล้วนเกี่ยวข้องมาจากประสบการณ์การใช้ชีวิตที่อเมริกาสิบกว่าปีอย่างยิ่ง
ความจริงแล้วน้อยครั้งมากที่เธอจะล้อเล่นกับคนแปลกหน้า เธอรักษาระยะห่างมาโดยตลอด มีการป้องกันตัวเองสูงมาก แต่กับเฉินชางและคนรู้จัก เมิ่งซีก็มักจะล้อเล่นด้วย บางทีถึงขั้นไม่ขัดเกลาคำพูด คิดอะไรก็พูดออกมาเลย
เฉินชางเองก็เข้าใจเรื่องนี้ ไม่ได้คิดว่าเป็นเรื่องแปลกอะไร หัวเราะตามน้ำ
พอเธอรู้ว่าที่ศูนย์ฉุกเฉินเกิดเรื่องก็เป็นห่วงเฉินชางมาก โทรไปเขาก็ไม่รับ
เห็นเฉินชางไม่ได้เป็นอะไร เมิ่งซีก็โล่งอกไปที
ตอนนี้เอง อู๋ถงฝู่พลันเดินขึ้นเวที มองทุกคนแล้วพูดว่า “ทุกคนเงียบก่อนครับ”
หลังจากทุกคนเห็นอู๋ถงฝู่ก็เงียบทันที
เรื่องวันนี้เกิดขึ้นที่ศูนย์ฉุกเฉินและผู้อำนวยการอู๋ก็เป็นผู้อำนวยการที่นั่น ทุกคนเชื่อว่า เรื่องวันนี้ เขาจะมีคำตอบให้
อู๋ถงฝู่มองทุกคนด้านล่างเวทีพลางกล่าวว่า “เรากล่าวประเด็นหลักก่อน เดี๋ยวผมมีเรื่องราวดีๆ จะแจ้งให้ทราบครับ”
หลังจากได้ยินข่าวนี้ ทุกคนด้านล่างเวทีตั้งหน้าตั้งตารอขึ้นมาทันที
แม้ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องดีอะไร แต่…ทุกคนรู้ว่าต้องเกี่ยวกับเรื่องที่ผู้ป่วยขัดขวางการปฏิบัติงานของแพทย์ในวันนี้แน่
คิดถึงตรงนี้ ทุกคนเริ่มตั้งตาตั้งตารอขึ้นมา
พูดถึงการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ ตอนนี้ทุกคนเริ่มประหลาดใจขึ้นมาแล้ว
เป็นใครกันแน่
จะใช่เฉินชางไหม
ผู้เข้าแข่งขันหนุ่มหล่อม้ามืดที่ได้คะแนนเต็มสามรอบติดในปีนี้!
หรือจะเป็นอาจารย์ของเฉินชาง
ความจริงตอนแรกเมิ่งซีไม่ได้มีเสียงเชียร์มากขนาดนี้ ถึงอย่างไรการผ่าตัดของเธอก็ไม่ได้สะดุดตามาก จัดอยู่ในประเภทที่ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ค่อนข้างสูงก็เท่านั้น
ทว่าหลังจากทุกคนรู้ว่าเมิ่งซีเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของเฉินชาง ความนิยมก็เพิ่มขึ้น!
หลายคนรู้สึกว่าใช่ว่าจะไม่มีความเป็นไปได้นี้
รวมถึงผู้เข้าแข่งขันอาวุโสอย่างซือคงและติงอวี่
การตกรอบของเผิงลู่ แม้ทำให้ทุกคนรู้สึกเสียดาย แต่เธอก็พ่ายแพ้อย่างไร้ข้อกังขา
ศักยภาพของเฉินชางสูงมาก การผ่าตัดหลอดเลือดใหญ่ในทรวงอกเก่งที่สุดในนี้อย่างแน่นอน
แต่การแข่งขันวันนี้คือการแข่งในด้านการกู้ชีพฉุกเฉินและศักยภาพโดยรวม ไม่ใช่แค่การผ่าตัดแผนกศัลยกรรมหลอดเลือดหัวใจเหมือนตอนนี้
การกู้ชีพฉุกเฉินคืออะไร
คือทุกอย่างล้วนมีความเป็นไปได้ทั้งนั้น
อุบัติเหตุไม่คาดฝันและคนไข้ใดๆ ล้วนมีความเป็นไปได้ ศักยภาพโดยรวมในการพิจารณา ความสามารถในการวินิจฉัยโรค รวมถึงความสามารถในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า
ทั้งหมดนี้จะต้องมีประสบการณ์วินิจฉัยโรคที่หลากหลาย
ถึงอย่างไรเฉินชางก็เด็กเกินไป เขาอาจจะเชี่ยวชาญในการผ่าตัดด้านหนึ่ง ทว่า…ถึงอย่างไรก็ต้องการกระบวนการหนึ่ง
หลังจากพิธีกรอ่านคะแนนในมือแล้วอึ้งไปทันที
เธอมองเฉินชางอย่างประหลาดใจแวบหนึ่ง ตกใจเล็กน้อย ทำไมเขาได้หนึ่งร้อยคะแนนอีกแล้ว
ตั้งแต่จัดการแข่งขันมา ในด้านความสามารถในการวินิจฉัยโรคยังไม่เคยมีใครได้หนึ่งร้อยคะแนน เพราะในการวินิจฉัยโรค ยากมากที่จะได้คะแนนเต็ม
ผู้ชมด้านล่างเห็นจู่ๆ พิธีกรพูดติดอ่างก็ประหลาดใจขึ้นมา
หรือเกิดเรื่องอะไรขึ้น
เห็นเพียงพิธีกรตะโกนเสียงดัง “ความจริง นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเจอผลคะแนนแล้วตะลึงล็กน้อย ฉันเชื่อว่าเดี๋ยวพวกคุณเห็นแล้วก็จะตกใจเช่นกัน!”
หลังจากพูดจบ พิธีกรชี้จอภาพใหญ่ “เชิญดูที่หน้าจอ!”
ผู้ชม ผู้เข้าร่วมการแข่งขันและผู้เชี่ยวชาญทุกคนต่างหันมองอย่างประหลาดใจ
ตอนนี้ฉินเย่วหมิงตื่นเต้นเล็กน้อย เขาหวังว่าตงหยางจะมีคนติดหนึ่งในสามสักคนหนึ่ง!
ตอนนี้เอง อันดับและคะแนนได้ออกมาแล้ว
ทุกคนเงยหน้าขึ้นมอง แล้วตะลึงไปทันที!
“อันดับหนึ่ง: เฉินชาง หนึ่งร้อยคะแนน!”
ทุกคนงุนงง!
ขนาดนี้แล้วยังได้หนึ่งร้อยคะแนนอีกเหรอ
ด้านล่างเวทีเริ่มวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมาทันที
“การแข่งขันแบบนี้มีหนึ่งร้อยคะแนนด้วยเหรอ”
“ใช่! เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์เลยนะ!”
“มีเบื้องลึกเบื้องหลังอะไรหรือเปล่า”
“อันดับสองแค่แปดสิบคะแนน นี่…ห่างกันเกินไปหรือเปล่า”
“ใช่! ทำไมห่างกันขนาดนี้”