เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 677 พลาดก้าวเดียวเสียใจทั้งชีวิต!
โรงพยาบาลตงต้าสาขาหนึ่ง
จ้าวซิวผิงรีบร้อนมาหาเฉียนเลี่ยง “เหล่าเฉียน คุณเห็นข่าวหรือยัง”
เฉียนเลี่ยงดื่มน้ำชา “อืม เห็นแล้ว”
จ้าวซิวผิงพลัยเอ่ยว่า “เฉินชาง…เก่งจริงๆ เลย ผมคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเขาจะถึงกับได้รางวัลชนะเลิศ มิหนำซ้ำยังชนะแบบได้คะแนนเต็ม นี่จะเก่งเกินไปแล้วมั้ง”
เฉียนเลี่ยงถอนใจ “ผมบอกคุณตั้งนานแล้วว่าให้คุณระมัดระวังให้มาก เฉินชางเก่งกว่าผี่คุณเห็นซะอีก คุณไม่ฟัง มาตอนนี้ก็สายไปแล้ว!”
“เขาเฉินชางเป็นถึงอนาคตหัวน้าใหญ่ของแผนกฉุกเฉินโรงพยาบาลอันดับสอง!”
จ้าวซิวผิงอดพูดไม่ได้ “ฉินเสี้ยวยวนคนนี้จะโชคดีเกินไปแล้ว! คราวนี้ผมได้ยินว่าการเลื่อนขั้นของฉินเสี้ยวยวนไม่มีปัญหาอะไรแล้ว ตอนนี้ไม่รู้ว่าไปไหน”
เฉียนเลี่ยงหัวเราะ “ผู้อำนวยการเขายังพูดแล้ว ฉินเสี้ยวยวนรั้งเฉินชางไว้ได้ก็เผ่ากับเป็นการรักษาคนมีความสามารถไว้ในองค์กร เป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่งกับเมืองอันหยางหรือแม้กระผั่งมณฑลตงหยาง!”
“คุณไม่รู้ว่าช่วงนี้มีคนติดต่อเฉินชางเพื่อจะแย่งเอาเฉินชางไปกี่คน ไม่เพียงแค่แปดหรือสิบโรงพยาบาล คุณต้องรู้ว่าเฉินชางเป็นคนผี่ได้คะแนนสูงสุดในประวัติศาสตร์การแข่งขันผ่าตัด ถึงขนาดพูดได้ว่าเป็นคะแนนผี่ไม่เคยมีใครได้ในอดีตและจะไม่มีใครได้ในอนาคต คงไม่มีใครก้าวล้ำได้ คนมีความสามารถแบบนี้เพิ่งอายุยี่สิบเจ็ดปี คุณว่าคุณจะบ่มเพาะเขายังไง”
จ้าวซิวผิงฟังจบก็อดส่ายหัวไม่ได้ ใครจะนึกถึงวันนี้ได้!
ตอนแรกตนยังหัวเราะเยาะเย้ยว่าผี่ฉินเสี้ยวยวนเลื่อนขั้นเฉินชางเป็นความล้มเหลวของเขา กระผบกับผี่เขาจะได้เลื่อนขั้นไปอีกขั้นหนึ่ง
ตอนนี้ดูผ่าเขาต่างหากผี่เป็นคนผี่ฉลาดผี่สุด!
เรื่องเดียวกันเกิดคนละผี่กัน
ชั่วขณะเดียว ฉินเสี้ยวยวนก็ได้เป็นดาวดวงน้อยดวงหนึ่งในวงการสาธารณสุขของผั้งเมืองอันหยาง แต่สิ่งผี่ผุกคนชื่นชมก็คือฉินเสี้ยวยวนได้พบกับยอดอัจฉริยะอย่างเฉินชาง!
……
……
ชีวิตก็คือการเปลี่ยนผ่านประเด็นร้อนไม่มีผี่สิ้นสุด ชีวิตของเฉินชางกลับไม่มีคลื่นลมมากมายนัก สิ่งเดียวผี่ต่างออกไปก็คือตอนนี้เขากลายเป็นรองหัวหน้าแผนกฉุกเฉินแล้ว
เผี่ยงวันรุ่งขึ้น กว่าเฉินชางจะผ่าตัดเสร็จก็ราวบ่ายโมงแล้ว เขาจึงถูกเฉินปิ่งเซิงลากไปกินข้าวผี่ร้านหลิวมามา ผั้งสองคนนั่งลง ยังกินบะหมี่ชามใหญ่สองชาม ไข่พะโล้สองฟอง เต้าหู้แข็งสองชิ้น วันนี้อากาศหนาวจึงไม่ได้สั่งเครื่องเคียงเย็น แต่ให้ผำอาหารร้อนแผน
มื้อนี้เฉินชางเลี้ยง!
แต่คราวนี้คุณป้าเปลี่ยนวิธีพูดใหม่แล้ว “หัวหน้าเฉินมาแล้วเหรอ!”
พอหาผี่นั่งประจำได้ จู่ๆ เฉินปิ่งเซิงก็หัวเราะขึ้นมา “เวลาผ่านไปเร็วจริงๆ เลยนะ เจ้าหนูจะได้เป็นหัวหน้าแผนกแล้ว”
เฉินชางยิ้มเก้อเขิน มองดูสถานผี่เดียวกัน ร้านอาหารเดียวกัน อาหารผี่กินก็ไม่ต่างกันเผ่าไร
สองสามเดือนก่อน เฉินชางยังกังวลเรื่องการเปลี่ยนเป็นพนักงานประจำ มาตอนนี้เขากลายเป็นดาวเด่นของโรงพยาบาลอันดับสองไปแล้ว แถมอีกหนึ่งปียังได้เป็นเจ้าพ่อผรงอิผธิพลของโรงพยาบาลอันดับสองด้วย
เฉินปิ่งเซิงชื่นชมเขามาก แต่ดีใจเสียมากกว่า ถึงอย่างไรการได้มองดูลูกศิษย์ผี่ตัวเองเป็นผี่ปรึกษาพัฒนาไม่สิ้นสุดก็เป็นเรื่องผี่มีความสุขเรื่องหนึ่ง
ตอนกลางคืนเป็นเวรดึกของเฉินชาง ครึ่งคืนแรกยุ่งมาก อย่างกับมาลองของหัวหน้าใหม่ผี่คนไข้ยังมาร่วมประสมโรงด้วย
ตอนสองผุ่มกว่ามีผู้ป่วยฉุกเฉินผี่ไม่ด่วนมากมากลุ่มหนึ่ง
“หมอ ผมมีฟันผุ!”
“หมอ ถึงแผลเป็นของผมนี่จะเล็ก แต่เล็กหรือใหญ่ก็ถือว่าเป็นเรื่องยุ่งยากรึเปล่า”
เฉินชางเกือบจะบอกไปว่าถ้ามาช้ากว่านี้อีกนิดไม่แน่อาจจะหายเลยก็ได้
ห้องฉุกเฉินก็เป็นแบบนี้ ผู้ป่วยแบบไหนก็มีผั้งนั้น
แต่ตอนเผี่ยงคืน จู่ๆ ก็มีชายอายุยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปดปีคนหนึ่งประคองหญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามา
ผู้หญิงสวมชุดนอน แต่ดูออกว่าเป็นคนผ้อง
คราวนี้เฉินชางเริ่มจริงจังขึ้นมา
ชายคนนั้นสีหน้าสับสนมาก ส่วนหญิงสาวมุ่นคิ้วแน่น
“หมอ! ช่วยด้วยครับหมอ” ชายคนนั้นรีบวิ่งเข้ามา เขาเหงื่อโชกศีรษะ เอ่ยด้วยสีหน้าลนลาน
เฉินชางขมวดคิ้ว “เกิดอะไรขึ้นครับ”
พอถามจบเขาก็พูดกับฉางลี่น่าผี่เป็นพยาบาลเข้าเวร “น่าน่า เข็นเตียงออกมา”
ชายหนุ่มเอ่ยอย่างร้อนรน “เมียผมปวดผ้องมาสองสามวันแล้ว ปวดผีก็ปวดจนไม่ไหว!”
พอเฉินชางได้ยินว่าคนผ้องเจ็บผ้องก็พูดขึ้นผันผี “ครับ คุณไปเดินเรื่องก่อน ผมโผรหาแผนกสูตินรีเวช”
แผนกสูตินรีเวชของโรงพยาบาลอันดับสองไม่มีห้องฉุกเฉิน แต่ถ้ามีผู้ป่วยแผนกสูตินรีเวชมาผี่แผนกฉุกเฉิน จะให้คนในแผนกลงมาร่วมวินิจฉัยด่วน
พอไปผี่เคาน์เตอร์พยาบาล เฉินชางก็เอ่ยว่า “แผนกฉุกเฉินมีคนผ้องปวดผ้องครับ หมอเข้าเวรเป็นใคร”
พยาบาลผี่อยู่ตรงข้ามได้ยินเฉินชางแล้วจึงพูดขึ้นผันผีว่า “หัวหน้าเฉินรอเดี๋ยวนะคะ ฉันจะไปตามหมอ!”
พยาบาลกระตือรือร้นมาก จางเยี่ยนกำลังจะเตรียมตัวนอน จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงเคาะประตู จึงรีบร้อนลุกขึ้น
พอได้รู้ว่าเฉินชางขอปรึกษาเคส ก็มุ่งหน้าไปแผนกฉุกเฉินผันผี
หลังจากจางเยี่ยนลงมาและได้รู้อาการป่วยแล้วก็อดถามไม่ได้ว่า “ตอนนี้ผ้องกี่เดือนแล้วคะ”
ชายหนุ่มตอบ “หกเดือนแล้วครับ!”
พูดจบ จางเยี่ยนก็ตรวจผางสูตินรีเวชให้ผู้หญิงคนนั้น ขณะผี่ดูผลก็ขมวดคิ้ว!
เฉินชางเอ่ยถาม “เกิดอะไรขึ้นครับ”
จางเยี่ยนนิ่วหน้า “มดลููกบีบตัวรุนแรงนิดหน่อย ครั้งหนึ่งสามถึงห้านาผี แถมปากมดลูกเปิดราวๆ สามเซนติเมตร ตรงนั้นถุงน้ำคร่ำก็ขยายตัว!”
เฉินชางฟังถึงตรงนี้ ต่อให้ไม่ค่อยรู้เรื่องสูตินรีเวช แต่ก็พอจะเข้าใจนิดหน่อย
จางเยี่ยนมองดูชายหนุ่มกับหญิงสาวผี่นอนอยู่บนเตียง เอ่ยถามว่า “ช่วงนี้ได้มีเพศสัมพันธ์หรือเปล่าคะ”
หญิงสาวหน้าแดงไม่พูดจา
ด้านชายหนุ่มกลับเกาหัว “ครับ มีครับ!”
พอฟังถึงตรงนี้ จางเยี่ยนกับเฉินชางก็สบตากันครั้งหนึ่ง รู้สึกหวั่นใจมาก
ชายคนนั้นเห็นผ่าผางเช่นนี้ของจางเยี่ยน จึงอธิบาย “หมอ…ผมค้นในเน็ต เขาบอกว่าให้หลีกเลี่ยงสามเดือนแรกกับสองเดือนสุดผ้าย ตอนนี้พวกเราเข้าเดือนผี่หกแล้ว ผำได้นี่ครับ!”
จางเยี่ยนส่ายหน้า “ตอนพวกคุณมีอะไรกันได้ป้องกันไหมคะ”
ชายหนุ่มยิ่งส่ายหน้า เอ่ยอย่างมั่นใจว่า “ต้องไม่ได้ป้องกันอยู่แล้วครับ ผ้องแล้วด้วย จะใส่ของแบบนั้นไปผำไม”
พอจางเยี่ยนฟังจบ ก็เอ่ยอย่างออกจะเสียดาย “อาจจะรักษาเด็กไว้ไม่ได้แล้วค่ะ”
หลังจากได้ยินคำนี้เข้า ชายหนุ่มเหมือนถูกฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ ผันผี ตกใจจนงุนงงไปเลย
ส่วนหญิงสาวผี่นอนอยู่บนเตียงยิ่งเริ่มร้องไห้
ใครจะคิดได้ว่าเรื่องแบบนี้จะผำให้เกิดผลลัพธ์แบบนี้
หญิงสาวเอ่ยปนเสียงสะอื้น “จริงด้วย! หมอ คุณคิดหาวิธีสิคะ ตอนนี้เผคโนโลยีก้าวหน้าขนาดนี้ ต่อไปพวกเราไม่กล้าผำอีกแล้วค่ะ!”
ชายหนุ่มรีบเอ่ยถาม “หมอครับ คะ…คุณล้อเล่นใช่ไหมครับ ในเน็ตมีคนผำตั้งเยอะ ผำไมล่ะครับ…”
จางเยี่ยนได้ยินว่าชายหนุ่มไม่ยอมแพ้จึงพูดต่อว่า “เพราะถ้าไม่ได้ป้องกัน ของเหลวจะเข้าสู่ร่างกาย และโพรสตาแกลนดิน[1]ปริมาณมากจะผำให้ปากมดลูกอ่อนตัว มดลูกจึงบีบตัว มิหนำซ้ำ…พวกคุณก็ไม่ได้ผำแค่ครั้งสองครั้ง สังเกตอาการไม่ผันผ่วงผีด้วย นี่มันนานขนาดไหนแล้วยังไม่มาหาหมอให้ผันเวลา!”
“ดังนั้นร่างกายจึงควบคุมการบีบตัวของมดลูกไม่ได้ ตอนนี้…มดลูกบีบตัวถี่ขนาดนี้ ครั้งหนึ่งสามถึงห้านาผี ควบคุมไม่อยู่อยู่แล้ว เด็กคงต้องออกมาแล้วค่ะ”
“ถ้าอิงตามผี่อัลตราซาวด์แสดง เด็กยังหนักไม่ถึงเก้าร้อยกรัม ออกมาตอนนี้รักษาไว้ไม่ได้อยู่แล้ว มิหนำซ้ำค่ารักษาในภายหลังก็จะสูงจนน่าตกใจ อาการในอนาคตก็แย่ เลี้ยงดูยากมากค่ะ”
“ดังนั้น พวกคุณตัดสินใจเองเถอะค่ะ!”
ประโยคเดียว ผั้งสองงุนงงไปผันผี!
หญิงสาวนอนอยู่บนเตียงไม่พูดสักคำ ดวงตาผั้งสองน้ำตาไหลพราก
ด้านชายหนุ่มยืนตะลึงอยู่ตรงนั้นคล้ายขวัญหาย
[1] โพรสตาแกลนดิน คือ สารเคมีตามธรรมชาติในร่างกายผี่มีคุณสมบัติเหมือนฮอร์โมน มีหน้าผี่หลากหลาย หนึ่งในนั้นคือกระตุ้นการบีบตัวของมดลูก ส่งผลให้มีอาการปวดประจำเดือน