เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 679 คลินิกของหัวหน้าเฉิน
หัวหน้าแผนกผู้ป่วยนอกชื่อหลิวอวี้ เป็นคุณป้าผมลอนอายุห้าสิบกว่าปี หน้าตาดูใจดีมีเมตตา รูปร่างท้วม ยิ้มทีตาหยีเป็นเส้น
“ผู้อำนวยการฉินให้ฉันอธิบายกับหัวหน้าเฉินโดยละเอียดเถอะค่ะ คุณไม่ต้องห่วงเลย”
ฉินเสี้ยวยวนพยักหน้า ตอนนี้ตำแหน่งในโรงพยาบาลของเขามั่นคงมาก พวกถานลี่กั๋วค้านไม่ได้อยู่แล้ว
ทุกคนไม่ได้โง่ ฉินเสี้ยวยวนพูดชัดเจนว่าจะก้าวหน้าขึ้นไป อายุห้าสิบกว่าปี ยังเหลือเวลาร่อนไปมาอีกหลายปี ขลุกอยู่ในระบบสาธารณสุขได้ทั้งนั้น พูดให้ชัดๆ ฉินเสี้ยวยวนก็คือหัวหน้าเก่าของทุกคน
ฉินเสี้ยวยวนมองเฉินชาง เอ่ยออกมาว่า “อย่าดูถูกคลินิก ศัลยแพทย์ก็ไม่ได้ทำแค่ผ่าตัด เอาละ จบการประชุมเถอะ”
หลิวอวี้ยิ้มพลางมองเฉินชาง “หัวหน้าเฉิน อีกเดี๋ยวคุณไปหาฉันที่แผนกผู้ป่วยนอก พวกเรามานั่งคุยกันให้ละเอียดนะคะ”
เฉินชางพยักหน้า “ได้ครับ งั้นก็ขอบคุณหัวหน้าหลิวมากๆ ครับ”
ตอนที่เขาลงมากับหลี่เป่าซาน
จู่ๆ หลี่เป่าซานก็ถามว่า “เสี่ยวเฉิน รู้สึกยังไงบ้าง”
พอได้ยินคำพูดของหลี่เป่าซาน เฉินชางก็ออกจะสะท้อนใจอย่างบอกไม่ถูก
เพราะการประชุมวันนี้เขาถึงรับรู้ว่าหลี่เป่าซานแบกรับภาระไว้มากมายแค่ไหน
“ลำบากคุณแล้วครับหัวหน้าหลี่!”
หลี่เป่าซานยิ้มแล้วส่ายหัว “ความจริงพวกเราควรแข็งก็แข็ง ควรอ่อนก็ต้องอ่อนตาม โรงพยาบาลไม่ใช่แผนกฉุกเฉินของพวกเรา ยังไงซะก็ต้องคำนึงถึงหลายอย่าง เป็นหัวหน้ากับเป็นหมอมันคนละเรื่องกันเลย”
“เป็นหัวหน้า คุณต้องมีความสามารถในอาชีพโดดเด่น มีความสามารถผ่าตัดและวินิจฉัยโรคสูงล้ำ ถึงยังไงคุณเป็นหัวหน้า ฝีมือจะยังด้อยกว่าหมอเด็กไม่ได้ใช่ไหมล่ะ เดี๋ยวเขาไม่เชื่อถือคุณกันหมด!”
“อีกอย่างนะ ยังต้องคำนึงถึงภาพใหญ่ สายตากับวิสัยทัศน์ต้องยาวไกลหน่อย ต้องวางแผนเรื่องพัฒนาแผนกกับบุคลากรไว้ในใจ ปากท้องไม่รู้กี่คนอยู่กับคุณนะ เขากินไม่อิ่มแล้วจะทำงานให้คุณยังไง”
พอพูดจบหลี่เป่าซานก็หัวเราะแห้งๆ “ค่อยเป็นค่อยไป ไม่ต้องรีบร้อน”
ปีนี้หลี่เป่าซานอายุห้าสิบเจ็ด ปีใหม่กำลังจะมาถึง หลังปีใหม่ก็อายุห้าสิบแปดปี ตอนที่เฉินชางกลับมารับงานต่อ เขาก็ห้าสิบเก้าแล้ว
พอเฉินชางกลับมา หลี่เป่าซานก็จะเป็นหัวหน้ากิตติมศักดิ์หนึ่งปีแล้วเตรียมต่อสัญญาทำงานหลังเกษียณ
เฉินชางยิ้ม “หัวหน้า รอตอนคุณเกษียณผมจะเลี้ยงเหล้าคุณดีๆ เลย”
หลี่เป่าซานได้ยินแล้วจึงหัวเราะขึ้นทันที “โอเค!”
เขาไม่ได้กินเหล้ามากี่ปีแล้ว ไม่ใช่เพราะไม่ชอบดื่ม แต่เพราะดื่มไม่ได้ เขาเป็นแนวป้องกันสุดท้ายของแผนกฉุกเฉิน ถ้าเขาล้มลงใครจะมาพึ่งพา
“ต่อให้หลายปีนี้ผมไม่ได้ดื่มเหล้า แต่ก็เก็บเหล้าดีๆ ไว้ไม่น้อย ถึงเวลามารวมตัวกันดีๆ แต่…เสี่ยวเฉินเอ๋ย คุณเป็นหัวหน้า ถ้าไม่ดื่มเหล้าได้ก็อย่าดื่มเลย”
“ถ้าไม่ใช่เพราะผมกินเหล้า…ก็คง…”
เฉินชางได้ยินแล้วก็อดอึ้งไปไม่ได้
เขาไม่เคยได้ยินหัวหน้าหลี่เล่าเรื่องในอดีต รู้แค่ว่าเมื่อก่อนหัวหน้าหลี่เป็นหัวหน้าที่เมืองหลวง แล้วต่อมาก็กลับมาที่อันหยาง มีชื่อเสียงอย่างรวดเร็ว เปลี่ยนแปลงพลิกผันหลายครั้งจนสุดท้ายมาถึงโรงพยาบาลอันดับสอง แล้วก็ทำงานมาตลอดจนเกษียณ
หลี่เป่าซานยิ้ม “มีเวลาแล้วจะเล่าให้ฟังว่าตอนแรกหัวหน้าหลี่ของคุณก็เป็นหัวหน้าหลี่ที่น่าเกรงขามเหมือนกัน!”
พูดจบ หลี่เป่าซานก็ยิ้มจากไป
เฉินชางเปลี่ยนชุดแล้วมาที่ออฟฟิศแผนกผู้ป่วยนอก
หลิวอวี้เห็นเฉินชางแล้วก็รีบเรียกให้นั่งลง
“หัวหน้าเฉินมานั่งเร็ว แผนกผู้ป่วยนอกยุ่งวุ่นวายจริงๆ!”
หลิวอวี้มีภูมิหลังเป็นพยาบาล เป็นพยาบาลมายี่สิบปีแล้วจึงเปลี่ยนมาแผนกธุรการ จากนั้นจึงมาที่แผนกผู้ป่วยนอก
เห็นเฉินชางแล้วหลิวอวี้ก็เอ็นดูนัก!
ถึงอย่างไรเรื่องสองวันนี้ของเฉินชางก็กระจายไปในโรงพยาบาลอย่างอื้ออึง โดยเฉพาะในกลุ่มพยาบาล เขาเป็นที่ชื่นชมมาก
เฉินชางยิ้มให้ “ขอบคุณครับหัวหน้าหลิว”
หลิวอวี้เอาแบบฟอร์มออกมาแผ่นหนึ่งแล้วส่งให้เฉินชาง “หัวหน้าเฉิน คุณเขียนเวลาออกตรวจผู้ป่วยนอกรวมถึงประเภทโรคที่คุณถนัดนี่ให้หน่อยค่ะ ให้ฉันจัดแจงให้ก็พอ”
เฉินชางมองดูแบบฟอร์มแล้วชะงักไปครู่หนึ่ง
ตกลงเราถนัดอะไรกันแน่นะ
“หัวหน้าหลิวครับ ตรงนี้ต้องเขียนประเภทโรคเหรอครับ หรือว่าเขียนอะไร”
หลิวอวี้ตอบทันที “คุณดูนี่นะคะ นี่เป็นของหัวหน้าจางโหย่วฝู ถนัดการผ่าตัดศัลยกรรมตับและถุงน้ำดี ปลูกถ่ายตับ โรคตับแข็ง มะเร็งตับ ภาวะความดันหลอดเลือดพอร์ทัลตับสูง รวมถึง…”
พอเฉินชางอ่านจบก็นิ่งเงียบไป เขาคิดดูแล้วหยิบปากกาเริ่มเขียน
เขียนไปสามนาที…ห้านาที…สิบนาที…
หลิวอวี้อึ้งไปเลย!
“หัวหน้าเฉิน ยังเขียนไม่เสร็จเหรอคะ”
เฉินชางถอนหายใจ เขาเปิดตารางทักษะของตัวเอง ลอกตั้งนานก็ยังลอกไม่เสร็จ เขาค้นพบเป็นครั้งแรกว่าตัวเองเก่งขนาดนี้ ผ่าตัดได้เยอะขนาดนี้แล้ว!
เฉินชางอดพูดไม่ได้ “หัวหน้าหลิวครับ กระดาษ…เขียนไม่พอแล้วครับ ผมเขียนด้านหลังได้ไหม”
พยาบาลเล็กที่อยู่ข้างๆ ได้ยินแล้วเกือบขำพรวดออกมา
หลิวอวี้ก็ตาเบิกกว้าง แบบฟอร์มใหญ่ขนาดนั้นทำไมถึงเขียนไม่พอล่ะ
เธอมองไปก็พบว่าเขียนเต็มแล้วจริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะเขียนตัวเล็กก็คงยังเขียนไม่พอจริงๆ!
หลิวอวี้ตาเบิกกว้าง “หัวหน้าเฉิน…นี่…คะ…คุณ…จะพหูสูตรเกินไปแล้วมั้งคะ ความจริง…คุณเขียนที่ถนัดก็พอแล้ว ไม่ต้องเขียนออกมาหมดค่ะ”
เฉินชางจึงเอ่ยอย่างจนใจว่า “หัวหน้าหลิว พวกนี้เป็นสิ่งผมถนัดหมดเลยครับ”
หลิวอวี้มองดูอวัยวะพวกนี้…ตับ…หัวใจ…ม้าม พลันศีรษะชาหนึบทันที นี่มันตัวร้ายเลยนี่นา! ศัลยแพทย์เก่งไปแล้ว!
“เอาอย่างนี้แล้วกันค่ะ คุณเขียนการผ่าตัดที่คุณอยากทำที่สุดไม่กี่อย่างพอ!” หลิวอวี้คิดไปคิดมาก็คิดวิธีนี้ได้
เฉินชางนิ่วหน้า เขาเหมือนอยากทำหมดเลย…
……
พยาบาลบันทึกข้อมูลยังงงเลย!
หลิวอวี้พูดรวบรัดว่า “เขียนไปว่าถนัดศัลยกรรมหลายแขนง เช่น ศัลยกรรมมือ ศัลยกรรมตับและถุงน้ำดี ศัลยกรรมหัวใจ ศัลยกรรมทรวงอก ศัลยกรรมตกแต่งผิวหนังก็แล้วกันค่ะ!”
พอเฉินชางได้ยิน “ได้ครับ!”
หลิวอวี้เอ่ยถามทันที “จริงด้วย เสี่ยวเฉิน คุณออกตรวจวันไหนบ้างคะ ฉันจะประกาศให้คุณ จะได้ให้แผนกลงทะเบียนเน้นแนะนำคุณให้”
เฉินชางรีบปฏิเสธความหวังดี แต่เลือกออกตรวจในวันศุกร์บ่าย ถึงอย่างไรก็เพิ่งเริ่ม ออกตรวจมากขนาดนั้นเฉินชางยังไม่แน่ใจว่าจะจัดการได้ไหม แน่นอนว่าที่สำคัญที่สุดก็คือ…เป็นไปได้สูงมากที่จะไม่มีผู้ป่วยเลย!
ยังไงเวลาผู้ป่วยทำนัดก็ต้องนัดหัวหน้าแพทย์อยู่แล้วนี่! นัดแพทย์ประจำบ้านซะที่ไหน
คำแนะนำตัวของเฉินชางคือ เฉินชาง ตำแหน่ง: แพทย์ทั่วไป! ภาระงาน: หัวหน้าแผนกศัลยกรรมมือ รองหัวหน้าแผนกฉุกเฉิน
คุณว่าใครจะเลือกทำนัดกับหมอประจำบ้านคนหนึ่ง
ค่าทำนัดห้าหยวน ผู้ป่วยคงรู้สึกไว้ใจไม่ได้
ปกติค่าทำนัดจะคิดตามรายได้ประจำตำแหน่ง ไม่ได้คิดจากภาระงาน และค่าใช้จ่ายก็กำหนดตามราคาสินค้าในมณฑล ไม่ได้เรียกราคาสูงเฉียดฟ้า โรงพยาบาลต่างไม่มีอำนาจในการกำหนดราคาเอง
ถึงอย่างไรคนที่มาทำนัดก็หวังจะได้พบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทั้งนั้น จะเข้ามาบอกว่าฉันอยากหาหมอประจำบ้านเสียที่ไหน!
ทันทีที่ออกมาจากโรงพยาบาล เฉินชางก็ได้รับโทรศัพท์จากฉินเสียง
“เสี่ยวเฉิน เอ้ย! ไม่ใช่ หัวหน้าเสี่ยวเฉิน วันนี้ถ้าคุณมีเวลามาหาหน่อยสิ ผมให้คนจองตั๋วเครื่องบินกับโรงแรมให้ ถือโอกาสเอาเรื่องที่จะไปประชุมที่เกาหลีมาปรึกษาคุณสักหน่อย”
เฉินชางพยักหน้า จู่ๆ ก็เกิดความคิดขึ้นฉับไว!
หรือจะเพิ่มแผนกผิวหนังและแผลไหม้ดี นี่…อาจจะเป็นแผนกที่ทำเงินแผนกหนึ่งก็ได้นี่ อาจจะคลี่คลายวิกฤตทางการเงิน เพิ่มรายได้ให้แผนกฉุกเฉินได้เลย นี่ต้องผลักดันการพัฒนาแผนกได้แน่
ไม่แน่อาจจะกระตุ้นระบบได้!