เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 681 ผู้ชาย ก็คงเป็นอย่างนี้ละมั้ง
“หัวหน้าเฉิน มีผู้ป่วยนิ้วขาดมาค่ะ!” เสี่ยวหลินวิ่งเข้ามาเรียกในแผนก
เฉินชางผงะไป รีบลุกเดินออกมา “เกิดอะไรขึ้น”
เฉินชางเห็นชายวัยกลางคนคนหนึ่ง อายุห้าสิบกว่าปี ในมือถือกระดาษทิชชูห่อนิ้วมือไว้ก้อนหนึ่ง เลือดสดๆ ย้อมกระดาษทิชชู่ให้เป็นสีแดง ก้อนกระดาษหนาๆ มีแต่คราบเลือดสีแดง
พอเห็นเฉินชางก็ฉีกยิ้มให้ “หมอ!”
เฉินชางพยักหน้า “เกิดอะไรขึ้นครับ”
ชายคนนี้ยิ้มยิงฟัน เอ่ยว่า “นิ้วมือถูกทับเละแล้ว คุณดูหน่อยสิว่าตั้งทำยังไง”
เขาตัวคลุกฝุ่น ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง เสื้อผ้าบนตัวเปรอะเปื้อนฝุ่น
ทันใดนั้นเอง ผู้หญิงอายุพอๆ กันที่อยู่ข้างหลังก็วิ่งมาหาหลังจากเดินเรื่องเสร็จ มองเฉินชางอย่างร้อนรน “หมอคะ นิ้วสามีฉันถูกทับขาดแล้ว คุณดูให้หน่อยสิคะว่ายังต่อได้ไหม”
เสียงของเธอออกจะสะอึกสะอื้น แต่ชายวัยกลางคนกลับหันไปยิ้มให้เธอ “ไม่เป็นไร เป็นนิ้วนาง ไม่สำคัญ!”
การแต่งตัวของหญิงคนนั้นคล้ายคลึงกับชายคนนี้ บนตัวมีแต่ฝุ่นเหมือนกัน
เฉินชางพยักหน้า พาเขาเข้าไปห้องหัตถการ หลังจากเอากระดาษทิชชู่ที่ม้วนอยู่ในมือทิ้งไปก็เห็นนิ้วนางที่มีเลือดเนื้อเหวอะหวะทันที
เฉินชางเห็นแล้วยังหนังศีรษะชาหนึบ ช้อนตามองชายวัยกลางคน “เจ็บไหมครับ”
เขาพยักหน้าฉีกยิ้มยิงฟัน “เจ็บครับ! เจ็บเป็นบ้าเลย”
เฉินชางถอนหายใจ เอ่ยกับชายคนนี้ “ทนหน่อยนะครับ ผมล้างแผลให้”
เขาพยักหน้าขานรับ ไม่ส่งเสียงอีก ไม่ว่าเฉินชางจะล้างแผลหรือเอาแหนบมาตรวจดูก็ไม่ปริปาก เฉินชางเงยหน้าขึ้นอย่างสงสัย พบว่าผิวดำคล้ำของเขาบวมจนแดงไปหมด แต่ก็ไม่ส่งเสียงร้อง
เฉินชางใช้เวลาสองสามนาทีก็รู้อาการนิ้วนางพอสมควรแล้ว แต่ยังต้องทำเอ็มอาร์ไอดูว่าภายในร่างกายเกิดอะไรขึ้น
เฉินชางเอ่ย “ไม่งั้นคุณไปทำเรื่องแอดมิทเถอะครับ ยังต้องทำเอ็มอาร์ไอ เจาะเลือด แล้วก็ผ่าตัด”
พอชายวัยกลางคนได้ยินก็ผงะไปทันที “ต้องนอนโรงพยาบาลด้วยเหรอครับ”
เฉินชางพยักหน้า “ครับ กระดูกนิ้วหักแล้วต้องดาม แถมยังต้องซ่อมแซมกล้ามเนื้อกับเส้นประสาทหลอดเลือดด้วย ถ้าซ่อมอวัยวะเหล่านี้ไม่ดี ปัญหาก็จะไม่ได้อยู่แค่เรื่องนิ้วแล้วครับ”
ที่เฉินชางพูดเป็นความจริง เพราะการตัดรยางค์บนที่เกิดขึ้นจากนิ้วนิ้วหนึ่งก็ใช่ว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
แต่ชายคนวัยกลางคนได้ยินเฉินชางพูดเรื่องพวกนี้เข้าก็ผงะไปทันที “หมอ…ถ้าไม่ผ่าตัดจะทำยังไงได้บ้างเหรอครับ”
เฉินชางอึ้งไป “งั้นก็ต้องตัดทิ้งครับ ตัดนิ้วนิ้วนี้ทิ้งไป”
เขานิ่งเงียบไป ผ่านไปสักพักก็เอ่ยถามขึ้นทันที “ถ้าผ่าตัดต้องใช้เงินเท่าไรครับ”
เฉินชางเริ่มพิจารณา “ถ้าคิดรวมทั้งหมดอย่างน้อยก็หนึ่งหมื่นกว่า ไม่ถึงสองหมื่นครับ”
พอชายคนนี้ได้ยินเข้า ก็ตกใจสะดุ้งโหยงอย่างเห็นได้ชัด เอ่ยถามต่อว่า “แล้วถ้าตัดนิ้วล่ะครับ”
เฉินชางตอบ “สามถึงหาร้อยมั้งครับ”
เฉินชางเพิ่งพูดจบ เขาก็พูดทันทีว่า “ตัดนิ้วเถอะครับ! ยังไงนิ้วนางก็ไม่มีประโยชน์อะไร เลือกตัดทิ้งไปดีกว่าไหม!”
พอประโยคนี้เข้าหูเฉินชาง เขาพลันรู้สึกว่าในใจเจ็บแปลบเหมือนถูกแทง
เฉินชางได้ยินแล้วก็สูดหายใจลึกๆ เฮือกหนึ่ง สงบสติของตนลงมา
“คิดดีแล้วเหรอครับ”
เขายิ้มแล้วส่ายหัว “ไม่ต้องคิดเลยครับ ตัดไปเลยเถอะ”
เฉินชางมองดูชายที่มีรูปร่างไม่สูงถึงขั้นยังออกจะผอมแห้งคนนี้ เห็นว่ายิ้มอยู่ แต่ความจริงแล้วสีหน้าเต็มไปด้วยความขมขื่น แต่ในแววตากลับมีความสุข!
นี่ทำให้เฉินชางอึ้งไปครู่หนึ่ง
ชายคนนี้สูดหายใจลึกๆ เฮือกหนึ่ง “คนชนบทไม่ได้บอบบางขนาดนั้น นิ้วนิ้วเดียวไม่กระทบอะไร”
เฉินชางไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี
เขาเห็นเฉินชางนิ่งเงียบไป อดถอนใจไม่ได้ “ปีนี้หาเงินไม่ค่อยได้ ผมกับเมียออกมาครึ่งปีแล้วยังหาได้ไม่เท่าไร เดี๋ยวก็ปีใหม่แล้ว เตรียมกลับบ้านเดิมครับ”
“ลูกชายสองคนเรียนมหาวิทยาลัย เป็นมหาวิทยาลัยดังทั้งคู่ แต่อยู่เมืองหลวง ต้องใช้เงินมาก ปีใหม่คราวนี้นะ พอทั้งสองคนเปิดเทอม ค่ากินอยู่ครึ่งปีคราวเดียวก็หมื่นกว่า…”
“การผ่าตัดนี่หมื่นสองหมื่น พอให้พวกเขาใช้ได้ครึ่งปีเลย ช่างเถอะครับ ตัดไปเถอะ!”
พอพูดจบ ชายคนวัยกลางคนก็กัดฟันตัดสินใจแบบนี้ออกมา
เฉินชางได้แต่ถอนใจ
หัตถการเล็กๆ แบบนี้ เข้าห้องหัตถการเลยก็พอ เฉินชางหยิบหนังสือเซ็นชื่อมา มือขวาของชายคนนี้บาดเจ็บ จึงเตรียมให้ภรรยาเขาเซ็นชื่อ
เขารีบเรียกไว้ “หมอเฉิน รอเดี๋ยว…”
เฉินชางอึ้งไป “ทำไมเหรอครับ”
เขายิ้มอย่างเกรงใจ “ผมใช้มือซ้ายเซ็นชื่อได้ไหมครับ”
“ผมไม่อยากให้เธอรู้ เดี๋ยวผมจะบอกว่ารักษานิ้วไว้ไม้ได้แล้ว ต้องตัดทิ้ง ไม่งั้น…ด้วยนิสัยของเธอนั้นจะต้องกังวลใจอีก”
พอเฉินชางได้ยินก็รู้สึกเจ็บปวดใจอย่างบอกไม่ถูก
ไม่รู้ทำไมเขาถึงเห็นเงาของพ่อแม่ตนจากตัวชายคนนี้
คนชนบทส่งลูกสองคนเรียนมหาวิทยาลัยไม่ใช่เรื่องง่าย ดิ้นรนวิ่งเต้นทั้งปีเพื่อส่งค่าเรียนค่ากินอยู่ให้ลูกจริงๆ
เฉินชางอดสูดหายใจไม่ได้แล้วพยักหน้า “ครับ!”
ตอนนี้เขาเข้าใจผู้ชายคนนี้มาก
ตอนนี้ชายผิวดำคล้ำคนนี้สูงเด่นขึ้นฉับพลัน!
เขาก็คือภูเขาใหญ่อันเด็ดเดี่ยวของครอบครัวนี้!
เพื่อไม่ให้ภรรยากังวล และไม่ให้ลูกๆ เหน็ดเหนื่อย นิ้วนางนิ้วเดียวเสียแล้วก็เสียไป
มอบความโหดร้ายทั้งหมดให้ตัวเอง แต่กลับมอบความอ่อนโยนทั้งหมดให้ครอบครัว
ผู้ชาย…ก็คงเป็นอย่างนี้ล่ะมั้ง
ตัวเขาเจ็บชัดๆ แต่กลัวภรรยาจะเป็นห่วงเลยฝืนยิ้มตลอดทางมาถึงโรงพยาบาล ตนป่วยแล้วแต่ยังคงอยากปลอบใจภรรยา
“ตัดเถอะครับ!”
ประโยคที่ดูเหมือนพูดออกมาอย่างสบาย แต่กลับทำให้เฉินชางซาบซึ้งมาก
พอคิดถึงตรงนี้ เฉินชางไม่ชักช้าอีกแล้ว สูดหายใจลึกๆ เฮือกหนึ่งพลางเริ่มเตรียมผ่าตัด
ความจริงแล้วส่วนปลายนิ้วนางของชายคนนี้ขาดออกไปแล้ว แต่เนื้อยังเชื่อมติดอยู่ ส่วนกระดูกหักไปนานแล้ว
แบบนี้แล้วตอนผ่าตัดจะลดความยุ่งยากไปได้มาก
การผ่าตัดใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมง
เพราะเฉินชางตั้งใจทำมาก ทำสิ่งที่ทำได้ทำให้ดียิ่งขึ้น ผูกหลอดเลือดฝอยหลายเส้น สุดท้ายจึงใช้ผ้าก๊อซห่อไว้แล้วพันให้มิดชิด
หลังจากกำชับเสร็จ ชายคนนี้ก็เอ่ยขอบคุณแล้วลุกออกไป
พอออกไป เฉินชางได้ยินเขาพูดกับภรรยาว่า “หมอบอกไม่เป็นไร หลักๆ ก็คือเก็บไว้ไม่ได้แล้ว ฝืนเก็บไว้กลับไม่ดีต่อร่างกาย”
ภรรยาไม่รู้ว่าจริงหรือหลอก แต่ตาเธอพร่าเลือนเต็มไปด้วยน้ำตา
ชายวัยกลางคนเห็นดังนั้นจึงรีบปลอบ “ผมไม่ได้หลอกคุณนะ คุณไปถามหมอสิ…”
พูดจบเขาก็ขยิบตาให้เฉินชาง
คราวนี้เฉินชางถึงกับทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี ขณะที่สับสนอยู่ไม่รู้แล้วว่าตนพยักหน้าหรือส่ายหัว
แต่จู่ๆ หญิงคนนั้นได้มองดูมือเขาแล้วถามว่า “นิ้วล่ะ”
ชายวัยกลางคนส่ายหัว “จะเอาของเล่นพรรค์นั้นไปทำไม”
หญิงคนนั้นเสียงสะอึกสะอื้น “ช่างฉันเถอะน่า!”
พูดจบเธอก็เดินตรงดิ่งมาหาเฉินชาง “หมอ นิ้วสามีฉันล่ะคะ”
เฉินชางเอ่ย “อยู่นี่ครับ ผมไปเอาให้”
หญิงคนนั้นเดินเข้ามา เฉินชางหยิบนิ้วมา เอาขวดเล็กๆ มาขวดหนึ่ง เทแอลกอฮอล์เข้าไปเต็มขวดแล้วจึงใส่นิ้วเข้าไป “นี่ครับ”
เธอเห็นนิ้วแล้วเอามืออุดปาด กลั้นหยดน้ำตาเม็ดใหญ่ไว้ไม่ได้อีกต่อไป น้ำตาไหลออกมาไม่สิ้นสุด
ทั้งตัวรู้สึกชาไปหมด ทำให้เธอสงบสติลงไม่ได้อยู่นาน
สักพักเธอก็ปาดน้ำตา “ขอบคุณค่ะ หมอคะ ลาก่อนค่ะ”
พอพูดจบก็ลุกออกไปเลย
เฉินชางมองดูภาพด้านหลังที่ทั้งสองคนประคองกัน ในใจเจ็บปวดหาใดเทียบ