เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 689 คุณเป็นคนสอน
“น้องยังเด็กอยู่ จะให้มีอาการที่ส่งผลกระทบกับร่างกายภายหลังไม่ได้! ต้องผ่าตัดอย่างสุดความสามารถ! ถ้าคุณต้องการความช่วยเหลือจากเรา หรือให้เราติดต่อพวกผู้เชี่ยวชาญในเมืองหลวงให้ก็ได้นะครับ ผมกลับไปขออนุมัติหัวหน้าตอนนี้ได้เลย จะได้รีบยื่นขอ!” จางเค่อฉินพูดกับเฉินชางอย่างกระตือรือร้นมาก
เฉินชางพยักหน้า “อืม สารวัตรจางไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ เรื่องนี้เราจะทำอย่างสุดความสามารถ แล้วก็…เรื่องผ่าตัด ผมจะเชิญผู้เชี่ยวชาญในมณฑลเรามา ผมจะลงมือผ่าตัดด้วยตัวเอง คุณไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ”
จางเค่อฉินได้ยินแล้วพยักหน้าทันที เขาเชื่อใจเฉินชางมาก ถึงอย่างไรมือของเขาและอู๋กังก็เฉินชางนี่แหละที่เป็นคนรักษา ตอนนี้ฟื้นตัวได้ดีมาก อู๋กังก็สามารถรับการฝึกได้ตามปกติแล้ว “งั้นขอบคุณหมอเฉินมากนะครับ!”
หลังจากพูดจบ จางเค่อฉินมองลู่เจี๋ย “น้องสะใภ้ ต่อไปคุณมีเรื่องอะไร โทรหาเราได้เลยนะครับ ไม่ต้องเกรงใจนะ”
ลู่เจี๋ยถอนหายใจ “ฉัน…ถ้าไม่เป็นการรบกวนมากเกินไป ฉันก็ไม่อยากรบกวนพวกคุณค่ะ พวกคุณงานยุ่งกันอยู่แล้ว ทั้งยังต้องเผชิญอันตรายทุกวัน ฉันกลัวว่าจะรบกวนการทำภารกิจของพวกคุณ เรื่องนี้ ฉัน…”
จางเค่อฉินส่ายหน้า “ถ้าไม่ใช่เพราะทางโรงพยาบาลติดต่อเรา เราก็ไม่รู้เรื่องนี้ด้วยซ้ำ! น้องสะใภ้ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ เสี่ยวหลีเคยเสียสละเพื่อประเทศชาติและประชาชนของเรา ประเทศชาติไม่มีทางยอมให้ลูกและภรรยาของเขาต้องลำบาก ผมเข้าใจว่ามันไม่ง่าย เงินบำนาญก็ให้พ่อแม่ของเสี่ยวหลีไปแล้ว เอาอย่างนี้ ผมจะลองยื่นเบิกกับทางสถานี ดูว่าจะให้หลักประกันพวกคุณได้ไหม อีกอย่าง ต่อไปจะให้ลูกเธอเป็นแบบนี้ไม่ได้ ค่ารักษาพยาบาลยื่นเบิกให้หมด รักษาตัวให้หายดี ไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้น!”
ลู่เจี๋ยพลางพยักหน้าพลางน้ำตาไหล
เธอไม่รู้ว่าควรพูดอะไร
ซาบซึ้งใจหรือ
เธอยอมให้สามี ถึงจะขัดสนเสียหน่อย ถึงจะต้องกังวลเรื่องปากท้อง ถึงจะต้องยืมเงิน…ก็ไม่อยากได้ผลประโยชน์พวกนี้…
เธอใจแคบมาก!
เธอไม่มีความฝันอันยิ่งใหญ่ที่จะปกป้องประเทศเหมือนเสี่ยวหลี
ลู่เจี๋ยเป็นคนตัวเล็กๆ คนหนึ่ง เธอแค่อยากดูแลครอบครัวเล็กๆ ของเธอให้ดี
ทว่าตอนนี้เธอรู้สึกซาบซึ้งใจเล็กน้อย
ถึงอย่างไรในตอนที่ตนเองสิ้นหวัง ประเทศชาติก็ไม่ปล่อยให้เธอลำบาก ไม่ทอดทิ้งเฉิงเฉิง
ทำให้เธอเชื่อว่าบนโลกนี้ยังคงมีความอบอุ่นอยู่บ้าง
……
……
ขณะนี้อยู่ในระหว่างเตรียมการผ่าตัด
การผ่าตัดเริ่มหนึ่งทุ่มคืนนี้
ทุกคนเร่งเตรียมการผ่าตัดฉุกเฉินของเฉิงเฉิง
เฉิงเฉิงนั่งอยู่บนเตียง เขียนไดอารี่อย่างระมัดระวัง
ลู่เจี๋ยเดินเข้ามา เห็นเฉิงเฉิงกำลังเขียนบางอย่างอยู่ก็เผยรอยยิ้ม “เฉิงเฉิง เขียนอะไรอยู่คะ ให้แม่อ่านหน่อยได้ไหม”
เฉิงเฉิงเห็นลู่เจี๋ยเข้ามา ม่านตาพลันหดตัวลง ปิดไดอารี่ยัดเข้าไปในกระเป๋าเล็กๆ ของตนเอง “อ่านไม่ได้ค่ะ นี่คือความลับของเฉิงเฉิง!”
ลู่เจี๋ยมองลูกสาวพร้อมรอยยิ้ม
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่ลูกเริ่มหัดเขียนไดอารี่ บางทีนี่อาจจะเป็นนิสัยที่ดีก็ได้
ประมาณห้าโมงเย็น หยางไคฮว่าเดินเข้าห้องผู้ป่วยมาอย่างเร่งรีบ ชุดสูทสะอาดสะอ้านเรียบร้อยมีรอยยับเล็กน้อย บนใบหน้าก็เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า ด้านหลังของเขามีชายคนหนึ่ง “เฉิงเฉิง อาเอาขนมมาให้” หยางไคฮว่าวางขนมไว้ข้างๆ
ลู่เจี๋ยรีบปฏิเสธ “คุณหยาง เกรงใจเกินไปแล้วค่ะ”
แม้เฉิงเฉิงจ้องขนมตาเป็นประกาย แต่ก็ส่ายหน้า “ขอบคุณค่ะคุณอา เฉิงเฉิงไม่ชอบกินขนม”
หยางไคฮว่ามองเฉิงเฉิง อดลูบผมเธออย่างปวดใจไม่ได้ เขาพูดกับลู่เจี๋ย “ลู่เจี๋ย คุณออกมาหน่อย ผมมีคนจะแนะนำให้รู้จักครับ”
ด้วยความสงสัย ลู่เจี๋ยจึงพยักหน้าเดินออกไป
หยางไคฮว่าแนะนำว่า “ลู่เจี๋ย ท่านนี้คือศาสตราจารย์หวังฉี หัวหน้าแผนกศัลยกรรมหัวใจ โรงพยาบาลอันดับสามในเครือมหาวิทยาลัยปักกิ่ง ผมสืบทราบมาว่าเขาเชี่ยวชาญการผ่าตัดแก้ไขการเคลื่อนตัวของหลอดเลือดแดงใหญ่แต่กำเนิดร่วมกับการผ่าตัดแก้ไขความผิดปกติของหัวใจมาก เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญระดับประเทศ หลังจากศาสตราจารย์หวังฉีรู้เรื่องของเฉิงเฉิง ก็รับปากจะผ่าตัดให้เฉิงเฉิง”
ลู่เจี๋ยได้ยินแล้วอึ้งไปทันที มองสีหน้าจริงจังของหยางไคฮว่าแล้วหันมองหวังฉีแวบหนึ่ง เธออยากปฏิเสธ แต่ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี
ถึงอย่างไรก็เพื่อลูกของเธอเอง เธอ…ยอมที่จะทิ้งศักดิ์ศรี “สวัสดีค่ะ ศาสตราจารย์หวัง! คุณ…คุณช่วยเฉิงเฉิงด้วยนะคะ” ลู่เจี๋ยพูดด้วยดวงตาแดงก่ำ
“คุณหยางคะ ขอบคุณคุณมากจริงๆ ฉัน…จะตอบแทนคุณอย่างแน่นอนค่ะ”
ใบหน้าของหยางไคฮว่าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องขอบคุณผมครับ ถ้าจะขอบคุณก็ขอบคุณศาสตราจารย์หวังฉีดีกว่าครับ”
หวังฉีถอนหายใจ เสมองหยางไคฮว่า เขาช่างเป็นคนดีคนหนึ่ง หลงรักหัวปักหัวปํา! แต่ก็ตอบเธอว่า “สวัสดีครับคุณลู่ เรื่องของเฉิงเฉิงผมทราบแล้ว ผมจะให้ความร่วมมือกับการผ่าตัดของโรงพยาบาลอย่างเต็มความสามารถ แต่ผมต้องการสื่อสารกับทางโรงพยาบาลล่วงหน้า ถึงอย่างไรการผ่าตัดก็จะทำส่งๆ ไม่ได้”
มีหรือที่ลู่เจี๋ยจะไม่เข้าใจความหมายของหยางไคฮว่า
เธอเป็นผู้หญิง แต่เธอไม่โง่
ลู่เจี๋ยที่เป็นเสาหลักของครอบครัวรู้ถึงความยากลำบากของโลกใบนี้ดี เห็นหยางไคฮว่าแล้ว เธอรู้ว่าเขาจะต้องเสียแรงอย่างมาก ถึงจะเชิญหวังฉีมาได้
จะง่ายขนาดนั้นได้อย่างไร
เป็นถึงระดับผู้เชี่ยวชาญขนาดนั้น ใครจะยอมมาผ่าตัดง่ายๆ
เมื่อวานลู่เจี๋ยเห็นหัวหน้าหมอโทรหาผู้เชี่ยวชาญหลายคนด้วยตัวเอง คนในวงการยังเสียแรงขนาดนี้ กับคนนอกวงการคนหนึ่งจะเป็นเรื่องง่ายได้อย่างไร
ทว่าหลายอย่าง เธอพูดออกไปไม่ได้
ยังต้องคุยรายละเอียดการผ่าตัดกับทางโรงพยาบาล
หยางไคฮว่าและลู่เจี๋ยพาหวังฉีเดินไปทางห้องทำงานแผนกศัลยกรรมหัวใจ
ตอนนี้ในห้องทำงานแพทย์คนเยอะมาก เฉินชาง เถามี่ ฉินเย่วหมิง หยางเจี้ยนซู่ สยงคังอวี้อยู่ที่นี่ทั้งหมด พวกเขากำลังเตรียมการก่อนผ่าตัดอย่างละเอียด
เฉินชางพลันหันไปเห็นพวกหยางไคฮว่าก็เบิกตาโพลง “เอ๊ะ หัวหน้าหวัง คุณมาได้อย่างไร”
ทุกคนมองไปตามเสียงแล้วเผยสีหน้าดีใจทันที
“ศาสตราจารย์หวังฉี?”
“ศาสตราจารย์หวังฉี คุณมาได้อย่างไร”
หวังฉีทักทายพวกเถามี่ ฉินเย่วหมิงตามลำดับ
“เรื่องนี้แน่นอนว่าเพราะคุณหยาง อุตส่าห์ตามผมมาผ่าตัด ผมบอกว่าอยากคุยกับทุกคนหน่อย คิดไม่ถึงว่าจะเป็นคนกันเอง!”
พวกเถามี่ตื่นเต้นมาก
ฉินเย่วหมิงพลันพูดว่า “มีศาสตราจารย์หวังฉีอยู่ เราก็ยิ่งมั่นใจ!”
สยงคังอวี้พยักหน้า “ใช่! ขอบคุณศาสตราจารย์หวังมากครับ”
บรรดาหัวหน้าทักทายกันตามมารยาท
หวังฉีมองเฉินชางอย่างสนใจ “เสี่ยวเฉิน! เสี่ยวเฉิน! ในที่สุดผมก็ได้เจอคุณซักที!”
เฉินชางเกาหัวอย่างอึดอัด “หัวหน้าหวัง ไม่เจอกันนานเลยครับ!”
ทุกคนมองทั้งสองอย่างประหลาดใจ “หรือว่า…รู้จักกัน?”
เหมือนรู้จักกันมาตั้งนานแล้วด้วย!?
หวังฉีอดพูดไม่ได้ “ตอนนี้คุณทำงานที่แผนกศัลยกรรมหัวใจโรงพยาบาลอันดับสองเหรอ”
เฉินชางส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้ม “เปล่าครับ ผมอยู่แผนกฉุกเฉิน มาร่วมสนุกเฉยๆ”
หวังฉีอดถอนหายใจไม่ได้ “ตอนนี้เรียนปริญญาโทหรือยัง”
เฉินชางพยักหน้า “ปีนี้ปริญญาโทชั้นปีที่หนึ่งครับ มหาวิทยาลัยการแพทย์แห่งมณฑลตงหยาง”
หวังฉีฟังแล้วโมโหขึ้นมาทันที “เจ้าหมอนี่ ตอนนั้นผมให้คุณสอบปริญญาโทคุณก็ไม่ยอมสอบ นิสัยดื้อรั้น ดูตอนนี้สิ เรียนปริญญาโทของคนอื่นเสียได้ เอาเถอะ ไม่คุยเรื่องไร้สาระกับคุณแล้ว รอผ่าตัดเสร็จผมค่อยคุยกับคุณ ครั้งนี้อย่าดื้อกับผมเลย ฉวยโอกาสตอนที่ผมยังไม่เกษียณ ไม่แน่ว่าจะหางานที่ไม่เลวให้กับคุณได้”
เฉินชางรู้สึกอุ่นใจ หัวหน้าหวังฉีเป็นผู้มีพระคุณอันดับหนึ่งของเขา
ตอนฝึกงานก็ให้ความสำคัญกับเฉินชางมาก จะให้เฉินชางทำงานกับเขาต่อ
แต่โรงพยาบาลอันดับสามในเครือมหาวิทยาลัยปักกิ่งจะรับนักศึกษาระดับปริญญาตรีอย่างเขาได้อย่างไร
หวังฉีจึงให้เฉินชางเรียนต่อที่ศูนย์วิจัยของเขา
ตอนนั้นไม่ว่าอย่างไรเฉินชางก็ไม่ยอมสอบปริญญาโท!
คิดไม่ถึงว่า ผ่านไปนานขนาดนี้ จะยังได้พบกันอีก
เฉินชางยิ้มกระอักกระอ่วน “หัวหน้าหวัง ตอนนี้ผมทำงานแล้วครับ ที่แผนกฉุกเฉินโรงพยาบาลอันดับสอง”
หวังฉีได้ยินแล้วดึงตัวเฉินชางเข้าไป ส่งสายตาพร้อมพูดเสียงเบาว่า “โรงพยาบาลนี้จะสู้เมืองหลวงได้อย่างไร คุณอย่าโง่สิ เอาเถอะ ผ่าตัดเสร็จผมค่อยคุยกับคุณ!”
พวกเถามี่เห็นแบบนี้ แม้ไม่รู้ว่าหวังฉีพูดอะไร แต่…
ก็พอจะเดาออกบ้างแล้ว
เถามี่รีบพูดว่า “อ้อ! จริงสิ หัวหน้าหวัง ผมลืมแนะนำ นี่เฉินชาง รองหัวหน้าแผนกฉุกเฉินโรงพยาบาลอันดับสองของเรา กำลังจะได้เป็นหัวหน้าแผนกแล้ว!”
หวังฉีฟังแล้วเบิกตาโพลงขึ้นมาทันที มองเฉินชางอย่างเหลือเชื่อ “อะไรนะ คุณเป็นรองหัวหน้าแผนกฉุกเฉินเหรอ”
เฉินชางพยักหน้า ยิ้มเก้อเขินแล้วล้อเล่นว่า “ใช่ เป็นทองอยู่ที่ไหนก็มีค่า อย่างที่คุณเคยพูดไว้ไงครับ”
หวังฉีฟังแล้วโกรธจนหัวเราะออกมาทันที
คิดไม่ถึงว่าไม่เจอกันสามปี เฉินชางจะเป็นถึงรองหัวหน้าของแผนกฉุกเฉินแล้ว
รองหัวหน้าโรงพยาบาลระดับตติยะภูมิประจำมณฑลก็แตกต่างแล้ว
ถ้าเป็นแค่หมอตัวเล็กๆ แน่นอนว่าหวังฉีจะต้องยืนยันคำเดิม แต่…รองหัวหน้าแผนกฉุกเฉินในวัยยี่สิบเจ็ดปี นี่…นี่เป็นไปได้อย่างไร
หวังฉีตาโต ไม่อยากจะเชื่อนัก
ฉินเย่วหมิงรีบอธิบายว่า “หัวหน้าหวัง สัปดาห์ที่แล้วคุณไปอเมริกา อาจจะไม่รู้ข่าวการแข่งขันทักษะศัลยกรรมหัวใจระดับประเทศ ปีนี้เฉินชางเป็นแชมป์ครับ”
ได้ยินคำพูดนี้ หวังฉีอึ้งงันไปทันที “อะไรนะ คุณคือเฉินชางคนนั้นเหรอ”
หลายวันมานี้หวังฉีได้ยินชื่อเฉินชางบ่อยมาก
ทว่า ชื่อซ้ำเยอะมากขนาดนี้ เขาไม่ได้สนใจ!
ถึงอย่างไรเฉินชางคนนั้นก็ได้แชมป์ประเทศมาด้วยคะแนนเต็มทุกรอบการแข่งขัน
แม้เฉินชางจะเก่ง
แต่…
ก็ยังยากมากที่หวังฉีจะเอาสองคนนี้มาเปรียบเทียบกัน
ช่วงนั้นหวังฉียังเคยเสียใจอยู่เล็กน้อย เขายังคิดเลยว่า ถ้าเฉินชางอยู่กับตน ไม่แน่ว่าจะได้ไปเข้าร่วมการแข่งขันระดับประเทศ!
ตอนนั้นยังเสียใจกับเรื่องนี้อยู่ตั้งนาน
คิดไม่ถึงเลยจริงๆ!
โชคชะตากลั่นแกล้งคน สถานการณ์เปลี่ยนไปตามกาลเวลา!
ใครจะคิดว่าเด็กน้อยในตอนนั้น ตอนนี้ไปไกลขนาดนั้นแล้ว
คิดถึงตรงนี้ ตอนที่หวังฉีพินิจเฉินชางอีกครั้งก็อดพูดไม่ได้ “เจ้าหมอนี่! ไม่เลวเลยจริงๆ!”
เฉินชางยิ้มเจื่อน “หัวหน้าหวังสอนมาดีครับ”
จู่ๆ หวังฉีก็พูดยิ้มๆ “คืนนี้ผ่าตัดด้วยกัน ผมจะคอยดูว่าตอนนี้ฝีมือคุณเป็นอย่างไรบ้าง”
ตอนนี้เอง จู่ๆ สยงคังอวี้ก็ยิ้มพูด “หัวหน้าหวัง เฉินชางเป็นแพทย์ผู้นำทีมคืนนี้ เขาต้องไปอยู่แล้วครับ”
ได้ยินคำพูดนี้ หวังฉีมองอย่างตะลึงทันที
“นี่…นี่การแก้ไขการเคลื่อนตัวของหลอดเลือดแดงใหญ่แต่กำเนิดร่วมกับการผ่าตัดแก้ไขความผิดปกติของหัวใจคุณก็ทำเป็นเหรอ”
เฉินชางยิ้มเก้อเขิน แน่นอนว่าเขาทำไม่เป็น การผ่าตัดนี้ของเขาดูจากการผ่าตัดของหัวหน้าหวัง ใช้อุปกรณ์เปลี่ยนให้สมบูรณ์
เฉินชางยิ้มแห้ง “ก็คุณสอนมาทั้งนั้นแหละครับ!”