เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 696 สายลับ
เช้าวันถัดมา เฉินชางมาถึงห้อง ICU แต่เช้า หลังจากเปลี่ยนรองเท้าเดินเข้าไปก็เห็นว่าเฉิงเฉิงตื่นแล้ว
ดวงตาคู่โตกำลังจ้องเฉินชาง หลังจากมั่นใจในสายตาแล้ว เธอก็ยิ้มจนดวงตาโค้งเป็นเสี้ยวพระจันทร์ “คุณอาคะ ขอบคุณที่ช่วยชีวิตหนูนะคะ!”
เฉินชางถามพร้อมรอยยิ้ม “คุณหมอมีหน้าที่รักษาโรค ช่วยชีวิตคน ก็เหมือนที่คุณลุงตำรวจมีหน้าที่ปกป้องประเทศไงครับ จริงสิ รู้สึกไม่สบายตรงไหนไหม”
เฉิงเฉิงส่ายหน้า “ไม่ค่ะ หนูแค่รู้สึกว่าตัวเองนอนไปนานมากๆ ตื่นขึ้นมาอีกทีรู้สึกสบายมาก ไม่แน่นหน้าอกแล้ว สบายไปทั้งตัวเลยค่ะ!”
หลังจากเฉินชางขอพยาบาลดูบันทึกข้อมูลทุกด้านก็โล่งอก ไม่มีปัญหาอะไร ในขณะที่กำลังจะจากไป จู่ๆ เฉิงเฉิงก็เรียกเฉินชางไว้ “คุณอาคะ”
เฉินชางชะงัก พลันหันมา “มีอะไรหรือเปล่าครับ”
เฉิงเฉิงยิ้มพูด “ความจริงหนูไม่ได้โกรธ หนูไม่โทษคุณที่บอกความลับของเรากับแม่”
เฉินชางยีหัวเฉิงเฉิง “อย่าซนนักนะครับ พักผ่อนให้ดี อีกไม่กี่วันก็หายแล้ว”
เฉิงเฉิงพยักหน้า “ค่ะ เฉิงเฉิงเป็นเด็กดีมาก!”
ตอนที่เฉินชางออกจากห้อง ICU เจอหัวหน้าเจิ้งที่กำลังหน้านิ่วคิ้วขมวดพอดี “หัวหน้าเจิ้ง เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
เจิ้งหย่งจวินมองเฉินชาง เตรียมจะส่ายหน้า แต่ความคิดหนึ่งพลันผุดขึ้นในหัว จึงพูดยิ้มๆ “วันนี้หัวหน้าอารมณ์ไม่ดี ระวังหน่อย!”
เฉินชางอึ้ง หัวหน้าหลี่เหรอ
หลี่เป่าซานเป็นคนนิสัยดีมากนะ ท่าทางก็เป็นมิตร ทุ่มเทกับงาน มีความสุขทุกครั้งที่ได้เจอตน
เฉินชางส่ายหน้า ลุกขึ้นเดินกลับแผนกฉุกเฉิน
เพิ่งเข้ามา หลี่เป่าซานก็อยู่ในห้องทำงานแล้ว กำลังพูดอะไรบางอย่างด้วยสีหน้าดำคล้ำ
พอเห็นเฉินชางเข้ามา เขาก็คลายสีหน้าลง เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มที่ดูค่อนข้างอึดอัด “เสี่ยวเฉินมาแล้วเหรอ”
คนเปลี่ยนเวรทยอยมาแล้ว
หลี่เป่าซานปิดประตู ถอนหายใจ “วันนี้เราทำสรุปประจำปี ปี 2019 ผ่านไปแล้ว งบการเงินก็ออกมาแล้ว ปี 2019 แผนกเราขาดทุนเป็นอันดับหนึ่งของโรงพยาบาล ขาดทุนทั้งหมดสามล้านสองแสนเก้าหมื่นแปดพัน ตั้งแต่ปี 2021 เป็นต้นไปเราจะย้ายไปตึกฉุกเฉินแล้ว เพื่อนร่วมงานทุกคน ตอนนี้เราอยู่แค่ชั้นเดียวก็ขาดทุนไปสามล้านแล้ว ถ้ามีแปดชั้น จะไม่ทำให้โรงพยาบาลล้มละลายเหรอ เพราะฉะนั้น ทุกคนลองคิดดูว่ามีมาตรการอะไรบ้าง!”
ตอนนี้เอง เฉินชางเห็นว่าในที่สุดเครื่องหมายคำถามบนหัวของหลี่เป่าซานก็กลายเป็นสีเหลืองแล้ว!
[ติ๊ง! หลี่เป่าซานมอบภารกิจ: ตอนนี้ในแผนกยังคงเผชิญกับสภาวะขาดทุน เป็นแบบนี้ต่อไปไม่เป็นผลดีต่อการพัฒนาของตึกฉุกเฉิน ในฐานะรองหัวหน้าของแผนก โปรดพยายามเสนอกลยุทธ์! หลังจากสำเร็จภารกิจ จะได้รับหีบสมบัติ ระดับของหีบสมบัติขึ้นอยู่กับความสำเร็จของภารกิจ!]
หลังจากเห็นการแจ้งเตือนจากระบบ เฉินชางใคร่ครวญครู่หนึ่ง ทำอย่างไรจึงจะทำให้แผนกไม่ขาดทุน
นี่ไม่ใช่ปัญหาที่จะแก้ไขได้ภายในระยะเวลาอันสั้นอย่างแน่นอน!
เพราะแผนกฉุกเฉินจะต้องขาดทุนอย่างไม่ต้องสงสัย วิธีเดียวก็คือหาช่องทางทำรายได้อื่นมาเติมเต็มส่วนที่ขาดทุน
ถึงอย่างไรแผนกฉุกเฉินก็เป็นแผนกเดียวในโรงพยาบาลที่ไม่จำเป็นต้องส่งรายได้และจัดสรรเงิน
จู่ๆ เฉินชางก็เกิดความคิดหนึ่งขึ้น!
จริงด้วย!
ตอนนี้ผมยังมีอีกหนึ่งภารกิจทดสอบที่มีผลกระทบเชิงบวกต่อแผนก
ถ้าทำสองภารกิจให้สำเร็จพร้อมกันได้…ก็จะได้รับรางวัลเป็นสองเท่าใช่ไหม
แต่จะมีวิธีอะไร
เฉินชางกำลังจะไปโซลเร็วๆ นี้แล้ว มีวิธีอะไรบ้างที่จะทำให้สำเร็จได้ภายในสามวัน
ไม่ใช่สิ จริงๆ แล้วมีเวลาเพียงแค่หนึ่งวัน ถึงอย่างไรหลังจากตนกลับมา ภารกิจก็หมดเวลาแล้ว!
คิดถึงตรงนี้ เฉินชางก็ถอนหายใจอย่างจนปัญญา
สับสน
ทุกคนเงียบ เพราะนี่ไม่ใช่ปัญหาที่เพิ่งเกิด ยิ่งไม่ใช่ปัญหาของโรงพยาบาลอันดับสองเพียงแห่งเดียว
ถึงอย่างไร…ถ้าเรื่องนี้มีวิธีแก้ไขจริงๆ คงไม่ยืดเยื้อมาถึงวันนี้หรอก
ครู่ใหญ่หลังจากนั้น จางซูพลันพูดว่า “หัวหน้า เราควรทำมูลนิธิเวชบำบัดวิกฤตอีกครั้งไหมครับ”
ตอนที่จางซูพูดประโยคนี้ออกมา เธอเองก็ไม่ได้มั่นใจมากนัก
ถึงอย่างไรมูลนิธิก็คือสิ่งสมมติที่น่าปวดใจ ทำมานานแค่ไหนแล้วก็ยังไม่ได้ผลเสียที!
และไม่มีคนบริจาค!
แรกๆ ที่เพิ่งก่อตั้ง มีแรงฮึกเหิม แต่หลังจากนั้น…
ผ่านความลำบากมาไม่รู้เท่าไรก็ไม่เคยได้เกินสองแสน ถึงอย่างไรแผนกที่ได้ชื่อว่าเป็นแผนกสามไร้ ไร้จุดเด่น ไร้ชื่อเสียง ไร้ผู้มีอำนาจอย่างแผนกฉุกเฉินโรงพยาบาลอันดับสอง จะเอาเงินมาจากไหน
ตอนที่เพิ่งเริ่มก่อตั้ง สองแสนนั้นมีหนึ่งแสนห้าหมื่นที่ได้มาจากบริษัทเภสัชกรรมของภรรยามหาเศรษฐีของเหล่าเฉิน
จากนั้นพอไม่มีเงินบริจาคมาอย่างต่อเนื่องมูลนิธิก็พับเก็บไป
ทำให้คนที่เพิ่งมาอย่างพวกเฉินชางถึงขั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าโรงพยาบาลมีมูลนิธิ
อืม!
ป้ายมูลนิธิถูกหัวหน้าพยาบาลเอาไปซ่อนในห้องเก็บของ หลีกเลี่ยงเวลาถูกถามถึงแล้วอึดอัด
เถียนเซียงหลานได้ยินคำพูดของจางซูพลันพูดว่า “ฉันอายที่จะเอาป้ายนั้นออกมาแล้วค่ะ!”
เฉินปิ่งเซิงได้ยินแล้วสีหน้าเปลี่ยนไป ยิ้มพิพักพิพ่วน “หัวหน้า บริษัทของภรรยาผมมีปัญหาการเงินนิดหน่อย คง…”
หลังจากทุกคนได้ยิน ก็เกือบกลั้นหัวเราะไม่อยู่
ทุกครั้งที่พูดถึงเรื่องมูลนิธิ หลี่เป่าซานมักจะจ้องมหาเศรษฐีของแผนกอย่างลึกล้ำแวบหนึ่ง “ภรรยาของ…เฉินปิ่งเซิง!”
หลี่เป่าซานถอนหายใจ
อันเยี่ยนจวินอดพูดไม่ได้ “ปีหน้าแผนกศัลยกรรมมือก็จะก่อตั้งขึ้นแล้ว อาจจะดีขึ้น”
ได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าของหัวหน้าพยาบาลเถียนเซียงหลานเปลี่ยนไปทันที “หัวหน้าอัน อย่าหาว่าฉันพูดจาไม่น่าฟังเลยนะคะ ฉัน…ฉันรู้สึกว่าก่อตั้งแผนกศัลยกรรมมือแล้วจะขาดทุนกว่าเดิมอีก! จริงๆ นะคะ คุณดูหัวหน้าเฉินสิ เมื่อก่อนชีวิตเขาดีแค่ไหน ตอนนี้ถูกคุณสอนอย่างไม่เสียดายของเลย…คนไข้น่าสงสารก็จริง แต่…จะเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้ ฉันรู้สึกว่าสู้กลับไปทำมูลนิธิยังดีกว่า ถึงอย่างไรแผนกฉุกเฉินของเราก็ต้องการเงินบริจาคก้อนนั้นจริงๆ…”
คุยกันตั้งนานก็กลับมาที่เรื่องของมูลนิธิอีกครั้ง
หลี่เป่าซานได้ยินแล้วปวดหัว
หลังจากเขามองไปรอบๆ พอเห็นเฉินชางก็พูดว่า “คือ หัวหน้าเฉิน คุณเพิ่งรับช่วงงานในแผนก ถ้าอย่างนั้น คุณทำเรื่องมูลนิธิก่อนดีไหมครับ”
ความจริงหลี่เป่าซานไม่ได้คาดหวัง แค่พูดพอเป็นพิธี
ถึงอย่างไร สำหรับมูลนิธินี้ พูดอยู่ทุกปีก็ไม่เห็นว่าจะทำให้ดีได้
ที่ให้เฉินชางทำ เพียงเพราะตอนนี้เฉินชางเป็นหัวหน้าแล้ว ให้งานสักหน่อย ให้เขาได้สัมผัสและทำความคุ้นเคยกับการขับเคลื่อนแผนกให้ไวที่สุด หลี่เป่าซานต้องการแค่นี้แหละ
จะระดมเงินได้หรือไม่ หลี่เป่าซานไม่เคยคิดเลย
เพราะเขาเองก็เคยทำ แต่ไม่ได้ผลเลยสักนิด…
เฉินชางได้ยินคำพูดนี้แล้วตาเป็นประกายขึ้นมาทันที
จริงด้วย!
มูลนิธิเวชบำบัดวิกฤต?
เป็นวิธีที่ดี!
ถ้าสำเร็จขึ้นมาจริงๆ จะต้องส่งผลกระทบในทางที่ดีต่อการพัฒนาของแผนกอย่างแน่นอน ยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว
คิดถึงตรงนี้ เฉินชางพยักหน้า “อืม หัวหน้า ผมจะทำให้ดีที่สุดครับ”
หลี่เป่าซานอึ้ง เจ้าหมอนี่ไม่เข้าใจความหมายของผมเหรอ ความหมายของผมคือแกล้งตีมึนไปก็พอ มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้นหรอกนะ
พวกหัวหน้าพยาบาลทนดูไม่ไหวแล้ว
“หัวหน้าเฉิน…เรื่องนี้ไม่ง่ายเลย คุณอย่าจริงจังเกินไปเลยค่ะ”
จางซูพยักหน้า “อืม ทำให้โรงพยาบาลเห็นก็พอ ถือว่าเราก็ได้ดิ้นรนแล้ว”
เหล่าเฉินเองก็พยักหน้า “ใช่ครับ แกล้งๆ ทำไปก็พอ ให้ทุกคนเห็นว่าความจริงเราก็พยายามแล้ว!”
เฉินชางหนังหัวชาวาบ พวกคุณไม่เห็นเหรอว่าสายลับอย่างยัยฉินขี้ประจบตั้งใจฟังอยู่ตรงนั้น
นี่เป็นสายลับที่ผู้อำนวยการฉินส่งมาเชียวนะ!
พวกคุณ…พวกคุณกลับไม่เกรงกลัวกันเลย