เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 714 ทางสายนี้...น่ากลัวจริง!
เมารถเหรอ
อาการที่ดูเหมือนว่าใครก็เป็นได้ในชีวิตประจำวันแบบนี้อาจเป็นเครื่องมือเร่งตายในช่วงเวลาสำคัญได้!
อาการที่พบได้บ่อยตอนเมารถก็คือเวียนศีรษะ พะอืดพะอม หน้าซีด ถ้ารุนแรงก็จะอาเจียน หรือถึงกับหายใจแรงขึ้น ระบบไหลเวียนเลือดทำงานหนัก
เดิมทีผู้ป่วยก็มีภาวะผนังกั้นห้องหัวใจล่างฉีกขาด บวกกับอาการหัวใจวายที่เกิดขึ้นตามมา ถ้าอาเจียนรุนแรง จะถึงกับทำให้หัวใจรับภาระเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ทันทีที่เกิดภาวะเกลือแร่ในเลือดขาดสมดุล รถฉุกเฉินเที่ยวนี้อาจจะเปลี่ยนเป็นรถบรรทุกศพเมื่อไรก็ได้!
นี่ไม่ได้ล้อเล่น
บางครั้ง ทุกคนอาจไม่รู้ว่าภาระหน้าที่ของแพทย์ฉุกเฉินคนหนึ่งเป็นอย่างไร
ความสามารถที่สำคัญที่สุดของแพทย์ฉุกเฉินก็คือส่งผู้ป่วยถึงโรงพยาบาล ‘โดยสมบูรณ์’ จากนั้นจึงรักษาชีวิตของผู้ป่วยให้คงที่ด้วยการใช้กระบวนท่าบู๊ลิ้มต่างๆ พอไม่เสี่ยงอันตรายแล้วค่อยส่งต่อให้แผนกเฉพาะทางที่เกี่ยวข้อง
เพราะอย่างนี้แพทย์ฉุกเฉินจึงต้องมีความรู้ความสามารถ รวมถึงโลกทัศน์เพียงพอ เพื่อจัดการเรื่องที่จะเกิดขึ้นเมื่อไรก็ได้ให้เรียบร้อย
และคำว่า ‘โดยสมบูรณ์’ นี้ ก็คือแนวทางที่พวกเขาพยายามทำ ร่องรอยเล็กน้อยใดๆ ก็ปล่อยผ่านไม่ได้ทั้งนั้น
เฉินชางเริ่มไตร่ตรอง!
ผ่านไปครู่หนึ่ง เฉินชางก็พูดออกมาทันทีว่า “เสี่ยวหลิน เตรียมไดเฟนไฮดรามีนเข็มหนึ่ง ฉีดเข้าชั้นกล้ามเนื้อ!”
เสี่ยวหลินพยักหน้า เปิดกล่องฉุกเฉินที่เธอพกติดตัวไปทุกที่แล้วเริ่มเตรียมยา
ตอนนี้ผู้อำนวยการก็ทำเรื่องย้ายโรงพยาบาลเสร็จแล้ว ชายคนนั้นร้อนรนมาหาพวกน้องชาย รีบวิ่งไประดมเงิน
อย่างไรครอบครัวก็อยู่ในหมู่บ้านทั้งนั้น จึงอยู่ไม่ไกลกันมาก ไม่นานนักก็สะพายกระเป๋าใบหนึ่งมาเตรียมของใช้จำเป็น
พอเจอเฉินชางก็เอ่ยถามเบาๆ “หมอ…ต้องใช้เงินเท่าไร ผมจะได้เตรียมไว้ก่อน”
คำถามนี้ทำเอาเฉินชางไปไม่เป็น “ผมเองก็ยังไม่รู้จริงๆ ว่าต้องใช้เงินเท่าไรกันแน่ คุณพกไว้สักหมื่นสองหมื่น ไปถึงแล้วค่อยทำเรื่องค้างชำระได้ ไม่ต้องกังวลครับ”
ชายคนนี้ถอนใจ ยิ้มพลางเกาหัว “ผมยังนึกว่าแผนกฉุกเฉินถ้าไม่จ่ายเงินจะไม่รักษาให้น่ะ”
เฉินชางก็มาสนใจคุยเล่นกับชายคนนี้ไม่ได้ พูดกับเสี่ยวหลินต่อ
“สารละลายกลูโคสเพิ่มโตรกลีเซอรินสิบมิลลิกรัม ลดปริมาณเลือดหัวใจก่อนสูบฉีด!”
“ฉีดมอร์ฟีนสามมิลลิกรัมเข้าชั้นกล้ามเนื้อ!”
เป้าหมายทั้งหมดของเฉินชางก็เพื่อระงับประสาทผู้ป่วยให้ได้มากที่สุด!
นอน!
ถ้านอนนิ่งได้ตลอดทาง ไม่เกิดปฏิกิริยาจากการเมารถอย่างเช่นการอาเจียน แบบนี้จะดีที่สุด
แน่นอนว่าปริมาณมอร์ฟีนก็จะใช้มากเกินไปไม่ได้ เพราะร่างกายผู้สูงอายุต้านทานไม่ได้เสมอไปจริงๆ
ด้วยเหตุนี้ ทุกคนจึงเริ่มยกคุณยายลงมาข้างล่าง
ที่จริงโรงพยาบาลที่ไม่มีลิฟต์แบบนี้สร้างเป็นอาคารชั้นเดียวยังจะดีเสียกว่า เคลื่อนย้ายผู้ป่วยก็สะดวก มิหนำซ้ำชนบทมีพื้นที่กว้างขวาง ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีที่ ตรงกันข้าม พอสร้างเป็นอาคารแบบนี้ บางครั้งกลับรับมือได้ยากมาก
หลังจากเตรียมการทั้งหมดแล้ว คุณยายก็ถูกส่งขึ้นรถฉุกเฉินไป เฉินชางกับเสี่ยวหลินมาถึงทีหลัง
เพราะทางสายนี้มีอุปสรรคไม่ขาด!
เสี่ยวหลินค่อนข้างกังวล เธอเอาเครื่องช่วยหายใจชนิดมือบีบกับอะมิโอดาโรน[1]ออกมาเตรียมวางไว้ข้างๆ แล้ว พร้อมกู้ชีพได้ทุกเมื่อ
ในที่สุดก็ทำทุกอย่างเสร็จ!
เริ่มออกเดินทางบนหนทางที่ยากลำบาก!
เหล่าหยางมองเฉินชางแล้วถามคำถาม “กังวลไหม”
เฉินชางส่ายหัว “ทำใจนิ่งๆ หน่อย”
เหล่าหยางพยักหน้า
พอรถเคลื่อนตัว ผู้อำนวยการกับหมอเจ้าของไข้ศูนย์สุขภาพเมืองหนานเฉียวที่อยู่ข้างหลังก็ต่างถอนใจโล่งอก
สำหรับพวกเขาแล้ว ผู้ป่วยที่มีระดับความยากสูงแบบนี้เป็นภาระจริงๆ ช่วงเวลาสองวันตั้งแต่เมื่อวานจนวันนี้ ทั้งสองต่างลงแรงไปมาก
ไม่ได้หมายความว่าทั้งสองคนไม่อยากพยายาม แต่ความสามารถมีจำกัดจริงๆ
เหล่าหยางมีนิสัยดีตอนขับรถ ไม่ว่าสภาพเส้นทางไม่ดีอย่างไรจะแจ้งเฉินชางล่วงหน้าเสมอ
เสี่ยวหลินตาดีมือไว รีบเอาเครื่องติดตามสัญญาณชีพติดตั้งกับตัวผู้ป่วย
การเดินทางเที่ยวนี้ ทั้งสามคนต่างต้องมอง ‘จอทีวี’ เสียแล้ว!
บนเครื่องติดตามสัญญาณชีพเครื่องเล็กเครื่องนี้ ตัวเลขกับเส้นโค้งที่เต้นเป็นจังหวะนั้นก็คือสิ่งที่ทั้งสามคนต่างพะวักพะวง
เส้นทางหนึ่งร้อยกิโลเมตร คะเนด้วยสายตาต้องใช้เวลาสองถึงสามชั่วโมง
ทางภูเขาขรุขระ ตอนขึ้นเนินว่ากังวลใจแล้ว ตอนลงเนินยิ่งน่าห่วง
ลูกชายคนโตของคุณยายกุมมือแม่ไว้ อดถอนหายใจไม่ได้
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาตั้งใจสังเกตแม่ขนาดนี้ ทั้งยังลูบมือที่ทำงานหนักมาตลอดชีวิตทั้งสองข้างอย่างใกล้ชิด
หลังมือเหี่ยวย่นแห้งผากเหมือนเปลือกไม้แห้งแตก บริเวณข้อต่อนิ้วมือกับฝ่ามือมีหนังด้านเป็นชั้นๆ ลายมือมีแต่ร่องรอย ไร้ความเปล่งปลั่ง เต็มไปด้วยความเสื่อมถอยตามกาลเวลา
“หมอ คุณว่า…แม่ผมจะรอดได้ไหม”
ชายคนนี้ไม่รอให้เฉินชางตอบ เขาถอนหายใจกับตัวเองแล้วพูดขึ้นมาคล้ายไม่ได้ถามเฉินชางสักนิด แต่กำลังถามตัวเองอยู่
“ลำบากมาทั้งชีวิตแล้ว เห็นแม่ได้อยู่สบายไม่กี่วัน คิดไม่ถึงว่าจะป่วยอีก พวกเราเจ็ดพี่น้อง พ่อก็ด่วนจากไป มีแม่เลี้ยงดูจนโตอยู่คนเดียวทั้งนั้น
“เห็นคนในครอบครัวแต่ละบ้านเริ่มดีขึ้น ก่อร่างสร้างตัวกันหมดแล้ว ปีนี้น้องชายกับน้องสาวคนสุดท้องของผมจะแต่งงานพอดี คิดไม่ถึงว่าแม่จะล้มป่วย
“ที่จริงพวกเราก็พอรู้ว่าอายุมากขนาดนี้ ทั้งหัวใจวายแล้วไหนจะสักอย่างในหัวใจฉีกขาดอะไรนั่นที่คุณพูดมาอีก ผ่าตัดก็ใช่ว่าจะสำเร็จเสมอไป
“แต่คนเป็นลูกจะทนเห็นแม่ตายไปต่อหน้าได้จริงๆ เหรอ
“แม่คนเดียวทำนาหกไร่กว่าส่งน้องๆ เรียน ตอนนี้ได้พักแล้ว แต่แม่กลับมาล้มป่วย
“ผมก็อยากให้แม่ได้เห็นน้องๆ เป็นฝั่งเป็นฝา จะได้ทำให้แม่สมหวังด้วย”
พอพูดจบ ชายอกสามศอกผู้หยาบกระด้างคนนี้ก็อดถอนใจยาวๆ ไม่ได้ ตาเขาแดงไปหมด น้ำตาคลอเต็มเบ้าตา
เขาพูดกันว่าผู้ชายจะไม่เสียน้ำตาง่ายๆ แต่บุญคุณพ่อแม่ยิ่งใหญ่ดั่งขุนเขา
“ดังนั้นไม่ว่าจะช่วยชีวิตสำเร็จหรือไม่ก็ต้องรักษา เงินเสียไปก็ไม่เป็นไร หมดแล้วก็หาใหม่ได้! แต่คนเสียแล้วก็เสียเลยจริงๆ!
“ไม่ว่าจะพูดยังไง…ก็ทำให้เต็มที่เถอะครับ!”
เสี่ยวหลินได้ฟังจนรู้สึกซาบซึ้ง อดพูดไม่ได้ว่า “คุณอาคะ ไม่ต้องกังวลนะคะ หมอเฉินเก่งมากค่ะ มีเขาออกโรงต้องไม่เป็นไรแน่ค่ะ!”
เฉินชางพยักหน้า
ทว่ายิ่งกังวลอะไรก็ยิ่งได้อย่างนั้น ตอนใช้ทางในหมู่บ้านยังไม่มีปัญหาอะไร
แต่พอขึ้นทางด่วน เสียงเตือนตี๊ดๆๆ จากเครื่องติดตามสัญญาณชีพดังขึ้นมา ทำเอาเฉินชางกับเสี่ยวหลินตกใจ!
มาจนได้!
เฉินชางเงยหน้ามอง ความดันลดลงฉับพลัน อัตราการเต้นหัวใจเร็วขึ้น หายใจก็เริ่มถี่รัว!
เฉินชางหน้าเปลี่ยนสีทันที สิ่งที่ควรจะเกิด ยังไงก็รั้งไม่อยู่!
“เสี่ยวหลิน เตรียมอะมิโอดาโรน!”
เสี่ยวหลินไม่ร้อนรน เริ่มเตรียมการ
บนทางด่วน ฝ่ามือคนขับรถเหล่าหยางมีแต่เหงื่อ!
ตอนที่เขาได้ยินชายคนนั้นพูดถึงแม่เขาก็ถอนใจ บ้านไหนไม่มีแม่บ้างล่ะ
เจ็บปวดใจไปหมด!
ในใจเขาก็เริ่มภาวนาให้คุณยายคนนี้
เขาเปลี่ยนเลนไปฝั่งที่ใช้ความเร็วหกสิบกิโลเมตร ตั้งลำรถให้นิ่ง ช่วยให้เฉินชางมีสภาพแวดล้อมในการกู้ชีพที่ดียิ่งขึ้น!
[1] ยารักษาภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ