เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 721 ประหยัดค่าเช่าบ้าน
เฉินชางเห็นทั้งสองจากไปก็ถอนหายใจ
ไม่ว่าใครเจอเรื่องแบบนี้ก็คงเสียใจ
คิดถึงตรงนี้ จู่ๆ เฉินชางก็รู้สึกว่าฉินเสี้ยวยวนเก่งมากจริงๆ ในฐานะหัวหน้าแผนกเนื้องอกวิทยา อายุรศาสตร์ เขารักษาผู้ป่วยมามากมาย วินิจฉัยเนื้องอกมามากมาย และเห็นความสุขความทุกข์มามากมาย
บางทีนี่จึงจะเป็นการฝึกของหัวหน้าที่แท้จริงอย่างหนึ่ง
ไม่เพียงแค่มีทักษะทางการแพทย์ที่ลึกล้ำ แต่ยังเป็นการฝึกหัวใจดวงนั้นด้วยกระมัง
ตอนล้างมือ เฉินชางสรุปความรู้ที่ได้รับในวันนี้
ประเด็นแรกคือการตรวจร่างกายเป็นสิ่งที่มองข้ามไม่ได้ ป้าคนนี้ไอมาเป็นเดือนแล้ว ไม่มีใครสังเกตว่าเธอมีปัญหาเกี่ยวกับต่อมไทรอยด์เลยหรือ
ทุกคนอาจจะคิดว่าไม่จำเป็น!
ปกติใครจะเชื่อมโยงต่อมไทรอยด์กับอาการไอเข้าด้วยกันล่ะ
ประเด็นที่สองคือ ต่อไปเวลาเขามาประจำที่แผนกผู้ป่วยนอกต้องสวมหน้ากากอนามัย เพื่อไม่ให้หน้าตาอันหล่อเหลาถูกเปิดเผยออกไปจนถูกพวกพี่สาวหว่านเสน่ห์
แต่ตอนที่เฉินชางได้ยินเสียงแจ้งเตือนจากระบบ จู่ๆ ก็รู้สึกว่าพี่สาวคนนี้ก็ไม่ได้น่ารำคาญแล้ว ถึงอย่างไรก็ช่วยเขาสำเร็จภารกิจรับคนไข้สามคน
คนแรกคือนักเรียนมัธยมปลายที่เจ็บหัวใจ อีกคนคือพี่สาวบ้าผู้ชาย และคุณป้าที่ไม่รู้ว่าควรเรียกว่าโชคดีหรือโชคร้ายคนนั้น
[ติ๊ง! ภารกิจสำเร็จ รักษาคนไข้สามคนในการประจำแผนกผู้ป่วยนอกครั้งแรก ได้รับรางวัล: คะแนนทักษะ +1]
รางวัลปลอบใจ ถือว่ารับได้
ตอนที่เฉินชางเตรียมเลิกงาน เพิ่งออกจากประตูก็ได้ยินเสียงอันคุ้นเคย
“แม่…เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมไปอ้อนวอนผู้อำนวยการฉินให้ลงคิวไว้ให้ ตอนนี้คนเยอะขนาดนี้ คงไม่มีโอกาสแล้ว”
คุณป้าถอนหายใจ “ก็ดีเหมือนกัน แม่กลัวว่าลูกจะเข้าคิวทั้งคืนจนพักผ่อนไม่เพียงพอ พรุ่งนี้ลูกยังต้องเข้าเวร ลงทะเบียนไปเถอะ เปลี่ยนหมอก็ได้”
ตอนนี้เอง เฉินชางก็เดินผ่านมาพอดี หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่งจึงเดินเข้ามาพร้อมพูดว่า “คุณป้าครับ เอาอย่างนี้ พรุ่งนี้คุณป้าไปแผนกผู้ป่วยในชั้นสิบหกของแผนกเนื้องอกวิทยาเนื้องอกวิทยานะครับ พรุ่งนี้เช้าผู้อำนวยการฉินจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่นั่น เดี๋ยวผมเขียนกระดาษโน้ตให้ คุณแค่ไปหาเขาก็พอ เขาเห็นกระดาษโน้ตแผ่นนี้ก็จะรู้เอง”
คุณป้าตะลึงทันที แม้แต่ลูกชายของเธอก็งุนงง
พวกเขาก็แค่ไม่เชื่อ
คุณป้ารีบพูดเสียงเบา “เจ้าหมอนี่ คุณโง่หรือเปล่า! คุณน่ะเป็นคนดี ป้ารับความหวังดีไว้แล้ว แต่…คุณจะเขียนกระดาษโน้ตถึงผู้อำนวยการ ทำแบบนี้ได้อย่างไร คุณไม่กลัวผู้อำนวยการไม่พอใจเหรอ ท่านเป็นถึงผู้อำนวยการ ส่วนคุณเป็นหมอตัวเล็กๆ คนหนึ่ง คุณมั่วแล้ว ผู้อำนวยการเขียนกระดาษโน้ตให้คุณได้ แต่คุณจะให้ผู้อำนวยการเนี่ยนะ นี่มันกลายเป็นระบบอะไรไปแล้ว”
ชายหนุ่มมองเฉินชาง หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกเช่นกัน
ในสายตาเขา เฉินชางอาจจะประสบการณ์น้อยไปจริงๆ แต่ความตั้งใจถือว่าไม่เลว
เฉินชางอึ้ง ก็มีเหตุผล
ทว่า…ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเหล่าฉินแน่นอนว่าซับซ้อน อย่างน้อยเหล้าที่เขาให้มิยาเกะ ทาคุโตะ ก็เป็นเหล่าฉินให้มา
อธิบายไปพวกเขาก็ไม่เข้าใจหรอก
เฉินชางคิดๆ แล้วโทรหาฉินเสี้ยวยวนโดยตรง
ฉินเสี้ยวยวนในฐานะพ่อครัวของบ้านกำลังเตรียมจะเข้าครัว ได้ยินเสียงโทรศัพท์ก็รีบถามว่า “เยว่เยว่ ใครโทรมา”
ฉินเยว่มองสายเรียกเข้าที่แสดงบนหน้าจอแล้วงุนงงขึ้นมาทันที
“พ่อ…‘เหอะเหอะเหอะ’ นี่ใครเหรอคะ”
ฉินเยว่เห็นคำว่า ‘เหอะเหอะเหอะ’ บนหน้าจอโทรศัพท์แล้วงุนงงเล็กน้อย
ใครกันถึงถูกเมมชื่อว่าเหอะเหอะเหอะ
หรือว่า…มีกิ๊ก
เหล่าฉินได้ยินแล้วรีบวางของในมือลง เดินมารับโทรศัพท์
ตอนนี้เอง จี้หรูอวิ๋นก็ประหลาดใจขึ้นมาแล้ว
เหอะเหอะเหอะคือใคร
เพียงได้ยินเหล่าฉินพูดว่า “ว่าไงเสี่ยวเฉิน อ้อ คนไข้เหรอ ได้ๆๆ คุณให้เขาไปรอผมที่แผนกผู้ป่วยนอกพรุ่งนี้ จริงสิ คุณเขียนกระดาษโน้ตไว้ด้วย โอเค ตามนั้น เจอกัน”
ฉินเสี้ยวยวนวางสาย ทั้งสองตาโต
ฉินเยว่ “พ่อคะ เหอะเหอะเหอะคือเฉินชางเหรอคะ”
เหล่าฉินขานรับว่าอืมอย่างเป็นธรรมชาติมาก “ใช่”
ฉินเยว่ไม่เข้าใจ “หมายความว่าไงคะ”
เหล่าฉินลังเลครู่หนึ่ง กระทะทอดในมือก็ชะงักไปด้วย “ความหมายตรงตัว”
……
หลังจากเฉินชางหยิบปากกาออกมาเขียนโน้ตให้คุณป้าเสร็จก็พูดพร้อมรอยยิ้ม “เสร็จแล้วครับ ผมแจ้งไว้แล้ว พรุ่งนี้ไปเช้าหน่อย ไปตั้งแต่เจ็ดโมงเลยนะครับ”
คุณป้ากับชายหนุ่มลังเลอยู่ครู่ใหญ่ รู้สึกว่าเฉินชางกำลังหลอกพวกเขาอยู่
แต่…โทรหาต่อหน้า ก็ไม่ได้จำเป็นนะ
หรือ…เจ้าหมอนี่จะเป็นบุคคลสำคัญ?
ไม่อย่างนั้น จะอธิบายเรื่องนี้อย่างไร!
น้องหมอคนนี้ มหัศจรรย์จริงๆ…
……
……
ประจำแผนกผู้ป่วยนอกตลอดทั้งช่วงบ่ายน่าเบื่อจนทำให้เฉินชางไม่ค่อยชินนัก
ตอนประมาณสองทุ่มกว่า จู่ๆ หวังจื้อผู้จัดการเขตไห่อันใหม่แห่งกลุ่มบริษัทตระกูลเจิ้งก็โทรเข้ามา “คุณเฉินครับ สองสามวันนี้ถ้าคุณมีเวลาหามาผมหน่อยนะครับ ผมตกแต่งห้องตามความต้องการของคุณไปในระดับหนึ่งแล้ว ในส่วนของการจัดซื้อเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน คุณลองดูว่าคุณอยากได้แบรนด์อะไร เดี๋ยวผมจัดการให้ครับ”
เฉินชางได้ยินแล้วตาเป็นประกายขึ้นมาทันที ตกแต่งเสร็จแล้วเหรอ
เฉินชางคาดหวังขึ้นมา “ขอบคุณผู้จัดการหวังมาก มะรืนนี้แล้วกัน พรุ่งนี้งานค่อนข้างยุ่ง ผมไปช่วงเช้ามะรืนนี้นะครับ”
หวังจื้อพยักหน้า “ได้ครับ สะดวกตลอดเวลาเลย โทรหาผมนะครับ”
บ้านตกแต่งเสร็จแล้ว คาดว่าปีหน้าฝึกงานกลับมาก็เข้าอยู่ได้แล้ว
ทว่าเรื่องฝึกงาน จนตอนนี้เฉินชางยังไม่มั่นใจว่าจะไปฝึกงานที่วิทยาลัยการแพทย์ปักกิ่งยูเนี่ยน...หรือศูนย์ฉุกเฉินดี หรือจะโรงพยาบาล 301 ฟู่ว่าย อันเจินก็ได้หมด
โรงพยาบาลพวกนี้ล้วนไม่เลวเลย!
ความจริงถ้าเป็นด้านการกู้ชีพฉุกเฉิน ศูนย์ฉุกเฉินพัฒนามากกว่า
แต่ศักยภาพโดยรวมของวิทยาลัยการแพทย์ปักกิ่งยูเนี่ยนแข็งแกร่งที่สุด
ไปที่ไหนดีนะ
ปริญญาเอกระบบตรวจสอบของวิทยาลัยการแพทย์ปักกิ่งยูเนี่ยนที่ฉินเยว่ยื่นขอ เธอสมัครไปแล้ว ถ้าไม่มีเรื่องไม่คาดฝันอะไรก็ไม่น่าจะมีปัญหา
ตอนนี้เอง จู่ๆ เฉินชางก็รู้สึกว่าตนควรซื้อบ้านที่เมืองหลวงด้วยหรือไม่…
ถึงอย่างไรตนก็จะต้องไปเมืองหลวงอยู่แล้ว
ฉินเยว่ก็อยู่เมืองหลวง แบบนี้ เช่าบ้านก็แพงมากสิ!
ทั้งสองเช่าด้วยกันก็จะลดภาระเรื่องค่าเช่าบ้านได้
อืม!
เพราะความกดดันด้านการเงินล้วนๆ!
คิดถึงตรงนี้ จู่ๆ เฉินชางก็ตาเป็นประกาย เปิดแผนที่ในโน้ตบุคขึ้นมาดู
ระยะห่างของโรงพยาบาล 301 ระยะห่างของโรงพยาบาลอันเจิน และระยะห่างของโรงพยาบาลฟู่ว่าย…
ตอนที่เฉินชางเห็นระยะห่างของศูนย์ฉุกเฉินกับวิทยาลัยการแพทย์ปักกิ่งยูเนี่ยน พลันตัดสินใจว่าจะไปศูนย์ฉุกเฉิน!
โรงพยาบาลศูนย์ฉุกเฉินห่างจากวิทยาลัยการแพทย์ปักกิ่งยูเนี่ยนไม่ถึงสองพันเมตรเท่านั้น
ระยะทางนี้ถือว่าใช้ได้!
เฉินชางตัดสินใจว่าจะไปฝึกงานที่นั่น!
คิดถึงตรงนี้ เฉินชางส่งข้อความหาฉินเยว่ทันที “ผมเช่าบ้านให้คุณไหมครับ ห่างจากวิทยาลัยการแพทย์ปักกิ่งยูเนี่ยนไม่ไกล คุณจะได้ไปทำงานสะดวก”
ฉินเยว่ได้ยินแล้วในใจก็อุ่นวาบขึ้นมาทันที “เฉินชาง ฉันว่าคุณดีขึ้นเรื่อยๆ เลยค่ะ!”
เฉินชางยิ้มเก้อเขิน หน้าแดงเล็กน้อย “เราสองคน คนกันเองอยู่แล้วครับ!”
จู่ๆ ฉินเยว่ก็คลี่ยิ้ม “แต่…ในเมืองหลวงเช่าบ้านแพงมากนะคะ ฉันไม่ได้ทำงาน ไม่ได้มีเงินมากนัก ฉันกลัวว่าจะจ่ายค่าเช่าไม่ไหว คุณก็ไปเมืองหลวงนี่ งั้น…เราเป็นรูมเมทกันไหม!”
เฉินชางได้ยินแล้วหัวใจเต้นตุบๆ ขึ้นมา ผู้หญิงคนนี้นับวันยิ่งฉลาด!
คิดเหมือนกันเลย!
“อืม ผมรู้สึกว่าเราอยู่ด้วยกันก็ดีนะครับ ประหยัดค่าเช่า!”
ฉินเสี้ยวยวนได้ยินฉินเยว่หัวเราะเจื่อนๆ อยู่ตรงนั้นก็อดถอนหายใจไม่ได้ “เหอะ เหอะ เหอะ…”