เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 73 มงคลคู่มาเยือนถึงประตู
หวังเชียนรู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย รีบหาหัวข้อสนทนาใหม่เพื่อให้ตัวเองหลุดพ้น พูดขึ้นว่า “ชางเอ๋อร์ไปแข่งวันนี้ ไม่รู้ว่าเป็นยังไงบ้างนะครับ?”
เมื่อพูดออกมาเช่นนี้กลับดึงดูดความสนใจของทุกคนรอบๆ ได้ชะงัด
การเลื่อนตำแหน่งของเฉินชางในคราวนี้ พูดอย่างไรก็เป็นเรื่องไม่ใหญ่ไม่เล็กในแผนกฉุกเฉิน ทุกคนให้ความสนใจอยู่บ้าง
เฉินปิ่งเซิงไม่กล้าพูดอะไร พูดตอนนี้ยังเร็วเกินไป ถ้าชมเชยเขา…เกิดคะแนนย่ำแย่ขึ้นมาจะเป็นการทำร้ายเขาเปล่าๆ เดี๋ยวจะถูกพวกปากเสียนินทาลับหลัง เมื่อคิดถึงตรงนี้ เฉินปิ่งเซิงจึงรู้สึกสมองบวม
อันเยี่ยนจวินยิ้มออกมา “พื้นฐานของเสี่ยวเฉินแข็งกว่าคุณ คุณไม่ต้องกังวลหรอก”
ฉินเยว่พยักหน้า “ใช่แล้ว เฉินชางหล่อขนาดนั้น ต้องผ่านแน่นอน”
หวังเชียนชะงักไป รู้สึกเลื่อมใสขึ้นมาเล็กน้อย…
หล่อเกี่ยวอะไรกับการผ่าตัด?
หรือคนหล่อแล้วไม่ต้องการวิสัญญีแพทย์?
หล่อแล้วไส้ติ่งจะวิ่งออกมาหาคุณเองหรือไง!
อีกอย่างผมก็คิดว่าผมหล่อมาก อย่างน้อยก็มีความมาดแมนมากกว่าเฉินชาง
หลังจากหวังเชียนใคร่ครวญอย่างละเอียด ก็พบปัญหาใหญ่อย่างหนึ่ง ดูเหมือนเขาพูดอะไรก็ถูกรังเกียจไปหมด?
ทำไมก่อนหน้านี้ฉันถึงไม่รู้ตัวล่ะ?
เมื่อคิดถึงตรงนี้หวังเชียนก็ตัดสินใจว่าตนจะต้องเรียนรู้จากอันเยี่ยนจวินผู้เป็นอาจารย์ให้ดี จะต้องเงียบสงบดังเหล็กกล้าให้ได้
ตอนนี้แต่ละคนต่างมีความคิดเป็นของตัวเอง
แม้ว่าการที่เฉินชางจะได้บรรจุหรือไม่จะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเขาสักนิด แต่มักมีบางคนที่ไม่ค่อยอยากให้เฉินชางชนะการแข่งขัน…
อย่างเช่นหวังหย่ง เขาไม่ค่อยอยากให้เฉินชางชนะการแข่งขัน เพราะที่ผ่านมาเขาคิดว่าตนเก่งกว่าเฉินชาง ตั้งแต่เข้ามาทำงานในโรงพยาบาลนี้ เขาคอยติดตามหัวหน้าแผนกมาตลอด เส้นทางสะดวกราบรื่น อีกทั้งหวังหย่งก็เข้าร่วมกิจกรรมบ่อยๆ เขาจึงคิดว่าตนโดดเด่นกว่าเฉินชางมาก
หากเฉินชางได้รับการบรรจุอย่างเป็นทางการ เขาจะรู้สึกเหมือนตัวเองถูกทิ้ง รู้สึกไม่สบายใจ ดังนั้นแม้ปากหวังหย่งจะไม่พูดออกมา แต่ในใจไม่ต้องการให้เฉินชางได้ดีกว่าเขา
ตอนนี้เองสือน่าพูดขึ้นว่า “ฉันไม่ค่อยรู้จักหลี่ซื่อเจี้ยนมากนัก แต่รู้จักโจวเสี่ยวตงอยู่บ้าง โจวเสี่ยวตงเคยเข้าร่วมการผ่าตัดในแผนกฉุกเฉินหลายครั้ง เด็กคนนั้นมีความกระตือรือร้น พื้นฐานการผ่าตัดค่อนข้างดี เคยได้รับการสั่งสอนจากเฉียนเลี่ยง ตอนนี้เป็นคนรุ่นใหม่ที่เป็นกำลังหลักในแผนกศัลยกรรมภายนอก ได้รับความสำคัญจากจางโหย่วฝูมาก”
“ดังนั้น…เรื่องอื่นเอาไว้ก่อนเถอะ ฉันคิดว่าการต่อสู้ของเสี่ยวเฉินคราวนี้ค่อนข้างหนักหน่วง ถึงอย่างไรคู่แข่งก็เรียนปริญญาโทมาสามปี แล้วยังมีประสบการณ์การผ่าตัดมาอีกสองปี ดังนั้นจึงค่อนข้างอันตราย”
สือน่าพูดไปตามจริง แต่กลับทำให้ทุกคนอดถอนใจไม่ได้
แม้หวังเชียนจะพูดไม่ค่อยดี แต่ในใจยังหวังให้เฉินชางผ่านไปให้ได้ ทว่าโจวเสี่ยวตงและหวังเชียนเป็นคนรู้จักของเขา เคยเป็นเพื่อนร่วมสถาบันกันมา ย่อมรู้จักกันเล็กน้อย “ตอนเรียนมหาวิทยาลัย โจวเสี่ยวตงได้รับความสำคัญจากหัวหน้าแผนกเฉียนเลี่ยงมาก เขาเป็นคนที่มีความสามารถจริงๆ”
พริบตาเดียวบรรยากาศในห้องก็กดดันขึ้นมา
ทุกคนรู้สึกเสียดาย เพราะอย่างไรนี่ก็เป็นโอกาสที่หาได้ยากจริงๆ
ส่วนหวังหย่งกลับรู้สึกซับซ้อน เขาทั้งอยากให้เฉินชางผ่านและไม่อยากให้เฉินชางผ่าน อารมณ์สับสน รู้สึกมึงงงยิ่งกว่าการสอบของตัวเองเสียอีก
……
……
ขณะที่เฉินชางเดินเข้ามาในห้อง เฉินปิ่งเซิงก็รีบลุกขึ้นยืน หลุดปากถามออกไปว่า “การแข่งขันเป็นยังไงบ้าง?”
เฉินชางยังไม่ทันพูดอะไร สายตาของทุกคนรอบๆ ก็จับจ้องมายังเฉินชาง!
เฉินปิ่งเซิงร้อนใจ อยากจะพูดบางอย่าง แต่เห็นหัวหน้าพยาบาลวิ่งเข้ามาอย่างเร่งร้อนเสียก่อน!
“ข่าวดีค่ะ ข่าวดี ฉันมีข่าวดีมาบอกทุกคน!”
“หือ? เสี่ยวเฉิน คุณอยู่ด้วยหรือคะ พอดีเลย ฉันมีข่าวดีมาบอกทุกคนน่ะค่ะ เฉินชางผ่านการบรรจุแล้ว!”
เถียนเซียงหลานหรี่ตามองไปยังเฉินชางด้วยรอยยิ้ม “เสี่ยวเฉิน ยินดีด้วยนะคะ เรื่องการบรรจุของคุณไม่มีปัญหาแล้ว เมื่อครู่ฝ่ายการเงินบอกให้ฉันมาตรวจสอบข้อมูลพื้นฐานของคุณทันที ข้อมูลของคุณไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงใช่ไหมคะ?”
เมื่อคำพูดของเถียนเซียงหลานดังขึ้น รอบๆ พลันเงียบลง!
เฉินชางผ่าน!
ไม่นานรอบๆ ก็คึกครื้นขึ้นมา!
หวังเชียนส่งเสียงจิ๊จ๊ะ พูดออกไปตามตรง “ชางเอ๋อร์ แบบนี้คุณต้องเลี้ยงข้าวซะแล้ว! นี่เป็นเรื่องดีจริงๆ!”
ฉินเยว่ก็ลุกขึ้นยืน พูดขึ้นว่า “ใช่แล้ว ลูกพี่เฉิน! เลี้ยงข้าว แบบนี้ต้องเลี้ยงข้าว”
อันเยี่ยนจวินหัวเราะ ชูนิ้วโป้งให้เฉินชาง
แต่ใครบางคนกลับรู้สึกทอดถอนใจกับวาสนาของเฉินชาง!
อย่างเช่นหมอเล็กๆ ในแผนกฉุกเฉินหลายคนที่กำลังเตรียมสอบโอนย้ายสัญญาชั่วคราว
เดิมทีพวกเขายืนอยู่ในระดับเดียวกับเฉินชาง แต่เดินไปไม่ทันไร ละสายตาเพียงนิดเดียว กลับพบว่าเฉินชางที่อยู่ในระดับเดียวกันกลายเป็นบุคลากรอย่างเป็นทางการไปแล้ว
สำหรับพวกเขาการบรรจุคืออะไร?
มันคือรากฐาน!
เมื่อมีรากฐานก็ไม่จำเป็นต้องเร่ร่อน ไม่ต้องพเนจรไปทั่ว ใช้ชีวิตไปได้อย่างสงบปลอดภัย
เป้าหมายที่พวกเขาพยายามอย่างแข็งขันมานาน ถูกคนอื่นทำให้เป็นจริงแล้ว แล้วพวกเขาล่ะ?
ทันใดนั้นบนใบหน้าของทุกคนพลันประดับไปด้วยรอยยิ้ม ในใจเริ่มใคร่ครวญถึงอนาคตของตัวเอง
หวังหย่งรู้สึกราวกับมีความรู้สึกนับร้อยผสมปนเป
ความรู้สึกแบบนี้ เขาอยากยินดีแทนเฉินชาง…แต่ตัวเองกลับผิดหวัง
ทั้งที่รู้ว่านี่คือผลที่เฉินชางได้มาจากความพยายาม ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับตน แต่หวังหย่งกลับไม่รู้สึกยินดี แม้ใบหน้าจะแขวนไปด้วยรอยยิ้ม แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความอิจฉา
ทว่าเมื่อคิดอย่างสงบ จึงพบว่าโอกาสมีไว้สำหรับคนที่เตรียมพร้อม
หากเฉินชางแสดงความโดดเด่นของตนออกมาไม่ได้ในตอนที่เกิดเหตุระเบิดโรงงานเคมีภัณฑ์และช่วยคนสำเร็จมากมาย บางทีคงไม่มีโอกาสนี้
ยิ่งไปกว่านั้น การแข่งขันผ่าตัดในคราวนี้ เฉินชางต้องแข่งกับหมอที่เรียนจบปริญญาโททั้งสองคน แต่ก็ยังชนะมาได้
นี่แสดงให้เห็นถึงความสามารถของเขาอย่างแท้จริง!
ตอนนี้หลี่เป่าซานกลับมาถึงห้องสำนักงานแล้ว เมื่อเห็นทุกคนกำลังครึกครื้นจึงยิ้มออกมาอย่างหาได้ยาก “ดูท่าทางทุกคนคงรู้แล้วสินะครับ ไม่เลวๆ ยินดีที่ได้บรรจุนะครับเฉินชาง!”
“หมอคนอื่นๆ ที่กำลังเตรียมสอบโอนย้ายสัญญาก็ต้องพยายามเข้านะครับ ไม่ทันไรพวกคุณก็มีคู่แข่งน้อยลงไปคนหนึ่งแล้ว ถือว่ามีโอกาสมากขึ้น ทุกคนต้องเรียนรู้จากเฉินชางให้ดี!”
เมื่อหวังหย่งได้ยินดังนั้นก็ดวงตาเปล่งประกาย!
ใช่แล้ว!
เฉินชางได้รับการบรรจุแล้วก็ไม่ต้องมาแข่งกับพวกเขาอีก ไม่ได้หมายความว่ามีคู่แข่งลดลงไปคนหนึ่งหรือ?
ตอนนี้เอง จู่ๆ เฉินชางก็ได้ยินเสียงระบบแจ้งเตือน
[ติ๊ง! ภารกิจความหวังของหลี่เป่าซานเสร็จสิ้น เนื่องจากคุณประสบความสำเร็จในการโอนย้ายเป็นบุคลากรบรรจุ จึงนับว่าเป็นการสำเร็จภารกิจเกินเป้าหมาย
รางวัลถูกยกระดับ: ทักษะที่ได้รับจากหลี่เป่าซานถูกอัพเกรดขึ้นหนึ่งระดับโดยอัตโนมัติ]
[ติ๊ง! สกัดสำเร็จ ได้รับทักษะจากหลี่เป่าซาน: ทักษะแยกแยะผู้ถูกพิษ (ทักษะเรียกใช้) ระดับสูง]
[ติ๊ง! ถูกยกระดับเป็นระดับปรมาจารย์!]
[ทักษะแยกแยะผู้ถูกพิษ (ทักษะเรียกใช้): ระดับปรมาจารย์
คุณสมบัติ:
1. การรับรู้แม่นยำ
2. การวางแผนงาน]
เฉินชางชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นจึงรู้สึกยินดีจนดวงตาแวววาว
ทักษะแยกแยะผู้ถูกพิษ!
นี่เป็นของดี!
ผู้ป่วยที่มีมากที่สุดในแผนกฉุกเฉินมีหลายประเภท หนึ่งคือบาดเจ็บภายนอก สองคืออาการเกี่ยวกับหัวใจ ที่เหลือก็คือผู้ป่วยที่ถูกพิษ!
การถูกพิษไม่ได้รวมแค่อาหารเป็นพิษ แต่ยังรวมไปถึงพิษจากยา พิษจากเคมีภัณฑ์ และพิษจากอากาศ ดังนั้น…นี่จึงเป็นความรู้ขนานใหญ่!
สำเร็จภารกิจเกินเป้าหมาย ทั้งยังได้รับทักษะที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้มาอีก เฉินชางดีใจมากจริงๆ
ไม่!
ต้องเรียกว่าดีใจจนตัวแทบระเบิด!
มีทักษะนี้ อย่างน้อยก็รับประกันได้ว่าตอนทำงานกะดึกจะไม่กระสับกระส่าย…
ถูกต้อง
เฉินชางทำงานกะดึกมาสองปีกว่าแล้ว เรื่องที่กังวลที่สุดไม่ใช่การไม่ได้นอนตอนกลางคืนหรือการพบผู้ป่วยที่มีอาการร้ายแรง สิ่งที่เขากลัวที่สุดก็คือมีผู้ป่วยแต่กลับทำอะไรไม่ถูก!
สำหรับผู้เป็นหมอ นี่เป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก
พูดให้ชัดเจนก็คือ หมอเป็นแนวป้องกันสุดท้ายของชีวิตคน ถ้าแนวป้องกันสุดท้ายของพวกเราไม่แข็งแกร่งมากพอ จะช่วยรักษาคนได้อย่างไร จะช่วยชีวิตผู้บาดเจ็บได้อย่างไร!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เฉินชางก็กระตือรือร้นขึ้นมา
เดิมทีผู้ป่วยถูกพิษที่มายังแผนกฉุกเฉินก็อยู่ในขั้นวิกฤตแล้ว ถ้าไม่มีความสามารถนี้เรียกได้ว่าอันตรายจริงๆ
ยิ่งไปกว่านั้น ศัลยแพทย์ไม่ควรทำได้แค่การผ่าตัด การผ่าตัดเป็นหนึ่งในวิธีการรักษา แต่ในขณะเดียวกันคุณก็ต้องมีความสามารถในการวินิจฉัยอันโดดเด่นด้วย
ดีใจ!
มงคลคู่มาเยือนถึงประตูย่อมต้องเลี้ยงฉลอง!
ระยะนี้สถานการณ์การเงินของเฉินชางไม่ค่อยเคร่งเครียดแล้ว แน่นอนว่าเขาเอาไปใช้กับการกินเป็นสำคัญ หลังจากที่เขาได้รับเงินก้อนใหญ่มาจากเจิ้งกั๋วถาน ท้องของเฉินชางก็ค่อยๆ อุดมสมบูรณ์
รางวัลหลังจากสำเร็จภารกิจในหลายวันมานี้ปรากฏในตลาดหุ้นไม่ขาดสาย
ดังนั้นตอนเย็น เฉินชางจึงพาคนที่ไม่ต้องเข้าเวรไปกินเลี้ยงที่ร้านอาหารใกล้ๆ
นอกจากสือน่าและฉินเยว่ที่ต้องเข้าเวรเป็นเพื่อนกันแล้ว สุภาพบุรุษส่วนใหญ่ในแผนกต่างก็มาทั้งหมด
ว่ากันตามเหตุผล ในสถานการณ์แบบนี้ไม่มีเหล้าคงไม่ได้
หลี่เป่าซานไม่ดื่มเหล้า หากพูดตามคำของเขาก็คือ ในฐานะที่เป็นผู้รับผิดชอบใหญ่ของแผนกฉุกเฉินย่อมดื่มเหล้าไม่ได้ อยู่ในตำแหน่งหนึ่งวันก็ไม่ดื่มเหล้าหนึ่งวัน
แต่ว่า…ก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เฉินชางไม่เคยเห็นหัวหน้าหลี่ดื่มเหล้ามาก่อน
ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมใดของโรงพยาบาล ไม่ว่าจะเป็นการเลี้ยงฉลองใดหรือพิธีการใดๆ หลี่เป่าซานก็ไม่ดื่มเหล้า
แต่หลี่เป่าซานไม่ดื่มเหล้าไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่อนุญาตให้คนอื่นดื่ม อันเยี่ยนจวินดื่มแก้วเล็กๆ ไปหลายแก้ว เฉินปิ่งเซิงดื่มไปมาก ดูมีความสุขยิ่งนัก
เสียงดังครื้นเครง จนกระทั่งเที่ยงคืนจึงแยกย้ายกันไป
ในตอนที่เฉินชางไปจ่ายเงิน พนักงานกล่าวว่า “เมื่อครู่มีคนจ่ายเงินแล้วครับ”
เฉินชางชะงักไปเล็กน้อย “ใครหรือครับ?”
พนักงานเงียบไปครู่หนึ่ง “คนที่หน้าตาเหมือนจางอี้…เอ่อ…ผู้ชายหัวล้านๆ น่ะครับ”
เป็นหัวหน้าแผนก!