เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 743 แฮะๆๆๆ
คนไข้ที่เป็ นหญิงวัยกลางคนก็ตกใจเล็กน้อย!
“หมอคะ…ดูออกด้วยเหรอคะว่าเป็ นผู้หญิงหรือผู้ชาย”
เฉินชางเองก็อึ้ง!
เฉิงซิตัดสินได้ว่าผู้ป่ วยเป็ นผู้ชายหรือผู้หญิงผ่านฟิล์มเอกซเรย์ ทรวงอกงั้นเหรอ
นี่เป็ นทักษะที่ลึกล้ามาก!
พวกสือน่าและเหล่าเฉินที่อยู่ข้างๆ ก็มองเฉิงซินอย่างงุนงง พวก เขาเองยังไม่รู้เลยว่าตัดสินอย่างไร
มีเพียงหวังหย่งที่เป็ นอาจารย์ที่ปรึกษาของเฉิงซินหน้าแดงก่า อย่างควบคุมไม่ได้
ได้ยินคาพูดของหญิงวัยกลางคน เฉิงซินพูดอย่างมั่นใจ “ใช่ค่ะ… ดูออก!”
เฉินชางถามอย่างประหลาดใจ “คุณดูออกได้อย่างไรครับ”
“คุณดูนะคะ ตรงนี้ ตรงนี้เป็ นตะขอชุดชั้นใน…แถวนี้ค่ะ!” เฉิงซิน ชี้ตะขอชุดชั้นในทั้งแถวที่เรียงตัวกันอยู่มุมด้านหลังของฟิ ล์ม เอกซเรย์ทรวงอก
“นี่เห็นได้ชัดว่าเป็ นชุดชั้นในผู้หญิง…เพราะฉะนั้นเป็ นเอกซเรย์ ทรวงอกของผู้หญิงค่ะ”
ได้ยินคาพูดนี้ของเฉิงซิน ทุกคนรอบข้างเงียบไปทันที
ก็เหมือนจะ…สมเหตุสมผล!
เฉินชางเองยังรู ้สึกชาวาบ!
เขาอดมองคนไข้ไม่ได้ “ตอนคุณเอกซเรย์ทรวงอก ท าไมไม่ถอด ชุดชั้นในครับ คุณหมอไม่ได้ให้คุณถอดเหรอ”
คุณป้ ายิ้มอย่างอึดอัด “ฉัน…ฉันเขินค่ะ อีกอย่างอันนี้ผ้าฝ้ าย บริสุทธิ์ไม่มีโลหะ ฉันเลยให้เขาถ่ายเลยค่ะ…”
เฉินชางมองตะขอโลหะเล็กๆ ที่อยู่ด้านหลังอย่างเป็ นระเบียบ เรียบร ้อยแล้วอดส่ายหน้าไม่ได้ “คราวหน้าเอกซเรย์ทรวงอกอย่าให้ โลหะอะไรเข้าไปนะครับ จะมีเงาสะท้อน ส่งผลกระทบกับผลลัพธ ์ได้ ง่าย”
คุณป้ าได้ยินแล้วรีบพยักหน้า
ส าหรับค าแนะน าของมืออาชีพ ใครบ้างจะไม่ฟัง
คาพูดเดียวกัน พอออกจากปากของผู้เชี่ยวชาญ ทุกคนก็จะรู ้สึก ว่ามีอิทธิพล เชื่อถือได้
ถ้าหมอตัวเล็กๆ คนหนึ่งเป็ นคนพูด ก็ไม่แน่ว่าทุกคนจะเชื่อ!
นี่ก็คือมนุษย์…
……
ตอนนี้เฉิงซินมีสีหน้าได้ใจเต็มประดา
เฉินชางอดส่ายหน้าไม่ได้ เขามองเฉิงซิน “คุณดูนี่นะครับ ปอด สองข้างซ ้ายขวาต่างกันอย่างไร ลองสังเกตดูดีๆ ครับ”
เฉิงซินเงียบ
ความจริงการถามค าถามเป็ นเพียงแค่วิธีการ จุดประสงค์คือการ สอน
เฉินชางท าได้เพียงเตือน “คุณดู ข้างขวาด ากว่าใช่ไหมครับ”
เฉิงซินพยักหน้า
เฉินชางพูดต่อ “คุณดูตรงนี้ครับ ฝั่งขวาเป็ นสีดาทั้งหมด มอง พวกลายพื้นผิว เนื้อเยื่อปอดและหลอดเลือดของปอดไม่เห็นเลยใช่ ไหมครับ”
เฉิงซินพยักหน้า
เฉินชางพูดอย่างจนปัญญา “นี่บ่งบอกถึงอะไรครับ”
เฉิงซินส่ายหน้า!
เฉินชางเห็นแล้วจนค าพูด นอกจากพยักหน้ากับส่ายหน้า คุณ ท าอะไรเป็ นอีก
เฉิงซินกลับแสดงสีหน้าเหมือนก าลังบอกว่า ฉันอยู่แผนกสูตินรี เวช ฉันมั่นใจ…
หวังหย่งเห็นเฉินชางโกรธจนเส้นเลือดตรงหน้าผากนูนออกมา ก็รีบหยิบปากกาเขียนบนกระดาษว่า ‘ภาวะลมขังอยู่ในโพรงเยื่อหุ้ม ปอด’
เฉิงซินเข้าใจทันที “อ้อ! ภาวะลมขังอยู่ในโพรงเยื่อหุ้มปอด สีด า คือลม ที่ฉันมองลายบนปอดไม่เห็นเพราะถูกอากาศกดจนยุบไปแล้ว …”
ระหว่างเยื่อหุ้มปอดเป็ นห้องสุญญากาศ
เวลาหายใจเข้า หายใจออก ปอดจะหดและคลายตัวเอง
แต่ถ้าห้องสุญญากาศนี้มีอากาศมาก สภาพแวดล้อมเดิมของ ห้องสุญญากาศก็จะมีแรงกดดัน ตอนนี้เอง อากาศกดก็จะทับปอด ปอดหายใจตามปกติไม่ได้ แน่นอนว่าการหายใจก็จะติดขัด นี่ก็คือ ภาวะที่มีลมขังอยู่ในโพรงเยื่อหุ้มปอด
เฉินชางถามต่อ “แล้วต้องจัดการอย่างไรครับ”
ตอนนี้เฉิงซินรู ้แล้ว “ใส่ท่อเชื่อมปอด ปล่อยลมค่ะ!”
เฉินชางจนปัญญา เรื่องพวกนี้เขาเป็ นคนสอนทุกคน ตอนนั้นลง มือปฏิบัติจริง ทุกคนที่เฉินชางสอนมา…ตอนนี้พริบตาก็ลืมแล้ว!
จนปัญญา…
หลังจากพูดจบ เฉินชางพลันถามคนไข้ “วันนี้เป็ นอย่างไรบ้าง ครับ”
คุณป้ ายิ้ม “ดีขึ้นมากค่ะ”
เฉินชางหันมองทุกคน อดพูดไม่ได้ “ความจริงภาวะที่มีลมขังอยู่ ในโพรงเยื่อหุ้มปอดเป็ นโรคที่อันตรายมาก เคสที่รุนแรงถึงขั้น อันตรายถึงชีวิต ในแผนกฉุกเฉิน ผมไม่หวังให้พวกคุณเรียนรู ้สิ่งที่ ลึกล้าสักแค่ไหน แต่สาหรับโรคที่อันตรายแบบนี้ต้องเข้าใจ เมื่อถึง นาทีส าคัญจะไม่ลนลาน
“ปีที่แล้วผมเจอคนไข้คนหนึ่ง ตอนนั้นผมกินข้าวอยู่ข้างนอก พอดี จู่ๆ ก็มีชายคนหนึ่งหายใจลาบาก ล้มลงกับพื้น หายใจไม่ออก ผมเห็นช่องอกบวมจนมองช่องระหว่างซี่โครงไม่ชัดแล้ว รีบหยิบ ปากกาในมือขึ้นมาแทงปอดให้ทะลุ อาการของคนไข้จึงบรรเทาลง ตอนนั้นสถานการณ์วิกฤต กว่าจะส่งตัวไปโรงพยาบาลก็คงเสียชีวิต แล้ว!”
เฉินชางเห็นกลุ่มนักศึกษาฝึกงานต่างมองปากกาที่หน้าอกของ ตนเอง
เขาอึ้งไปทันที พวกคุณฟังประเด็นส าคัญได้ไหม!!
“แน่นอนว่า ผมไม่ได้บอกว่าให้ทุกคนหยิบปากกาขึ้นมาแทง เวลาเห็นคนหายใจล าบาก แต่บอกพวกคุณมา ในช่วงวิกฤต ต้อง เรียนรู้วิธีการกู้ชีพ”
หลังจากราวน์วอร ์ด เฉินชางมองเฉิงซินแล้วอดยิ้มไม่ได้ “คราว หน้าห้ามดูโพย!”
เฉิงซินหน้าแดง “ฉันเป็ นหมอแผนกสูตินรีเวชค่ะ!”
เฉินชางอดพูดไม่ได้ “หมอแผนกสูตินรีเวชแล้วอย่างไร ผมเป็ น หมอแผนกฉุกเฉิน ผมยังท าคลอดเป็ นเลย!”
เฉิงซินเบะปาก “ชิ ขี้โม้!”
เฉินชางยิ้ม ไม่ได้อธิบาย
ส่วนเหล่าเฉินมีสีหน้าสงสัยเต็มประดา “เสี่ยวเฉิน ครั้งก่อนคุณ เป็ นคนเอาปากกาแทงเหรอครับ ท าไมผมจ าได้ว่าเป็ นผม”
เฉินชางยิ้มเจื่อน “โธ่ เรื่องนี้ไม่สาคัญ ประเด็นคือแทงไปแล้วไง!”
……
……
แผนกฉุกเฉินงานยุ่งตลอดช่วงเช ้า หลังจากเลิกงานตอนเที่ยง เฉินชางคิดว่าฉินเยว่คงตื่นแล้ว
เขาจึงโทรเรียกเธอมากินข้าวสักหน่อย
หลังจากฉินเยว่ลงจากตึก ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความเบิกบาน
“ฉันมีข่าวดีจะบอกค่ะ!”
เฉินชางชะงัก “ข่าวดีอะไรครับ”
ฉินเยว่ส่ายหน้า “คุณไปซื้อชานมให้ฉัน แล้วฉันจะบอกค่ะ!” เฉินชางยิ้ม ลากฉินเยว่เดินออกจากโรงพยาบาลไป ตอนเที่ยง คนเยอะมาก เฉินชางกับฉินเยว่จับมือกันเดินอยู่บน ถนน แน่นอนว่าจะต้องดึงดูดความสนใจจากผู้คนจ านวนไม่น้อย พนักงานของโรงพยาบาลเห็นเฉินชางกับฉินเยว่แล้วก็อด ทักทายหยอกเย้าไม่ได้ ช่วงนี้ เฉินชางกับฉินเยว่เปิดเผยมาก
จะหมั้นกันอยู่แล้ว ยังจะเขินอะไร
เฉินชางยัดชานมร ้อนๆ แก้วหนึ่งใส่มือฉินเยว่ “ว่ามา ข่าวดีอะไร ครับ”
ฉินเยว่ยิ้มตาหยี “เราจะประหยัดค่าเช่าบ้านแล้วค่ะ!”
เฉินชางชะงัก “หมายความว่าไงครับ พ่อแม่คุณยอมให้เราอยู่ ด้วยกันแล้วเหรอครับ”
ฉินเยว่พยักหน้าพร ้อมรอยยิ้ม “ไม่เพียงแค่นี้นะคะ!”
เฉินชางประหลาดใจขึ้นมา “มีอะไรอีกครับ”
ฉินเยว่เขย่งเท้า กระซิบข้างหูเฉินชาง “พ่อแม่ฉันจะซื้อบ้านที่ เมืองหลวงให้เราค่ะ!”
ได้ยินคาพูดนี้ เฉินชางอึ้งไปทันที “จริงเหรอครับ”
ฉินเยว่เตะหิมะบนพื้นถนนอย่างดีใจ “จริงสิคะ! เมื่อคืนฉันนอน ดึก แอบได้ยินพวกเขาคุยกันในห้องรับแขก ฉันตั้งใจฟังดู พวกเขา กาลังนับเงิน…ฉันได้ยินพ่อบอกว่าจะซื้อบ้านที่เมืองหลวงให้เราด้วย เงินสดค่ะ!”
เฉินชางพลันมีสีหน้างุนงงเล็กน้อย
ผม…ผมคงเป็ นพวกแหกกฎเอาพ่อตาอยู่หมัดสินะ ทาไม…ทาไมกลายเป็ นเกาะภรรยากินโดยไม่ได้ตั้งใจล่ะ แต่ความรู ้สึกแบบนี้สะใจมาก!
แค่เกรงใจนิดหน่อย! แฮะๆ… เกรงใจจริงๆ เหรอ!