เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 750 ถูกต้องแต่ไม่ถูกใจ! (1)
หลังจากส่งเด็กผีกลับไปแล้ว เฉินชางก็มองแววตาไม่ส านึกของ เขาแล้วถอนหายใจ
ถ้าเอาแต่จองเวรกันแล้วเมื่อไรมันจะจบเล่า
เฉินชางไม่ได้ไปโรงพยาบาลตงต้าสาขาหนึ่งมาสักพัก เขาจึง รู ้สึกว่าควรไปสักหน่อยดีไหม ถึงอย่างไรถ้าผมไม่ไปแล้วเกิดพวกเขา ทาเรื่องลุกลามใหญ่โตจะทายังไง
ควรไปแลกเปลี่ยน (เสแร ้ง) สักหน่อย ถือโอกาสท าให้อาจารย์ เมิ่งตะลึงจนกวาดค่าคะแนนความรู ้สึกดีดีไหม
นานๆ จะได้เลิกงานบ่าย ขณะที่เฉินชางกลับมาแผนก หลัวโจว กาลังออกไปข้างนอกพอดี พอเห็นเฉินชางเข้าจึงยิ้มขึ้นทันใด “เสี่ยว เฉิน ฉันหาตัวนายอยู่พอดีเลย”
เฉินชางได้ยินก็พลันยิ้มให้ “ทาไมเหรอ”
หลัวโจวอดยิ้มไม่ได้ “ค่านี้ต้าล่างนัดรูมเมทหอพวกเราไปกินข้าว ด้วยกัน”
เฉินชางสงสัยทันที “ต้าล่างเหรอ เมื่อไร”
หลัวโจวหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา “นายดูในกรุ๊ปวีแชทสิ คุยมา นานแล้ว”
พอเฉินชางได้ยินก็หยิบโทรศัพท์มือถือมาเปิดวีแชท
ต้าล่างเป็ นรูมเมทเฉินชางสมัยมหาวิทยาลัย ตอนนั้นหอพักเฉิน ชางมีหกคน มาจากทางใต้สองคน มาจากมณฑลตงหยางสี่คน
พอเรียนจบปริญญาตรีแล้วทุกคนก็แยกย้ายไปคนละทิศละทาง
เฉินชางซัดเซพเนจรหลายหนจนมาถึงโรงพยาบาลอันดับสอง หลัวโจวสอบเข้าเรียนปริญญาโทในมหาวิทยาลัยเดิม ธรรมชาติ ของต้าล่างกับเฉินชางไม่ต่างกันมาก งานไม่มั่นคงมาตลอด เขาเคย ทาอุปกรณ์การแพทย์อยู่ปีหนึ่ง แล้วก็แจ้นไปทาโรงงานยาอีกปีหนึ่ง ตอนนี้เหมือนจะไปโรงพยาบาลเอกชนสักแห่ง เฉินชางพูดคุยในกรุ๊ป เป็ นครั้งคราว
ชื่อจริงของต้าล่างคือจางฉุน
ตัวเขากับชื่อเขาต่างกันค่อนข้างมาก จางฉุนที่ชื่อแปลว่าบริสุทธิ์ มีหน้าตาเกลี้ยงเกลาหมดจด แต่ในใจต่าทราม ทุกคนจึงเรียกเขา ว่าต้าล่างที่แปลว่าคนทรามตัวพ่อ
ยังมีรูมเมทอีกคนหนึ่งชื่อหยางเผิงเวย สมัยเรียนปริญญาตรีได้ สิทธิ์เข้าเรียนปริญญาโท ช่วงเรียนปริญญาโทก็ได้สิทธิ์เข้าปริญญา เอกโดยไม่ต้องสอบ เป็ นเด็กเรียนขนานแท้ ตอนนี้อยู่สถาบันแพทย์ แผนจีนเมืองหลวง
หลังจากเฉินชางคุยในกรุ๊ปไปสักพักก็นัดสถานที่เสร็จสรรพ ได้ ยินว่าเป็ นร ้านปิ้งย่างซีฟู้ ดร ้านหนึ่งที่อยู่ค่อนข้างไกล
เฉินชางกับหลัวโจวออกไปเรียกรถไปที่ร ้านเลย
คืนนี้ต้องไม่ใช่การนัดกันใสๆ แต่มีดื่มเหล้ากันแน่ๆ ขับรถไป เท่ากับหาเรื่องอยู่แล้ว
พอมาถึงข้างในร ้าน พวกเขาก็เห็นว่าจางฉุนเริ่มสั่งอาหารแล้ว พอเห็นทั้งสองคนเข้ามาก็มีสีหน้าดีใจ “มาแล้ว รีบนั่งเลย!”
หลังจากจบปริญญาตรี น้อยนักที่จะรวมตัวกัน มาพบหน้าคราว นี้ทุกคนจึงต่างดีใจ
สมัยเรียนมีแต่อยากหนีออกจากหอ แต่พอออกมาจริงๆ จู่ๆ ก็ รู ้สึกคิดถึงหอขึ้นมา
ใช ้ชีวิตรู ้สึกเหมือนปิดเทอม เฝ้ ารอว่าเมื่อไรจะเปิดเทอม จะได้ กลับหออีกครั้งหนึ่ง
แต่พอตื่นขึ้นกะทันหันจึงพบว่าที่แท้ตนเรียนจบมานานขนาดนี้ แล้ว
สุดท้ายบางช่วงเวลาก็ย้อนกลับไปไม่ได้แล้ว
หลังจากเข้ามาแล้วนั่งพักไปได้ครู่หนึ่ง จางฉุนก็เทเหล้าขาวให้ ทุกคนเต็มแก้ว เหล้าขาวฝาเหลืองราคาไม่แพงแต่ดื่มจนคุ้นปาก
สมัยเรียนทุกคนหาเรื่องวุ่นวาย จะดื่มเหล้าดีๆ ก็เสียดาย จึงซื้อ เหล้าขาวยี่ห้อซิ่งฮวาชุนขวดละสิบยี่สิบกว่าหยวนมาดื่มจนพอใจ
พอพบปะเป็ นครั้งคราวก็จะดื่มเหล้าขาวฝาเหลืองนี้ ราคาสามสิบ สี่สิบหยวน
ก็ไม่ใช่เพราะพวกเขาชอบดื่มเหล้า แต่เพราะรู ้สึกว่าบางครั้งถ้า ไม่ดื่มสักหน่อยจะรู ้สึกว่าบรรยากาศมันไม่เต็มที่ขนาดนั้น
จางฉุนหัวเราะ “มา หมดแก้วไหม”
ทุกคนยกดื่มหมดแก้วในคราวเดียว
ความรู ้สึกแบบนี้เหมือนย้อนไปในอดีต
พอดื่มไปแก้วหนึ่ง ทั้งสามคนก็ต่างถอนใจ เริ่มราพึงราพัน
เฉินชางหัวเราะ “ต้าล่าง ฉันเห็นข่าวนายในกรุ๊ป ไม่เปลี่ยนงาน แล้วเหรอ วางแผนว่าจะเติบโตในอันหยางแล้วเหรอ”
จางฉุ นพยักหน้ายิ้ม “ไม่เปลี่ยนแล้ว เปลี่ยนไม่ไหวแล้ว พริบตาเดียวจะสามสิบแล้ว ร่อนเร่อยู่สามสี่ปี สุดท้ายก็มาเป็ นหมออยู่ ดี คราวนี้เปลี่ยนอีกไม่ได้แล้ว เพราะว่าเปลี่ยนไม่ไหว”
ทั้งสามคนกินดื่ม หลัวโจวอดถามไม่ได้ “ต้าล่าง ตอนนี้นายอยู่ที่ ไหน”
จางฉุนยิ้ม “โรงพยาบาลเอกชนหมิงเฉิง อยู่มาครึ่งปีแล้ว ฉันอาย ไม่กล้าบอกพวกนาย กลัวว่าตัวพ่อของโรงพยาบาลระดับตติยะภูมิ ประจ ามณฑลอย่างพวกนายจะดูถูก ไม่มาเล่นกับฉัน”
เฉินชางกับหลัวโจวได้ยินเข้าพลันอดหัวเราะไม่ได้ “ไอ้เด็กนี่!”
พอพูดจบ จู่ๆ จางฉุนก็ยิ้ม “พวกนายรู ้ไหมว่าตอนนี้ฉันอยู่กับ ใคร”
เฉินชางอึ้ง
จางฉุยหัวเราะพลางบอกว่า “หม่าจื้อเถิง! คนที่ช่วงนั้นยี้นายใน กรุ๊ปไง! ฉันคิดไม่ถึงว่าเขาจบโทแล้วจะยังไปที่โรงพยาบาลหมิงเฉิง เหมือนฉัน!”
พอเฉินชางได้ยินค าว่าหมิงเฉิงก็ผงะไป โรงพยาบาลนี ้เขาก็เคย ไปอยู่นี่
อยู่ได้ครึ่งปีก็อยู่ต่อไม่ไหว ไม่ใช่เพราะเรื่องอื่น เป็ นเพราะอุดมการณ์ไม่ตรงกันล้วนๆ จางฉุนดื่มเหล้าทีไรพูดมากทุกที “ฉันจะบอกพวกนายให้ หลังจากฉันไปโรงพยาบาลเอกชนหมิงเฉิงก็ได้เปิดโลกจริงๆ “อีกอย่างนะ นี่ครึ่งปีเข้าไปแล้ว ตอนนี้ฉันเป็ นหมอที่อยู่ขั้นสูง กว่าหม่าจื้อเถิง พวกนายกล้าเชื่อไหม” หลัวโจวพลันชะงักไป “เจ๋งอะ เพื่อนล่างของฉันไปไหนก็เก่ง! ทา ได้ไงน่ะ เขาไม่ได้เป็ นนักศึกษาปริญญาโทเหรอ” จางฉุนยิ้ม “นักศึกษาปริญญาโทเหรอ เฮอะๆ!
“เหล่าหลัว ฉันไม่ได้ดูถูกนักศึกษาปริญญาโทจริงๆ นะ พูดตาม ตรง สังคมนี้ดูวุฒินายแค่ครั้งเดียวก็คือตอนที่นายเข้าทางาน นั่นมัน ก้าวแรก
“แต่เข้าไปแล้วใครจะมาดูวุฒินายเล่า
“ที่ดูก็คือความสามารถ!
“นายดูชางเอ๋อร ์เขาเรียนจบปริญญาตรี ตอนนี้เป็ นผู้มีอิทธิพล ในเมืองอันหยาง ฉันอยู่โรงพยาบาลหมิงเฉิงได้ยินเจ้านายคนนั้นบ่น ถึงทุกวันว่าเฉินชางเขาเคยอยู่ที่หมิงเฉิงของเราครึ่งปี!
“กุญแจสาคัญของคนเราคือปรับตัวกับสิ่งแวดล้อม ไม่ว่านายจะ อยู่ในระบบหรือหน่วยงานก็เหมือนกันหมด
“สภาพแวดล้อมของหมิงเฉิงอาจจะไม่เข้ากับพวกนาย แต่ สาหรับฉันแล้วรู ้สึกว่ายังพอรับได้ ตอนนี้ฉันรับผิดชอบครึ่งแผนก เป็ นรองหัวหน้า!”
คาพูดนี้ทาให้หลัวโจวเริ่มสงสัย อดถามไม่ได้ว่า “นายทาได้ได้ ไง”
แต่เฉินชางนึกถึงระบบของหมิงเฉิงแล้วก็อดหัวเราะไม่ได้ ก็จริง คนที่มีประสบการณ์เหลือล้น เคยเป็ นเซลส์มาหลายปีอย่างจางฉุน เข้าใจความคิดของผู้ป่วยมากกว่าหมอ
จางฉุนยิ้มพลางพูดว่า “พอฉันเข้าไป ผู้อานวยการก็ให้ ‘คู่มือ ประกอบการ’ พวกเราคนละเล่ม บอกเราว่าที่โรงพยาบาลพวกเรานี่ ไม่มีผู้ป่วย มีแต่ลูกค้า ลูกค้าก็คือพระเจ้า!
“สิ่งที่เขาทาอยู่ไม่ใช่การรักษา อย่างแรกคือการตลาด ถัดมาคือ บริการ แล้วการรักษาถึงเป็ นอย่างสุดท้าย”
เฉินชางพยักหน้า เป็ นอย่างนี้จริงๆ เขานึกถึงเรื่องในตอนนั้น แล้วพูดขึ้นว่า “สมัยที่ฉันเพิ่งเข้าโรงพยาบาลหมิงเฉิง พอมีพวก ผู้ป่วยมา ปัญหาว่าจะไปหาแผนกไหนไม่ใช่เรื่องใหญ่ มิหนาซ้าผู้ป่วย ไม่ต้องมาเองด้วย แต่จะมีแผนกการตลาดโดยเฉพาะพามา!
“ตอนนั้นฉันสั่งยาราคาห้าสิบหยวนกับกาชับผู้ป่ วยฟื้นตัวโรค กระดูกคนหนึ่งไป สั่งยาแก้ปวดราคาสามสิบหยวนให้ผู้ป่ วยมะเร็ง กระเพาะระยะสุดท้าย แล้วท้ายสุดฉันก็สอนผู้ป่วยโรคซึมเศร ้าคนหนึ่ง ให้เสียค่าทานัดสิบหยวน ผู้อานวยการว่าฉันอยู่ตั้งนาน”
จางฉุนได้ยินแล้วอดขาไม่ได้ “ชางเอ๋อร ์ ยังดีที่ผู้อานวยการว่า นาย ไม่งั้นคนรอว่านายเพียบเลยนะ
“ฝ่ ายการตลาดพาผู้ป่ วยมาคนหนึ่งต้องแบ่งส่วนแบ่งกันทั้งนั้น เงินห้าสิบหยวนนายจะแบ่งยังไง”
เฉินชางพยักหน้า “แล้วมีอีกครั้งหนึ่ง มีผู้ป่ วยคนหนึ่งมารักษา อาการหลังผ่าตัดตัดกระเพาะ เป็ นผู้หญิงอายุสี่สิบกว่า ดูท่าทางมีเงิน
ฉันบอกเธอว่าตอนนี้หลักๆ ไม่จาเป็ นต้องกินยามากมายแล้ว พักผ่อนร่างกายก็พอ “แต่เขาถามฉันว่าสั่งยาดีๆ ให้สักหน่อยได้ไหม ฉันเลยสั่งยา รักษากระเพาะไป เป็ นของแพง กล่องละห้าสิบกว่าหยวน สั่งให้สอง กล่อง “แต่พอเธอลงไปชั้นล่างกลับไม่เอายาไปสักนิด ลุกออกไปเลย!” จางฉุนเอ่ย “นายรู้ไหมว่าเพราะอะไร” เฉินชางพยักหน้า “ตอนนั้นไม่รู ้ตอนหลังรู ้แล้ว “ตอนนั้นฉันคิดว่าผู้ป่ วยอาจจะรู ้สึกว่าที่ฉันพูดมันมีเหตุผล พักผ่อนให้หายดีแล้วก็ไม่จ าเป็ นต้องกินยา “ตอนหลังมาคิดดูดีๆ เป็ นเพราะเธอคิดว่ายาราคาหนึ่งร ้อยหยวน นี้ไม่ตอบโจทย์ทางจิตใจเธอสักนิด!”