เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 775 เจ้านายใจด า (2)
อู๋เจี้ยนเหรินถือว่าเชี่ยวชาญกับการจัดการเรื่องพวกนี้แล้ว
กฎหมายก็คือกฎหมาย
ใจคนก็คือใจคน!
เวลาที่อู๋เจี้ยนเหรินรับสมัครแรงงาน ถือว่าเขาฉลาดเลือกมาก รับแค่คนชนบท และมักจะสร ้างความสนิทสนมกัน
พาทุกคนไปกินข้าวที่ร ้านอาหารบ้างเป็ นครั้งคราว แค่นี้ก็ กลายเป็ นเพื่อนกันแล้ว
ในเมื่อเป็ นเพื่อนกัน ถ้าเกิดอะไรขึ้น คนเหล่านี้จะอยากสร ้าง ความเดือดร ้อนให้เพื่อนเหรอ
อีกอย่าง!
ถ้าบอกว่าต้องการค่าชดเชย ถ้าถึงจุดที่เรื่องราวยุ่งยากวุ่นวาย จนควบคุมไม่อยู่แล้วจริงๆ ต้องจ่ายค่าชดเชยให้ได้
ก็ได้!
เขาจะจ่ายค่าชดเชยให้
แต่…ลองคิดดูว่า ถ้าเขาให้เงินชดเชย อาจจะทาให้เพื่อนทั้งกลุ่ม ตกงาน
เด็กหนุ่มอายุสิบกว่ายี่สิบปี เลิกงานดื่มกันสักหน่อย เป็ นช่วงอายุ ที่เต็มไปด้วยความภักดีต่อมิตรภาพ
อู๋เจี้ยนเหรินควบคุมพวกเขาได้อยู่หมัด
ฝั่งนี้ หัวหน้าพยาบาลโดนตัดสายแล้วโกรธมาก
ส่วนชายวัยรุ่นทั้งกลุ่มนั่งอยู่บนเก้าอี้ยาว ไม่กล้าโทรหาที่บ้าน
หม่าเฉียงเป็ นเด็กที่อายุมากที่สุดในกลุ่ม เขาเป็ นคนพาเด็กหนุ่ม หมู่บ้านเดียวกันกลุ่มนี้มาทางาน
เขาลังเลอยู่นานก่อนจะลุกขึ้นถามเถียนเซียงหลาน “เอ่อ…คุณ น้าครับ ต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดเท่าไรครับ”
เถียนเซียงหลานสีหน้าเปลี่ยนไปทันที “เด็กๆ คะ ทาไมพวกคุณ ถึงโง่ขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่าเจ้านายพวกคุณไม่กลัวพวกคุณเลย รู ้ว่า พวกคุณไม่กล้ามีเรื่องกับเขา!”
ได้ยินคาพูดของเถียนเซียงหลาน หม่าเฉียงหน้าแดงก่าขึ้นมา “เรารู ้ครับ…”
เถียนเซียงหลานเห็นเด็กหนุ่มยังเป็ นแบบนี้ก็โกรธกับความไม่ เอาไหนเป็ นอย่างมาก พลันพูดว่า “หลายหมื่นเลย พวกคุณคิดให้ดี! คิดว่าน่าจะหกเจ็ดหมื่น และยังไม่แน่ว่าจะพอ!”
เรื่องแบบนี้ ถ้าคนไข้ไม่ยอมไปฟ้ อง เธอก็ทาอะไรไม่ได้
หม่าเฉียงได้ยินแล้วสีหน้าเปลี่ยนไปทันที
หกเจ็ดหมื่น!
นี่ไม่ใช่น้อยๆ เลยนะ!
เด็กหนุ่มหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา โทรหาเจ้านายอีกครั้ง
“หัวหน้าครับ ผมหม่าเฉียง”
อู๋เจี้ยนเหรินไม่สบอารมณ์ “อืม”
“หัวหน้า ค่าผ่าตัดของเจ้าหมาเจ็ดแปดหมื่นเลย เราไม่มีเงินเยอะ ขนาดนั้น หัวหน้าว่า…” หม่าเฉียงพูด
อู๋เจี้ยนเหรินได้ยินว่าเจ็ดแปดหมื่นก็อึ้งงันไปทันที
“โรงพยาบาลใจดาอามหิตจริงๆ โดนกระจกไม่กี่แผ่นแทงต้อง เสียเงินเจ็ดแปดหมื่นเลย ทาไมแพงขนาดนี้!”
อู๋เจี้ยนเหรินเริ่มกระตุ้นอารมณ์ของเด็กหนุ่มกลุ่มนี้ ทาให้พวก เขารู้สึกว่า โรงพยาบาลก าลังเอาเปรียบพวกเขา!
“โรงพยาบาลก าลังหลอกพวกคุณอยู่นะ รู้ไหม เห็นพวกคุณเด็ก ไม่มีเบื้องหลัง พวกคุณน่ะยังเด็กเกินไป เรื่องพวกนี้ผมเจอมา หมดแล้ว!”
อู๋เจี้ยนเหรินจึงพูดว่า “เอาอย่างนี้ครับ ผมคิดวิธีให้ พวกคุณบอก ไปว่าไม่มีเงิน ถึงอย่างไรทาเรื่องค้างชาระไว้ พวกเขาก็รักษาให้อยู่ดี ช่วงนี้เสี่ยวหม่าอยู่เป็ นเพื่อนน้องชายคนนั้นให้มากๆ เดี๋ยวผมโอนให้
สามพัน พักผ่อนให้หาย ถึงอย่างไรก็ผ่าตัดไปแล้ว พวกคุณไม่มีเงินก็ ช่วยไม่ได้ พอหายดีหนีออกมาซะก็สิ้นเรื่อง!”
ซึ่งก็เป็ นจริงอย่างที่เขาพูด ถ้าหนีไปจริงๆ โรงพยาบาลก็ทาอะไร ไม่ได้ เหตุผลแรกเพราะคนไข้ไม่มีความสามารถที่จะจ่ายค่ารักษา เหตุผลที่สองเพราะพวกเขาไม่อยากแตกหักกับเจ้านาย บีบบังคับไป ก็ไม่มีประโยชน์
แผนกฉุกเฉินเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นบ่อยครั้ง
เรื่องที่กู้ชีพฉุกเฉินเสร็จแล้วหลบหนี เกิดขึ้นบ่อยครั้งอยู่แล้ว!
ปีที่แล้ว แผนกฉุกเฉินโรงพยาบาลอันดับสองขาดทุนสามล้าน กว่า ยอดค้างชาระค่ารักษาพยาบาลหกล้าน และที่หนีไปมีประมาณ สองล้าน…
ถึงขั้นที่ ในนั้นมีคนไข้หลายคนที่หลี่เป่าซานเป็ นคนบอกให้หนี!
เพราะคนไข้ยากจนมากจริงๆ เงินจะกินข้าวยังไม่มีเลย!
แอดมิทหลายวัน พ่อแม่นอนเฝ้ าบนเก้าอี้ยาว กินหมั่นโถกับซอส
ห้อง ICU วันๆ ต้องเสียเงินตั้งเท่าไร หลี่เป่ าซานจึงส่งสัญญาณ ให้พวกเขาหนี
เรื่องเหล่านี้ทาให้ทั้งแผนกถูกหักโบนัสเดือนนั้น แต่…ถ้าเจอ สถานการณ์แบบนั้น คนทั่วไปล้วนรับไม่ได้
สาหรับพวกที่หนีไปเอง ก็น่าชิงชังอยู่บ้างจริงๆ
วิธีของอู๋เจี้ยนเหริน เห็นได้ชัดว่าเป็ นแบบนี้
โรงพยาบาลมีแผนกที่จัดการเรื่องการค้างชาระโดยเฉพาะ เหมือนพวกทวงหนี้ ทีมติดตามหนี้จะไปเรียกเก็บเงินถึงบ้าน ส่วน ใหญ่จะร่วมมือกับต ารวจในการบุกถึงบ้าน แต่พอไปเห็นบ้านคนไข้ที่ เหลือแค่ผนังสี่ด้าน คุณจะทวงอย่างไร
จนท้ายก็กลับมาอย่างจนปัญญา ค่าเดินทางที่เสียไป โรงพยาบาลก็ไม่ให้เบิกเคลมด้วย…
ถึงอย่างไรถ้าจานวนเงินที่ค้างชาระสูง จะต้องแจ้งตารวจ ด าเนินคดีในทันที แต่!
ในเมื่อคนเขาคิดจะหนี ก็ไม่ได้กลัวเรื่องพวกนั้นอยู่แล้ว
โดยทั่วไป เงินที่ติดค้าง แผนกจะต้องรับผิดชอบเองสามสิบ เปอร ์เซ็นต์
……
หลังจากหม่าเฉียงได้ยินคาพูดของอู๋เจี้ยนเหรินก็เดือดดาล เล็กน้อย “หัวหน้าครับ คุณหมอทาเรื่องค้างชาระให้เรา ถึงไม่มีเงินก็ ผ่าตัดให้ เราก็ซาบซึ้งใจมากแล้ว คนเราต้องมีจิตสานึกนะครับ!”
อู๋เจี้ยนเหรินหัวเราะเยาะ “จิตสานึกจะมีค่าอะไร โรงพยาบาล รายได้ปีละหลายพันล้าน ไม่สนใจเงินแค่นี้หรอก”
หลังจากวางสาย หม่าเฉียงเดินไปพูดกับพวกน้องๆ “เราจะฟ้ อง เขาไหม”
ทุกคนตะลึงลังเลเล็กน้อย!
“พี่…พี่เป็ นถึงหัวหน้าทีมแล้วนะ…”
หม่าเฉียงส่ายหน้า ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันพูด “ไอ้แซ่อู๋สารเลวนั่นให้ เราติดเงินไว้แล้ววิ่งหนี และยังบอกว่าให้เงินค่าอาหารเราสามพัน ยังมี ความเป็ นคนอยู่ไหม ตอนที่เจ้าลูกหมาแผลเต็มตัว โดนเศษกระจก แทงทั่วทั้งตัว ไอ้แซ่อู๋นั่นยังนอนอยู่ท่ามกลางผู้หญิงอยู่เลย
คุณหมอเป็ นคนช่วยชีวิตเขาไว้ไม่ใช่เหรอ เลือดไหลไปตั้งเท่าไร ผมทนไม่ได้จริงๆ เมื่อก่อนได้แผลเล็กๆ น้อยๆ มาก็ช่างเถอะ ครั้งนี้ เจ้าหมาเกือบตายเลยนะ! วันนี้เจ้าลูกหมาโดน แล้วพรุ่งนี้ใครจะโดน อีก เราไม่ได้โง่นะ อย่างมากเราก็แค่เลิกท า ให้เขาจ่ายเงินเดือนเรา มาให้หมด เราหางานอื่นทาได้อยู่แล้ว!”
ทุกคนฟังแล้วต่างตัดสินใจ
“ได้!”
“เราไปฟ้ องเขา!”
“ไอ้แซ่อู๋สารเลว!”
หม่าเฉียงลุกขึ้นเดินไปหาหัวหน้าพยาบาล เมื่อครู่นี้เถียนเซียง หลานโกรธจนไฟสุมอก เห็นเด็กหนุ่มหลายคนเดินมาก็อดพูดไม่ได้ “พวกคุณไปกินข้าวเถอะ ตรงนั้นเป็ นโรงอาหารของโรงพยาบาล”
หม่าเฉียงส่ายหน้า พูดอย่างหนักแน่น “คุณน้าครับ เราคิดดีแล้ว เราจะฟ้ องเขา!”
หัวหน้าพยาบาลได้ยินแล้วอึ้งไปทันที “แบบนี้สิถึงจะถูก พูดตรงๆ นะ งานที่ไม่มีความปลอดภัยแบบนี้มีเยอะมาก ทาไมต้องเป็ นที่นั่น ยืน หยัดไปเพื่ออะไร!”
เฉินชางเองก็เดินออกมา จู่ๆ เขาก็นึกถึงคนๆ หนึ่ง
ถังเซ่าฮุย ท่านประธานผู้มีเมตตาของบริษัทก่อสร ้าง ในมือมี คนงานชนบทมากมาย ครั้งนี้เขาได้บริจาคเงินห้าแสน และยังบอกว่า มีเด็กหนุ่มที่เหมาะสมก็แนะนามาได้
วันถัดมา หม่าเฉียงก็ไปที่สานักงานแรงงาน ช่วงสิ้นปี แบบนี้ ส านักงานแรงงานคนเยอะเป็ นพิเศษ ผู้คนแน่นขนัด
เพราะเถียนเซียงหลานติดต่อคนรู ้จักเอาไว้จึงด าเนินการอย่าง รวดเร็ว
มีใบรับรองแพทย์และเวชระเบียนจากโรงพยาบาลอันดับสอง ตอนนี้เอง หลังจากเจ้าหน้าที่ของสานักแรงงานเห็นชื่ออู๋เจี้ยนเหรินก็ อดส่ายหน้าไม่ได้
คนคนนี้ถูกลงบันทึกไม่ใช่แค่ครั้งเดียวแล้ว
“พวกคุณน่ะ รีบเปลี่ยนที่เถอะค่ะ อู๋เจี้ยนเหรินไม่ใช่คนดี!” คุณ น้าที่ทางานในสานักงานอดพูดอย่างถอดถอนใจไม่ได้
“เราจะเร่งติดต่อเจ้าหน้าที่ของคณะกรรมการอนุญาโตตุลาการ เพื่อเรียกตัวอู๋เจี้ยนเหรินมาให้เร็วที่สุด! แต่พ่อหนุ่ม ครั้งนี้พวกคุณ ต้องกัดฟันสู้ อย่ายอมอีก!”
หม่าเฉียงพยักหน้าตอบรับ