เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 790 พนัน (1)
ฉินเสี้ยวยวนตัวสูงใหญ่ แต่ออกตรวจคลินิกมานาน ไม่ได้
ตากแดดลมฝน จึงผมแห้งผิวขาว ด้านเฉินต้าไห่ผิวดำคล้ำ เหมือน
เป็น ‘คนบ้านๆ’ คนหนึ่ง!
ทั้ง
สามคนนั่งอยู่ตรงนั้น จิบชาช้าๆ เริ่มพูดคุยเรื่อยเปื่อยไป
ตามเรื่อง
ฉินเสี้ยวยวนไม่ได้วางท่า พูดคุยเข้ากันได้กับเฉินเจี้ยนซาน
เช่นกัน ทั้งสามก็เบิกบานดีใจ
เฉินเจี้ยนซานยิ้มพลางพูดว่า “เหล่าฉินเอ๋ย แล้วก็ต้าไห่ด้วย
ฉันเป็นลุงคนโตจับตามองอยู่ ขอพูดอะไรตรงๆ หน่อย
เจ้าหนูเฉินชางนี่ ฉันดูเขาโตมา ต่อให้ไม่ได้พูดกับคนอื่นว่าดี
ยังไง แต่บอกตามตรง เจ้าหนูนี่พึ่งพาได้!
เยว่เยว่ หนูฟังลุงนะ ได้เสี่ยวเฉินเป็นแฟน ลุงไม่กล้ารับรอง
เรื่องอื่น แต่ลุงกล้าพูดว่าเด็กนี่ไม่มีจิตใจคิดร้ายอะไร ดีกับหนูมากๆถ้าวันไหนเขารังแกหนู หนูมาหาลุงใหญ่นะ ลุงจะออกหน้าให้
หนูเอง!”
พูดมาคำเดียวเล่นเอาทุกคนขำกันใหญ่ทันที
ฉินเยว่ยิ้มให้ “ขอบคุณค่ะลุงใหญ่!”
เฉินเจี้ยนซานพลันผงะไป “โอ้โห เปลี่ยนวิธีเรียกใหม่แล้วนี่
เยี่ยมๆ ลุงต้องให้อั่งเปาหนักๆ เลย!”
ทุกคนได้ยินเข้าก็หัวเราะร่าขึ้นทันที
ผู้ชายอยู่ด้วยกัน มีอะไรก็คุยกัน ไม่ได้มีข้อห้ามมากมายขนาด
นั้น
เฉินต้าไห่ไม่ชอบพูด จึงยิ้มซื่อๆ พลางดื่มเหล้า
ทั้ง
สามไม่ได้ดื่มมากมายนัก ดื่มเพียงแค่เหมาไถบ่มพิเศษขวด
หนึ่ง หรือก็คือปริมาณหนึ่งจิน[1]
เหล้าไม่มาก แต่ก็ยังเบิกบานใจอยู่ดี!
เฉินชางไม่ได้ดื่มเหล้า ตอนบ่ายเฉินต้าไห่พูดกับเฉินชางว่า
“เฉินชาง บ่ายนี้ลูกพาเยว่เยว่ไปด้วย เอาของไปให้น้ากับอาลูกเถอะ”
ทางเมืองจิ้นหยางยังรักษาประเพณีเยี่ยมญาติฉินเยว่ได้ยินก็ยิ้มดีใจแล้วลุกตามไป
ตอนเฉินชางกลับบ้าน เขาซื้อของไปเยี่ยมญาติมาจำ นวนหนึ่ง
ทุกอย่างอยู่ในกระโปรงท้ายรถยังไม่เอาลงมา
พอเฉินตั๋วออกมาก็ยิ้มพลางพูดว่า “พี่ พี่สะใภ้ พวกพี่ไปเถอะ
ค่ะ ฉันไม่เป็นก้างขวางคอแล้ว รอพวกพี่ไปเมืองหลวงพวกเราค่อย
รวมตัวกัน!”
เฉินชางลูบผมของเฉินตั่วอย่างพอใจ “ดี! รู้กาลเทศะ! ไป
เมืองหลวงแล้วจะเลี้ยงเธอมื้อใหญ่เลย!”
ฉินเยว่ก็ยิ้มละไมพยักหน้า “ดี!”
ทำเอาทุกคนพากันหัวเราะขึ้นมา
หลังจากสตาร์ทรถแล้ว เฉินชางก็ยิ้มพลางพูดว่า “ไปกัน ยัยขี้
ประจบ ผมต้องจูงคุณไปเดินเล่นแล้ว!”
ฉินเยว่เล่นด้วย “โฮ่งๆ!”
เฉินชางหัวเราะ เขาชอบผู้หญิงคนนี้มากขึ้นเรื่อยๆ แล้วจริงๆ
อาจมีบางครั้งที่ความรักไม่จำ เป็นต้องแสดงออกมากเกินไป
ประโยคเดียวก็ทำให้เบิกบานใจได้นานป้าน้าอยู่รอบๆ ทั้งนั้น เฉินชางพาฉินเยว่เวียนไปตามบ้านอย่าง
ต่อเนื่อง พอเอาของไปให้แล้วก็นั่งคุยกัน
พอรู้ว้าเฉินชางกับฉินเยว่เป็นหมอ คุณป้าและคุณน้าที่อายุ
มากแล้วพวกนี้อดถามไม่ได้ว่าอาการป่วยของตนเป็นอย่างไรบ้าง
เฉินชางกับฉินเยว่ก็ใจเย็น
คนในหมู่บ้านตัดใจไปหาหมอไม่ลง นี่เป็นเรื่องที่พบได้บ่อย
ทุกคนถ้าเจ็บป่วยเล็กๆ น้อยๆ ก็อดทนเอา ป่วยหนักก็ผลัดออกไป
ป่วยวิกฤตก็เอาแต่รอ
เฉินชางอธิบายปัญหาของพวกเขาอย่างละเอียด อยู่คุย
เป็นเพื่อน
แต่พวกเขาก็ไม่ได้นั่งอยู่นานนัก ถึงอย่างไรพี่น้องของหยาง
จยาฮุ่ยก็มีสี่คน ทั้งบ่ายต้องไปเยี่ยมหมด ดังนั้นพักเดี๋ยวเดียวก็
ลุกขึ้นจากไปแล้ว
เพื่อนบ้านที่อยู่ด้านหนึ่งเห็นเงาร่างของเฉินชางกับฉินเยว่
จากไปก็อดไปสืบไม่ได้“นี่ก็คือลูกของเฉินต้าไห่หมู่บ้านหนานซานคนนั้นเหรอ โต
ขนาดนี้แล้ว!”
“นั่นสิ รถที่ขับดีขนาดนี้ ตอนนี้อยู่ไหนทำอะไรน่ะ แฟนก็สวย
จริงๆ อย่างกับดารา!”
น้าใหญ่พูดอย่างลำพอง “เขาสองคนเป็นหมอในโรงพยาบาล
ใหญ่ในมณฑลทั้งคู่! เป็นบุคลากรประจำ …”
พอได้ยินน้าใหญ่ยกยอ ทุกคนก็พากันพยักหน้าอย่างอิจฉา
ถึงอย่างไรในสายตาของทุกคน เป็นหมอในมณฑลได้ก็เป็นเรื่องที่
มีหน้ามีตาเรื่องหนึ่ง
ทั้ง
บ่าย เฉินชางพายัยฉินขี้ประจบไปเยี่ยมญาติสี่บ้าน กลับมา
ก็หกโมงกว่าแล้ว
วันนี้ครอบครัวฉินเสี้ยวยวนอยู่ค้างคืน วันรุ่งขึ้นค่อยกลับ แต่
เฉินเจี้ยนซานกลับไปเมืองจิ้นหยางสักพักแล้ว
เมื่อคืนเพื่อนๆ ของเฉินชางมาหาที่บ้าน เรียกเขาออกไปพูดคุย
กัน
พอเฉินชางออกไป ก็พาฉินเยว่ไปด้วยกันเสียเลยทุกคนเห็นฉินเยว่พลันรู้สึกทึ่งอย่างหาใดเทียบ!
ย่อมยิ่งอิจฉาเฉินชางมากขึ้น
ฉินเยว่ได้ยินทุกคนเหน็บเฉินชางว่าโชคหล่นทับจึงอดยิ้มไม่ได้
ในหมู่บ้านชนบทยังเล่นการพนันอย่างหนักหน่วง โดยเฉพาะ
ช่วงตรุษจีน พอคนที่ออกไปทำงานนอกหมู่บ้านกลับมาก็จะต้องพนัน
เอาสนุกทั้งนั้น ที่โชคไม่ดี แพ้ไปหลายหมื่นก็เป็นเรื่องปกติ เกิดเล่น
ไม่ดีรายได้ทั้งปีก็จะเสียไปกับการพนัน
และหมู่บ้านหนานซานก็อยู่ใกล้สายแร่ถ่านหิน ในบรรดา
เพื่อนร่วมชั้นเหล่านี้ก็มีหลายคนลงไปทำงานเหมือง เริ่มทำงาน
ตั้ง
แต่สิบแปดสิบเก้า เดือนหนึ่งได้เงินหนึ่งหมื่นกว่า นับว่าหาเงินได้
ไม่น้อย! ตอนผลกำไรดีปีหนึ่งได้ถึงแสนสอง
ดังนั้นเล่นทีหนึ่งจึงค่อนข้างปล่อยเต็มที่
“เหล่าเฉิน เล่นหน่อยไหม”
“ใช่ ลงมานั่งเล่นหน่อยเถอะ”
เฉินชางยิ้ม “ฉันเล่นไม่เป็น พวกนายเล่นเถอะ”เฉินชางต่อต้านการพนัน เขาเล่นได้ แต่ไม่พนันเงิน ลงเงินนิดๆ
หน่อยๆ เล่นครื้นเครงกับคนในบ้านนิดหน่อยก็เล่นได้ ถ้าเอารายได้
ไปพนันแบบนี้ เฉินชางยังทำไม่ได้จริงๆ
ก่อนหน้านี้เพราะจน แต่ต่อมา…เพราะเห็นคนที่เกิดเรื่อง
เพราะพนันมามากแล้ว
ตอนนี้ทางหนานซานชอบเล่นโป๊กเกอร์ เดี๋ยวเดียวก็เสียพนัน
ไปไม่น้อย
เฉินชางไม่เล่น จึงคุยกับเพื่อนร่วมชั้นคนอื่นสักพัก ประมาณ
สองสามทุ่มก็พาฉินเยว่กลับบ้านนอนแล้ว
อืม!
แยกกันนอน
ถึงอย่างไรเหล่าฉินก็ยังอยู่นี่ นั่นมันคนหวงลูก…
ตอนกลางคืน ในบ้านเฉินชางมีแต่คนในครอบครัวเขาเองแล้ว
ทุกคนจึงพูดเรื่องส่วนตัวหลายเรื่อง เช่นความก้าวหน้าของเฉินชาง
กับอีกเดี๋ยวจะจัดงานแต่งงานกับฉินเยว่กลางคืนในหมู่บ้านค่อนข้างมืด จนสี่ทุ่มกว่า ทุกคนก็ค่อนข้าง
เหนื่อยหมดแล้ว ดังนั้นจึงเข้านอนพักผ่อนให้ไวหน่อย
แต่…
กลางคืนไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไร เสียงเคาะประตูแรงๆ ระลอกหนึ่ง
ก็ดังขึ้น
ปังๆๆ!
ปังๆๆ!
“เฉินต้าไห่! เปิดประตู!”
พร้อมกับที่เสียงเคาะประตูดังขึ้น เจ้าหมาต้าหวงที่เดิมหลับอยู่
ก็เริ่มเห่าเสียงดัง “โฮ่งๆๆ!”
พอเสียงเคาะประตูถี่ๆ เสียงร้องตะโกนกับเสียงเห่าของต้าหวง
ปะปนกัน ทุกคนในบ้านก็ตื่นขึ้นทันที!
โดยเฉพาะพวกเฉินชาง ฉินเสี้ยวยวน
พวกเขาทำงานมานาน ทำให้หลับไม่ลึกจนชิน
ด้านเฉินต้าไห่รีบลุกขึ้นไปเปิดประตู“ใครน่ะ ดึกดื่นมาเคาะประตู!” เฉินต้าไห่คลำผนังเปิดไฟ พอ
เห็นว่าเพิ่งเที่ยงคืนครึ่งจึงสงสัยทันที อดตะโกนถามไม่ได้
“ฉันเอง! หยางเต๋อโหย่ว! ต้าไห่ เปิดประตูเร็ว เกิดเรื่องแล้ว”
เฉินต้าไห่ได้ยินเข้า ต่อให้ลังเลไม่อยากทำแค่ไหน แต่ก็ยัง
ลุกขึ้นอยู่ดี
ถึงอย่างไรก็มาเคาะประตูบ้านกลางดึก รบกวนการพักผ่อน
ของครอบครัวลูกสะใภ้
“มาแล้วๆ เลิกเคาะได้แล้ว! เบาๆ หน่อยสิ!”
เฉินต้าไห่บ่นงึมงำ รีบลุกขึ้นมาเปิดประตู
พอเปิดแล้ว ก็เห็นหยางเต๋อโหย่วสีหน้าหวาดหวั่น
กระวนกระวาย
“เป็นอะไร ดึกขนาดนี้เคาะประตูอยู่ได้…”
เฉินต้าไห่นึกว่าอีกฝ่ายดื่มเหล้าหนักไปเลยเกิดคลั่งขึ้นมา
หยางเต๋อโหย่วเอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้นทำตัวไม่ถูก “เสี่ยวเฉินล่ะ
เฉินชาง ปลุกเขาให้รีบไปดูหน่อย หลี่ตันลูกสะใภ้บ้านหวังฟ่านกินยา
ฆ่าแมลงแล้ว!”[1]หนึ่งจิน(斤) เท่ากับห้าร้อยมิลลิลิตร