เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 794 สัตบุรุษตกลงกันด้วยฝีปากหาใช่กำลัง
ในฤดหนาว ยามลมหนาวพัดหวีดหวิวยิ่งเพิ่มความหนาวเหน็บ
ต่อให้ใส่เสื้อผ้าค่อนข้างหนา แต่ก็ไม่ค่อยช่วยอะไร
พอนั่งอยู่ในรถ เปิดฮีทเตอร์อยู่นาน ทุกคนจึงเริ่มอุ่นขึ้นมา
แต่พออุ่นก็ง่วงนอนได้ง่าย
เหล่าฉินนั่งอยู่ที่นั่งข้างคนขับ หลังพิงเก้าอี้ หนังตาค่อนข้างบวม พออายุมากแล้วก็เป็นเช่นนี้ หลังจากอดนอนตาก็จะบวมน้ำได้ง่าย
ส่วนฉินเยว่พิงไหล่เฉินชางอยู่ ตาโตๆ จ้องหน้าต่างกระจกบนหลังคารถ มองดูท้องฟ้ามืดมิด ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
รถเคลื่อนตัวไปตามถนนบนภูเขา ฉินเยว่กระซิบข้างหูเฉินชางเบาๆ ว่า “คุณจะตบตีฉันไหม”
เฉินชางอึ้งไป อดยิ้มไม่ได้ “ไม่ทำอยู่แล้ว”
ฉินเยว่ถามต่อ “งั้นคุณจะเล่นการพนันไหม”
เฉินชางส่ายหน้าอีก
เขาไม่ใช่คนชอบการพนัน เขาย่อมชอบความมั่นคงมากกว่า
เขาไม่เข้าใจเรื่องหุ้นจึงไม่แตะ แน่นอนว่าระบบจะไปแตะไหมก็เป็นเรื่องของระบบ ไม่เกี่ยวข้องกับเฉินชาง
กองทุนยิ่งแล้วใหญ่ ตอนนี้วางเงินจือฟู่เป่าสองหมื่นหยวนไว้ในอวี้เอ๋อเป่า[1]เพื่อกินดอกเบี้ยวันละหนึ่งหยวนห้าเหมาก็ไม่ไปลงกองทุน
อาจเป็นเพราะอาชีพทำให้เป็นแบบนี้ เขาจึงไม่เชื่อในสิ่งที่ไม่น่าเชื่อถือเลย!
เขาชอบความรู้สึกสบายใจน่าเชื่อถือมากกว่า
ที่จริงเขาไม่รู้ว่าฉินเยว่ก็รู้สึกแบบนี้เหมือนกัน
ที่จริงนิสัยคนเราก็มีอัตลักษณ์ของแต่ละคน
ตอนที่คนเราคบหากัน ที่จริงแล้วลักษณะถ้อยคำ ท่าทาง การสนทนาและการทำเรื่องต่างๆ ก็เผยให้เห็นนิสัยของคุณได้ทั้งนั้น
และเฉินชางทำให้คนอื่นรู้สึกกระตือรือร้น สบายใจและเชื่อถือได้
เฉินชางมีสามข้อนี้อยู่เสมอ
พอกลับถึงบ้านก็เจ็ดโมงแล้ว ฉินเยว่เผลอหลับไประหว่างทาง ฉินเสี้ยวยวนก็ง่วงจนหาว
ดังนั้นเฉินต้าไห่จึงขับรถค่อนข้างช้าและนิ่มมาก
พอถึงบ้านฟ้าก็สว่างแล้ว
ฉินเยว่ถูกเฉินชางปลุกให้ตื่น พบว่าตนเองหนุนแขนเฉินชางนอนมาตลอด หลับสบายดีมาก
เมื่อเธอตื่นแล้วจึงอดนวดให้เฉินชางอย่างรักใคร่ไม่ได้ “ง่วงไหม ฉันหนุนแขนคุณนอน เหน็บกินหรือเปล่า”
เฉินชางยิ้ม “ไม่เลย!”
ส่วนเหล่าฉินกับเฉินต้าไห่ลงจากรถแล้ว
ฉินเยว่กระซิบข้างหูเฉินชางพลางยิ้มระรื่น “งั้นต่อไปฉันก็จะหนุนแขนคุณนอน! สบายเกินไปแล้ว โดยเฉพาะตรงไบเซ็ปนี่ นิ่มๆ กำลังดีเลย”
เฉินชางอดหัวเราะไม่ได้ ชี้แขนเสื้อของตน “งั้นต่อไปตอนนอนคุณห้ามน้ำลายหกแล้วนะ”
พอฉินเยว่ได้ยินก็เห็นว่ามีรอยประทับชื้นๆ อยู่บนแขนเสื้อเฉินชาง ทันใดนั้นหน้าก็แดงขึ้นอย่างห้ามไม่ได้!
“ฉันไม่ได้น้ำลายหกไหมล่ะ!”
“ตรงนี้มันเพราะรถโคลงเคลง ก็เลยทำให้น้ำลายไหลออกมาหรอก!”
เฉินชางอดหัวเราะไม่ได้ “ฮ่าๆๆ…เชื่อแล้วจ้า!”
ฉินเยว่นั่งอยู่บนรถ จู่ๆ ก็ไม่อยากลงมา ดื่มด่ำช่วงเวลาอันงดงามของทั้งสองคน ตอนนี้แสงอาทิตย์ยามรุ่งสางส่องผ่านกระจกเข้ามาฉายลงบนใบหน้าของทั้งสองพอดี
ทันใดนั้นเฉินชางก็รู้สึกถึงความสุขและอบอุ่น!
ยิ่งตั้งตาคอยวันที่จะได้อยู่ด้วยกันแล้วสิ! ทุกเช้าวันใหม่มีคุณเคียงใกล้ใต้แสงตะวัน จะรู้สึกดีขนาดไหนนะ!
พอนึกถึงตรงนี้ ฉินเยว่ก็กลอกตาดวงโต ยู่ปากหันไปจะขโมยจูบเฉินชาง!
แต่ในตอนนี้เอง จู่ๆ เฉินชางก็หันตัวมา!
ทันใดนั้น ทั้งสอง…ก็ชนกัน!
ทั้งสองสบสายตากัน
ความหยอกเย้า อบอุ่นและหนักแน่นในดวงตาเฉินชาง เป็นดั่งภูเขา…
ความหวั่นไหว เขินอายในดวงตาฉินเยว่ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นความอบอุ่นและโหยหา
ใครว่าตอนจูบต้องหลับตา
มองดูแสงแดดฉายส่องที่ใบหน้าทั้งสอง มองดูกันอยู่เงียบๆ แต่ในดวงตากลับมีแต่ความสุขใจและอบอุ่น
ใครก็ไม่อยากผละออก!
“เฉินชาง กินข้าวได้แล้ว ทำอะไรอยู่บนรถน่ะ กินข้าวแล้วรีบไปพัก!” หยางจยาฮุ่ยออกมาเร่งแล้ว
ทั้งสองจึงแยกออกจากกันทั้งที่อาวรณ์!
ฉินเยว่ยู่ริมฝีปากน้อย “ใครให้คุณมาจูบฉัน!”
เฉินชางถลึงตาใส่ “เจ๊ คราวนี้คุณขยับปากก่อนไหมล่ะ…ทางผมนี่เรียกว่าป้องกันตัวเอง!”
ฉินเยว่กลอกตามองบน “ป้องกันตัวเองบ้านคุณใช้ปากป้องกันหรือไง!”
เฉินชางพยักหน้ายืนยัน “แหงอยู่แล้ว ผมลงมือไม่ได้ด้วย จะว่าไปแล้ว…สัตบุรุษตกลงกันด้วยฝีปากหาใช่กำลัง ผมเอาปากมาป้องการตัวเองแล้วมีปัญหาเหรอ”
การเถียงข้างๆ คูๆ ของเฉินชางทำให้ฉินเยว่หัวเราะอย่างอดไม่ได้
“งั้น…คุณป้องกันตัวอีกทีสิ แล้วพวกเราค่อยไปกินข้าว!”
เฉินชางยิ้มให้ “ไม่ได้!”
ฉินเยว่ได้ยินเข้าก็โมโหใหญ่โตทันที “บังอาจ ไม่ได้ก็ต้องได้! อื้อๆ…อือ…อืม!”
เสียงพูดของฉินเยว่ยังไม่ทันเงียบลง เฉินชางก็ออกโจมตีเองเสียแล้ว!
จากนั้นจึงผลักประตูรถออกแล้วลงมาจากรถ!
ทิ้งให้ฉินเยว่เหม่ออยู่ในรถคนเดียว
ฉินเยว่อดกลอกตาไม่ได้ “หนีอะไรเล่า”
พูดจบก็ดูดเลียริมฝีปาก พลันยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
ดีมาก!
จู่โจมเองเป็นแล้ว
ดูท่า…พี่สวีโหรวจะพูดถูก ผู้ชายก็ควรสอนกัน!
หึๆๆๆๆ!
ฉินเยว่ลงจากรถอย่างดีอกดีใจ รู้สึกประสบความสำเร็จมาก
ต่อให้พรุ่งนี้เฉินชางพิชิตทั้งโลกได้ ขอแค่ฉินเยว่พิชิตเฉินชางได้ เท่านี้ก็พอแล้ว!
ดีงาม!
ตอนฉินเยว่เพิ่งลงจากรถ ก็ได้กลิ่นหอมตีกระทบหน้า!
“ว้าว แกงเนื้อแกะ! หอมจังเลย!”
พูดจบก็ปรี่เข้าไปในห้องครัว
วันนี้หยางจยาฮุ่ยตื่นแต่เช้า พอคิดว่าทุกคนคงทั้งหนาวทั้งหิวจึงทำแกงเนื้อแกะให้
ต้องบอกว่าแกงเนื้อแกะชามนี้ถูกปากทุกคนจริงๆ
เนื้อแกะที่มีมันแทรกตุ๋นจนได้รส แกงเนื้อแกะบำรุงร่างกายส่งกลิ่นหอมยั่วยวน โปรยต้นหอม เทจิ๊กโฉ่ว แล้วก็โรยพริกไทยป่นช้อนหนึ่ง
ทำให้ทุกคนยิ่งอยากอาหารขึ้นอย่างห้ามไม่ได้!
ฉินเยว่ยังอดไม่ไหวกินไปสองชาม เรอและลูบท้องไปมา แล้วนอนหลับบนเตียงอย่างสบายไปแล้ว
จี้หรูอวิ๋นยิ้มพลางพูดว่า “กินแล้วนอน ระวังอ้วนลงพุงนะลูก”
ฉินเยว่ได้ยินแล้วนอนคิดปัญหาข้อหนึ่งอยู่บนเตียง
ถ้านอนคว่ำ เนื้อจะไปเพิ่มที่หน้าอกไหม
พอนึกถึงตรงนี้ เธอก็อดพลิกตัวไม่ได้ แต่ท้องก็อืดนิดหน่อย
ช่างเถอะๆ!
อย่าบีบคั้นเลย…
คิดถึงตรงนี้ ฉินเยว่ก็พลิกตัวกลับมานอน แล้วซุกตัวลงในผ้าห่ม
ได้ยินแม่ไก่ชั้นเลิศที่อยู่ข้างนอกร้องกุ๊กๆ ต้าหวงเชื่องลงมากแล้ว จึงไม่กล้าเห่ามั่ว
ฉินเยว่สาบานว่าหลังจากตื่นมาจะต้องแอบขโมยไข่มาสักสองสามฟอง จากนั้นก็จูงสุนัขขนทองตัวโตออกไปเดินเล่น
ฉินเสี้ยวยวนกินน้ำแกงจนเปี่ยมสุข ยิ้มพลางพูดว่า “เฮ้อ…ใช้ชีวิตเรียบง่ายแบบนี้ ผมยังไม่อยากกลับเลย”
เหล่าฉินอายุมากแล้ว กินข้าวเช้ากับจี้หรูอวิ๋นแล้วก็ออกไปเดินบนเขาเพื่อย่อยอาหาร จากนั้นจึงกลับมานอน
ต้องบอกว่าอากาศในหมู่บ้านนี้สบายมากจริงๆ
ระบายอารมณ์กับภูเขาลูกโตช่างสบายใจนัก
เฉินชางถือโอกาสที่เฉินต้าไห่ออกไปเดินเล่นแอบดุ่มเข้ามาในห้องของฉินเยว่ลับๆ ล่อๆ ตามลำพัง
พอต้าหวงเห็นก็ลังเลอยู่นานว่าจะเห่าดีไหม แต่คิดไปคิดมา หมาจะไปยุ่งเรื่องของคนอื่นเล่นทำไม มันจึงส่ายหัวแล้วไปจับแม่ไก่แก่เล่นต่อ
[1] อวี้เอ๋อเป่า (余额宝) บริการออมเงินจากบัญชีจือฟู่เป่า