เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 795 ต้าหวงอกหักเสียแล้ว
เฉินชางออกมาจากห้อง อดถอนใจอย่างห้ามไม่ได้!
อยู่กับฉินเยว่อะไรก็ดี แต่เปลืองหนังปากไปหน่อย…
เฉินชางอดถอนใจไม่ได้ ลูบปากตัวเองแล้วเจ็บนิดหน่อย!
ไหนว่าให้ผมจู่โจมเองไง!
กัดผมทำไม
เฉินชางถอนใจแล้วกลับไปนอนที่ห้องของตนเสียเลย
ต้าหวงมองเฉินชางครั้งหนึ่ง ถอนใจอย่างดูถูก ส่ายหัวแล้วมองสุนัขเสี่ยวฮวาตัวงามที่อยู่นอกประตูตัวนั้นก็ร้องไห้กระซิกๆ รอคนพวกนี้ไปแล้ว ผมก็จะเป็นอิสระแล้ว!
อาฮวา รอผมนะ!
อาฮวาเป็นหมาพันทางที่ขนสีขาวแซมดำตัวหนึ่ง ตัวไม่ใหญ่มาก แต่ขนพลิวไสว โดยเฉพาะขนตรงศีรษะที่ห้อยปรกลงมาถึงครึ่งดวงตา ทำให้ดวงตาอาฮวาน่าหลงใหลมาก!
ว่ากันว่าในตัวอาฮวามีสายเลือดซามอยด์ที่สูงส่ง สำหรับต้าหวงแล้ว เรื่องนี้มีแรงดึงดูดอย่างบอกไม่ถูก
พอคิดถึงตรงนี้ ต้าหวงก็ไล่แม่ไก่ที่อยู่ในมือไป ลุกขึ้นมาแล้วเดินส่ายหัวรอบหนึ่ง แสดงให้เห็นว่า อาฮวาเธอเห็นหรือยัง ฉันหล่ออีกแล้ว!
อาฮวามองดูต้าหวงผ่านประตูใหญ่อยู่สิบวินาทีเต็มๆ หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก็วิ่งตามสุนัขตัวใหญ่ขนทองที่อยู่ข้างหน้าตัวหนึ่งไป คราวนี้ไม่หันกลับมาอีก!
ต้าหวงเห็นภาพนี้เข้าก็ค่อนข้างเจ็บปวดใจ!
มันหมอบลงไปกับพื้นอย่างหมดสภาพ อดแกว่างหางไปมาไม่ได้ จนปัญญาทำอะไรไม่ถูก
ว่ากันว่าไอ้หมาสีเหลืองเหมือนอึนั่นมีสายพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ เป็นหมาพันทางตัวหนึ่งเหมือนกัน!
นี่ทำให้ต้าหวงอดถอนใจไม่ได้
อกหักอีกแล้ว…
แม่ไก่แก่เห็นต้าหวงหมอบลงจึงมาเล่นกับเขาโดยไม่หนีไปไหนอีกครั้ง
ต้าหวงมองแม่ไก่ เธอดีกว่าอยู่ดี ดังนั้นจึงเริ่มเล่นกัน
ต้าหวงเล่นสักพักหนึ่งก็ลืมเพื่อนสาวอาฮวาของตนไป เขาคิดว่าขอต่อไปจะไม่มีแฟนไม่ขาด!
ถึงอย่างไรในบ้านตนก็มีกระดูกเยอะ!
ต่อหน้ากระดูก อาฮวาก็ทิ้งอย่างอื่นได้
พอคิดถึงตรงนี้ จู่ๆ ต้าหวงก็รู้สึกแห้งเหี่ยวเล็กน้อย
……
……
นอนคราวนี้ยาวถึงเที่ยง หลังจากตื่นแล้ว ทุกคนก็ไม่ได้หิวมากนัก
แม่ของเฉินชางต้มโจ๊กข้าวฟ่างข้นๆ ให้ ทั้งยังทำอาหารจานผักรสไม่จัดสองสามจาน น้ำมันไม่เยอะ กินตอนนี้กำลังดี
เฉินชางอยู่บ้านแล้วรู้สึกมีความสุขมาก!
ก็เพราะอาหารดี!
เฉินชางไม่เคยกังวลว่าจะกินของไม่ดี บันทึกต้นตระกูลของตระกูลเฉินไม่ได้ตกทอดมา แต่สูตรอาหารยังสืบทอดอยู่
สูตรอาหารนี้ยังเป็นสิ่งที่เฉินต้าไห่ผู้ไม่ทะเยอทะยานคิดค้นอย่างสมบูรณ์หมดจด ต่อมาพอหยางจยาฮุ่ยได้เรียนรู้ ถึงกับมีพรสวรรค์ล้ำเลิศ
ไม่ว่าจะเป็นพ่อเฉินต้าไห่ หรือแม่หยางจยาฮุ่ย ด้วยความสามารถการทำอาหารอย่างนี้ จะเปิดร้านอาหารโฮมเมดสักร้านก็ไม่มีปัญหาเลยสักนิด!
แต่เฉินชางก็ไม่เต็มใจให้พ่อแม่ออกไปลำบากแล้ว
ดูแลตัวเองดีๆ ก็พอแล้ว
เรื่องหาเงินนี่…มีเรากับเฉินหลัวก็พอแล้ว
เฉินต้าไห่วางแผนไว้ดีแล้ว รอถึงตรุษจีนก็จะพาหยางจยาฮุ่ยไปเที่ยวตระเวนให้ทั่ว เอาให้ชีวิตนี้ไม่เสียดายทีหลัง
เขาลำบากทำงานหนักมาเกินครึ่งชีวิต ตอนนี้ได้อยู่อย่างสงบดื่มด่ำกับความสุขเสียที
รอเยว่เยว่มีลูก หยางจยาฮุ่ยก็จะต้องดูแลหลานอย่างดี
ตอนกินอาหารกลางวัน พอพูดเรื่องลูก จู่ๆ จี้หรูอวิ๋นก็ยิ้มพลางเอ่ยว่า “เยว่เยว่จ๊ะ หนูบอกว่ากินอาหารที่แม่เฉินชางทำจนคุ้นปากแล้ว ต่อไปแม่คงปรนนิบัติลูกไม่ไหวแล้วนะ!”
ฉินเยว่ได้ยินยิ้มละไมพลางพูดว่า “แม่ ไม่เป็นไร!”
จี้หรูอวิ๋นได้ยิน ถึงยังไงก็เป็นลูกสาวตัวเอง ดีจริงๆ!
น่าเสียดาย ฉินเยว่พูดต่อ “เงินบำนาญแม่เยอะ แม่เอาเงินให้หนู หนูให้แม่เฉินชางทำของอร่อยให้ แม่จะมากินฟรีที่บ้านเรา หนูก็ไม่ได้รังเกียจนะ!”
คำพูดล้อเล่นของฉินเยว่ทำเอาทุกคนตลกขบขัน!
ฉินเสี้ยวยวนยังหัวเราะจนหุบไม่อยู่!
จี้หรูอวิ๋นอดอึ้งไปไม่ได้ ยายลูกบ้านี่!
หยางจยาฮุ่ยก็ไม่ได้ติดขัดว่าการทำกับข้าวเป็นเรื่องยุ่งยาก เธออยู่กับเฉินต้าไห่มาทั้งชีวิต อย่างอื่นทำไม่เป็น ก็ทำเป็นแต่กับข้าว ใช้ดูแลลูกสะใภ้ได้ก็ดีใจ!
เขาว่ากันว่าแม่ผัวลูกสะใภ้เข้ากันยาก หยางจยาฮุ่ยคนนี้ก็ไม่ได้อยากสร้างความวุ่นวายให้ลูกชาย จึงพยายามทำให้ดีที่สุดเท่าที่ตนจะทำได้
ตอนเที่ยงพอกินข้าวแล้ว จู่ๆ ทุกคนก็พูดว่าจะหาฤกษ์ดีแต่งงานหรือไม่
พอพูดเรื่องนี้ ก็พูดถึงว่าที่หมู่บ้านหนึ่งในเมืองจิ้นหยางมี ‘เทพเซียนเฒ่า’ ที่เชี่ยวชาญเรื่องการทำนายดวงกำหนดฤกษ์อยู่คนหนึ่ง
พอเห็นพ้องต้องกัน ทุกคนก็เตรียมขับรถไปดูเสียหน่อย!
ถึงอย่างไรเรื่องใหญ่อย่างงานแต่งงาน ถ้ามีฤกษ์ดีสักวันก็จะดียิ่ง
คิดไปคิดมาทั้งครอบครัวก็ออกเดินทาง
ขับรถหนึ่งชั่วโมงเต็มๆ จากทางใต้มาทางเหนือของเมืองจิ้นหยาง
มายังหมู่บ้านบนภูเขาหมู่บ้านหนึ่ง ‘เทพเซียนเฒ่า’ ผู้นี้ไม่มีลูกมีเมีย อยู่ในอารามเต๋าในหมู่บ้านนี้แห่งหนึ่งเพียงลำพัง
ปกติเขาก็มักจะมาทำนายดวงชะตาที่นี่ คนรวยมาแก้บนก็ไม่น้อย ตัวอารามสร้างขึ้นอย่างงดงามโอ่อ่า ไม่ค่อยเข้ากับหมู่บ้านนี้เท่าไร
ต่อมาหลังจากคนรวยเหล่านี้มาแก้บน ก็เริ่มช่วยสร้างถนนในหมู่บ้าน ด้วยเหตุนี้ทั้งหมู่บ้านจึงยิ่งสวยชึ้น
แต่ก็ทำให้คนในหมู่บ้านหลายคนเคารพ ‘เทพเซียนเฒ่า’ ผู้นี้มาก
ทว่าเทพเซียนเฒ่าผู้นี้ก็แปลก ช่วงแรกๆ ทำนายดวงชะตาให้แต่คนรวย
ช่วงสองปีนี้กลายเป็นทำนายให้แต่คนที่มีวาสนา
คนมีวาสนานี้….ครึ่งปียังเจอไม่กี่คน
ดังนั้นคนที่มาจึงค่อยๆ น้อยลง เพราะมาแล้วเขาก็เก็บตัวไม่ออกมา คุณเองก็ทำอะไรไม่ได้
และหลังจากวันนี้พวกเฉินชางขับรถมาถึงหมู่บ้าน ก็สืบข่าวจากคนในหมู่บ้าน
คนในหมู่บ้านก็กระตือรือร้น ยิ้มเอ่ยกับเฉินต้าไห่ว่า “พี่ใหญ่ เทพเซียนเฒ่าไม่ดูดวงมานานแล้ว พวกคุณมาเสียเที่ยวแล้วละ”
เฉินต้าไห่ได้ยินแล้วอดยิ้มไม่ได้ “ก็ถือว่าลองเสี่ยงดูแล้วกัน!”
ชาวบ้านคนนั้นได้ยินก็พยักหน้ายิ้มแล้วชี้ทางให้
“ข้างหน้าขับรถไปยากแล้ว เดินไปดีกว่า ถนนที่นี่เทพเซียนเฒ่าไม่ให้ปูพื้น”
พอทุกคนได้ยินก็สงสัยมากขึ้นทันที
ก็ถือเสียว่าผ่อนคลายแล้วกัน ทุกคนจึงเดินไปข้างหน้า
จี้หรูอวิ๋นอดเอ่ยขึ้นไม่ได้ว่า “เทพเซียนเฒ่านี่ลึกลับลับดีจังเนอะ มีกลิ่นอายเซียนมากกว่าเซียนภูเขาอวี้ในเมืองอันหยางเรานั่นอีก!”
ทางภูเขาเป็นดิน ทั้งยังไม่ปูพื้น
พวกเขาเดินไปราวสองกิโลเมตร ใช้เวลายี่สิบนาทีเต็มถึงเห็นอารามเต๋า
ทุกคนดีใจ เร่งเดินไปทางอารามเต๋า
เฉินต้าไห่ยิ้ม “พวกเราก็กำหนดวันจากการดูชะตาวันตกฟาก หวังว่าเทพเซียนเฒ่าคนนี้จะกำหนดให้เราสักวัน!”
ฉินเสี้ยวยวนพยักหน้า “ถือว่ามาเดินเล่น ถ้าไม่ได้ผมไปหาที่ภูเขาอวี้คนนั้นก็ได้ คนนั้นก็เก่งเหมือนกัน!”
ทุกคนยิ้มพลางเดินไปทางนั้น หลังจากเดินเข้าไปก็เห็นว่าประตูอารามเต๋านั้นเปิดออกอย่างรวดเร็ว
นักพรตเฒ่าที่แต่งชุดนักพรตคนหนึ่งเดินออกมาจากข้างใน มีสุนัขสีดำสนิทตัวหนึ่งตามหลังอยู่
พวกเฉินต้าไห่อึ้งไปครู่หนึ่ง นี่คงเป็นเทพเซียนเฒ่าคนนั้นใช่ไหม
ทันใดนั้นทุกคนก็เดินไปข้างหน้าด้วยกัน
แต่นักพรตเฒ่าเหมือนจะตรงมาหาทุกคน
พอเดินเข้าไปใกล้ นักพรตเฒ่าคนนี้ก็ยิ้มแล้วมองดูทุกคน “มานั่งข้างในเถอะ!”
ทุกคนสบตากัน “พวกเราเป็นคนมีวาสนาเหรอ”
นักพรตเฒ่าคนนี้หัวเราะแหะๆ “ได้พบกันก็เป็นวาสนา”