เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 796 ให้คุณรู้สึกว่าภรรยาเหมือนเด็กน้อย
หลังจากออกมาจากสำนักเต๋าก็เย็นมากแล้ว
เห็นได้ชัดว่านักพรตเฒ่าไม่อยากให้คนพวกนี้อยู่ต่อ จึงลุกขึ้นส่งแขก
พวกเฉินชางก็รู้สึกพอใจ ถึงอย่างไรเรื่องที่ขอ อีกฝ่ายก็กำหนดให้
เขาให้กระดาษมาแผ่นหนึ่ง ด้านบนเขียนฤกษ์ดีไว้ ถึงขนาดเขียนว่าตอนแต่งงานห้ามทำอะไร ต้องระวังเรื่องไหน กระทั่งเปิดประตูรถไปทางไหน…ใส่ใจรายอะเอียดทั้งหมด
พอพูดจบ นักพรตเฒ่าก็พาทุกคนเยี่ยมสำนักเต๋า ส่วนเรื่องอื่นไม่ได้พูดถึง
สำหรับเรื่องอย่างการทำนายดวงชะตา…
นักพรตเฒ่าพูดแค่ว่า “ไม่ต้องทำนายแล้ว ทำนายไปก็ไม่แม่น”
คำพูดเดียวเล่นเอาทุกคนงง!
ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นถึงเทพเซียนเฒ่าของทางจิ้นหยาง พอออกปากว่าทำนายไม่แม่นก็ทำให้ทุกคนตะลึงงัน
ทำนายไม่แม่นแล้วมั่วมาสักอย่างไม่ได้เหรอ
น่าเสียดายนักพรตเฒ่าเพียงแค่หัวเราะแหะๆ แล้วส่ายหัว “ดูชะตาคนก็เหมือนกับรักษาคนไข้นั่นละ
ถ้าคุณดูไม่ออกจะพูดมั่วๆ ไม่ได้ ก็เหมือนพวกคุณที่ก็พูดส่งๆ ไม่ได้เหมือนกันไง!”
คำพูดเดียวทำเอาทุกคนพูดไม่ออก
เพราะตั้งแต่เริ่มจนจบ ทุกคนไม่ได้พูดถึงว่าตนเป็นหมอ นี่ก็ทำให้นักพรตเฒ่ายิ่งดูลึกลับขึ้นไปอีก
พอออกมาแล้ว เฉินชางขับรถ ส่วนฉินเยว่นั่งข้างๆ
รถที่เฉินต้าไห่ขับมีพ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายนั่งไปด้วย ให้พื้นที่หนุ่มสาวทั้งสองได้เป็นอิสระ
แต่เห็นได้ชัดว่าเฉินชางยังเจ็บปาก ไม่ได้คว้าเอาช่วงเวลานี้ไว้
ทว่าจู่ๆ ฉินเยว่ก็ถาม “เมื่อกี้เทพเซียนเฒ่าคนนี้พูดอะไรกับคุณอยู่คนเดียว”
เฉินชางยิ้ม “บอกว่าต่อไปภรรยาผมจะคลอดลูกน้อยตัวอ้วนให้ผมสองคน เป็นลูกชายทั้งคู่ ชื่อยังตั้งให้แล้วด้วย คนหนึ่งชื่อเฉินผิงอัน อีกคนชื่อเฉินเสียงเหอ”
ฉินเยว่กลอกตา “นี่ฉันพูดจริงจังกับคุณอยู่นะ!”
เฉินชางยิ้ม “ผมจะหลอกคุณทำไม”
……
……
ตรุษจีนผ่านไปแล้วโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว เช้าตรู่วันชิวสี่ เฉินชางก็ขับรถไปส่งครอบครัวฉินเยว่
พอถึงทางด่วน ฉินเยว่ก็ฟุบอยู่กับตัวเฉินชางอย่างกับหมีโคอาล่าไม่อยากลงมา
เฉินชางอดยิ้มไม่ได้ “อีกสองวันก็กลับแล้ว!”
ฉินเยว่ “ไม่ฟังๆ ไม่รับไม่รู้!”
ยายคนนี้ทำเอาเฉินชางหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก “คนเยอะขนาดนี้มองคุณอยู่นะ ไม่อายหรือไง!”
พอฉินเยว่ได้ยิน ก็เหมือนรู้สึกว่านี่ก็มีเหตุผล จึงสวมฮู้ดขนเฟอร์ใบโตที่อยู่บนเสื้อขนเป็ด คราวนี้อย่าว่าแต่หน้าเลย หัวยังมองไม่เห็นด้วยซ้ำ
ฉินเยว่ที่หลอกตัวเองอยู่จูบลงบนใบหน้าเฉินชางอย่างเหิมเกริมไม่หวั่นเกรงครั้งหนึ่ง “แบบนี้พวกเขาก็มองไม่เห็นแล้ว!”
คนสมองกลับพิกลคนนี้ทำเอาเฉินชางหัวเราะเบิกบานออกมาอย่างเต็มที่
ฉินเสี้ยวยวนบีบแตรจนลืมไปว่าบีบไปกี่ครั้งแล้ว
“ยัยลูกบ้านี่ วันชิวฉิกเฉินชางก็ทำงาน ชิวลกก็กลับอันหยางแล้ว! สองวันยังเป็นแบบนี้! ต่อไป…ถ้าไม่มีเฉินชางแล้วจะทำไงล่ะ!”
จี้หรูอวิ๋นยิ้มให้ “พอแล้วๆ คุณอย่าบีบแตรเลย ลูกสาวคุณบล็อคคุณไปแล้ว!”
ผ่านไปพักใหญ่ ฉินเยว่จึงเดินหนึ่งก้าวหันหลังสามทีมาขึ้นรถฉินเสี้ยวยวนอย่างอาลัยอาวรณ์!
พอขึ้นมาแล้วเธอก็ไม่ถอดฮู้ด กระทั่งความรู้สึกเบาบางลง ไม่มีน้ำตาแล้วจึงถอดออก
จี้หรูอวิ๋นมองดูฉินเยว่ “เยว่เยว่จ๊ะ ลูกบอกว่าไม่ชอบมีความรักหรอกเหรอ ตอนนี้รู้สึกเป็นไงบ้าง”
ฉินเยว่ยู่ปาก “แต่แม่ก็ไม่ได้บอกว่าที่แท้ความรักก็ดีขนาดนี้นี่คะ!”
จี้หรูอวิ๋นยิ้ม “เพราะเฉินชางแคร์ลูกขนาดนี้ไง ลูกก็เลยรังแกเฉินชางเก่ง”
ฉินเยว่หันไปมองเฉินชางที่อยู่ข้างหลัง เขายังยืนมองรถเคลื่อนตัวจากไปอยู่ตรงนั้น
ไม่รู้ทำไมฉินเยว่ถึงแสบจมูก
รถเคลื่อนตัว ขณะที่เห็นว่าเงาของเฉินชางเล็กลงเรื่อยๆ ฉินเยว่ก็ล้วงโทรศัพท์ออกมาส่งข้อความให้เฉินชาง ‘ที่รัก ฉันดีใจจังที่ชาตินี้ได้พบคุณ ทำให้ฉันได้รู้ว่าความรักที่งดงามที่สุดเป็นยังไง’
‘คุณบอกว่าคุณกลัวจะทำได้ไม่ดี ทำให้ฉันคิดว่าความรักมันก็เท่านี้’
‘ตอนนี้ฉันกลัวว่าฉันจะทำได้ไม่ดี ทำให้คุณรู้สึกว่าเมียเหมือนเด็กน้อย…’
‘ฉันจะพยายามอย่างเต็มที่ ฉันจะดูแลคุณ เป็นภรรยาที่สมบูรณ์แบบที่สุดของคุณ แล้วก็จะเป็นยัยฉินขี้ประจบของคุณไปตลอดชีวิตด้วย!’
เฉินชางอ่านข้อความวีแชทแล้วหัวเราะกระหยิ่มยิ้มย่อง แคปหน้าจอดังแชะเรียบร้อย ก็ส่งไปหาฉินเยว่
‘ได้ครับ ผมแคปหน้าจอไว้แล้วนะ ถ้าคุณทำได้ไม่ดี ผมจะคืนของนะ!’
ความรู้สึกที่เดิมสุกงอมของฉินเยว่ถูกเฉินชางทำลายทิ้งในคราวเดียว เธอจึงส่งหัวหมูไปให้อย่างข่มอารมณ์โมโหไม่อยู่!
……
……
เฉินชางไม่ได้กลับบ้านทันที แต่ขับรถไปแผนกฉุกเฉินโรงพยาบาลประชาชนเมืองจิ้นหยาง ทันทีที่เปิดประตูเข้าไป พยาบาลน้อยคนหนึ่งก็รีบลุกขึ้น “หัวหน้าเฉิน!”
แพทย์เวรผงะไปเลย!
ใครคือหัวหน้าเฉิน
หัวหน้าเฉินคือใคร
พอหันไปเห็นเฉินชาง พยาบาลน้อยก็รีบกระซิบข้างหูสองสามคำ
แพทย์เวรจึงตาโตแล้วยิ้มออกมา “อ๋อ! หัวหน้าเฉินนี่เอง คุณมีอะไรเหรอครับ”
เฉินชางยิ้มพลางส่ายหัว “ไม่มีอะไรครับ ผมมาดูผู้ป่วยหลี่ตันเสียหน่อย ตอนนี้เธอเป็นไงบ้าง”
แพทย์อยู่เวรรีบพาเฉินชางไปห้องผู้ป่วย จากนั้นจึงรีบเอาชาร์ตผู้ป่วยออกมาให้แล้วตามเข้าไป
“ดีมากครับ ตอนนี้อาการดีขึ้นเรื่อยๆ แล้ว นี่เป็นผลแล็บล่าสุดครับ”
เฉินชางเอ่ยขอบคุณแล้วรับมาดู ดูท่าหลี่ตันจะฟื้นตัวได้ดีมาก
ในห้องผู้ป่วย ครอบครัวหวังฟ่านอยู่กันหมด หวังฟ่านเองก็อยู่ด้วย หลี่ตันฟื้นขึ้นมาแล้ว อาการดีขึ้นมาก
ตอนนี้บ่นอยากจะออกจากโรงพยาบาลเพราะกลัวเปลืองค่ารักษา
พอเห็นเฉินชางเข้ามา ทุกคนก็รีบลุกขึ้น
“เฉินชางมาแล้ว!”
“นั่งเร็วๆ เดี๋ยวฉันไปเอานมขวดให้เธอ”
เฉินชางเห็นพ่อแม่หวังฟ่านกุลีกุจอจึงยิ้มทันควัน “ผมแค่มาดูว่าหลี่ตันเป็นไงบ้าง ไม่เป็นไรก็ดีแล้วครับ”
หวังฟ่านที่อยู่อีกด้านหนึ่งเห็นฉินชางแล้วก็รู้สึกละอาย เขากระมิดกระเมี้ยนอยู่นานกว่าจะพูดว่า “ขอบใจนะ”
เฉินชางยิ้มให้ ไม่ได้พูดอะไร เรื่องในครอบครัวเขา ตนก็ไปยุ่งไม่ได้ และไม่จำเป็นต้องไปยุ่งมากมายด้วย
หลี่ตันยิ้ม พอเห็นเฉินชางก็พูดโดยที่ยังนึกกลัวอยู่ว่า “ขอบคุณนะคะเฉินชาง หัวหน้าจี้บอกแล้วค่ะว่าคุณเป็นผู้มีพระคุณช่วยชีวิตฉัน ถ้าไม่ได้คุณ ฉันคงตายไปแล้ว”
เฉินชางยิ้ม อยู่ต่อครู่เดียวก็ออกมาแล้ว
รอเรื่องทางนี้จบแล้ว ชิวฉิกเฉินชางคงไปโรงพยาบาลทั้งวัน ช่วงชิวโป๊ยก็ต้องไปเมืองหลวงแล้ว
เดิมทีเฉินชางอยากกลับบ้านทันที
แต่จู่ๆ เขาก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ นั่นก็คือเรื่องของพวกลุงใหญ่เฉินเจี้ยนซาน
เฉินชางพาเฉินเจ๋อกับเฉินเจี้ยนซานไปเยี่ยมเฉินกั๋วฮว๋า กินข้าวกลางวันด้วยครั้งหนึ่งเสียเลย
เฉินกั๋วฮว๋าก็ให้เกียรติมาก ไม่ได้ปฏิเสธ ที่จริงเขาก็รู้เรื่องคนที่เฉินชางพามาด้วยดีอยู่แล้ว ที่ตอนนั้นพูดแบบนี้ต่อหน้าทุกคน เจตนาของเขาก็ชัดเจน นั่นก็คือให้เขาเคลื่อนไหวในจิ้นหยางได้หมด
เฉินเจี้ยนซานกับเฉินเจ๋อออกจะทึ่งที่ได้รับความสำคัญ เพราะเดิมทีตอนชิวซาออกจะเสียดายที่ไม่ได้พบกับผู้อำนวยการสำนักการก่อสร้างเมือง แต่อย่างไรพวกเขาก็คิดไม่ถึงว่าตอนนี้จะได้นั่งพูดคุยกับผู้ว่าเฉินต่อหน้า