เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 797 เคลื่อนตัวสู่เมืองหลวง!
สองวันหลังจากนั้น เฉินชางอยู่บ้านกับพ่อแม่
หลายวันมานี้ ผู้คนในหมู่บ้านทยอยมาให้เฉินชางรักษา เฉิน
ชางไม่ได้ปฏิเสธ อยู่ที่ไหนก็รักษาคนไข้ได้ ตนเป็นหมออยู่แล้ว ทั้ง
คนในหมู่บ้าน นอกหมู่บ้าน ช่วยได้เท่าไรก็ช่วย
อย่างที่นักบวชเต๋าพูดว่า เป็นหมอก็คือการทำความดีสร้างบุญ
กุศล
คนในหมู่บ้านก็แบบนี้แหละ แม้คุณมีเงินก็ใช่ว่าพวกเขา
จะความเคารพนับถือคุณ แต่ถ้าเป็นหมอเก่งๆ คนหนึ่ง ฐานะก็
จะดีขึ้นมาก!
มนุษย์เราล้วนกลัวเวลาเจ็บปวด ประชากรในหมู่บ้านยิ่งเป็น
เช่นนี้ ออกจากหมู่บ้านมาหาหมอก็มืดแปดด้าน มีคนรู้จักสักคนจะ
มั่นใจมากกว่าโดยเฉพาะหลังจากเฉินชางช่วยคนในหมู่บ้านครั้งแล้วครั้งเล่า
ฐานะของครอบครัวเหล่าเฉินก็เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด
ทำให้เฉินต้าไห่และหยางจยาฮุ่ยรู้สึกทั้งดีใจและภาคภูมิใจมาก
ดีใจยิ่งกว่าซื้อพราโดสองคันเสียอีก
ถึงอย่างไรนอกจากความต้องการในด้านวัตถุแล้ว ในระดับที่
สูงขึ้นคือความรู้สึกเป็นที่ต้องการและการได้รับความเคารพ
พริบตาเดียวเวลาสองวันก็ผ่านไป
ช่วงบ่ายวันที่หกตามปฏิทินจีน เฉินชางขับรถกลับเมืองอัน
หยาง
อีกด้าน ตอนกลางคืน ฉินเสี้ยวยวนก็เรียกทั้งครอบครัว
มารวมตัวกัน ชวนเฉินชางมากินข้าวด้วย
ให้ญาติผู้ใหญ่ฝั่งฉินเยว่ได้เจอกับเฉินชาง ทำความรู้จักกันไว้
ความจริงก็ไม่เพียงแค่ทำความรู้จัก แต่อยากให้เฉินชางเข้ามา
เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว ต่อไปให้พวกอาๆ สนับสนุนสักหน่อย!
ตอนนี้ในหัวเหล่าฉินมีแต่เฉินชาง ขีดจำ กัดของตนเองชัดเจน
มาก ตอนแรกคิดว่าหลังเกษียณเป็นรองอธิบดี ผลตอบแทนก็ไม่เลวแล้ว คิดไม่ถึงว่ายังมีโอกาสขึ้นสูงได้อีก!
ทว่าแม้จะเป็นเช่นนี้ เหล่าฉินก็รู้สึกพอใจแล้ว!
แต่อนาคตของเฉินชางไร้ขีดจำ กัด!
ในหัวเขาคิดแต่ว่าต่อไปเฉินชางจะพัฒนาไปในทิศทางไหนดี
เมื่อสองวันก่อนเขาพูดกับพวกเฉินต้าไห่ไว้ว่า เรื่องของเสี่ยว
เฉิน เขาจะคอยดูแลเป็นอย่างดี ให้เฉินต้าไห่ไม่ต้องเป็นห่วง!
ถึงอย่างไรก็เป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่จำ เป็นต้องเกรงใจ
ลูกเขยก็เหมือนลูก เรื่องพวกนี้เหล่าฉินเข้าใจดี
อีกอย่างตอนนี้ทั้งสองครอบครัวก็สนิทสนมกันมากขึ้นเรื่อยๆ
และเฉินชางกับฉินเยว่ก็จะจดทะเบียนสมรสกันแล้ว
ไปเจอญาติๆ สักหน่อยก็เป็นเรื่องปกติ
ฉินเสี้ยวยวนจองห้องส่วนตัวไว้ เชิญแต่ผู้ใหญ่มา ไม่ได้พาเด็ก
ๆ ที่บ้านมาด้วย
หลังจากเฉินชางเห็นฉินเย่วหมิงเข้ามาก็ตาโตทันที
“ผู้อำนวยการฉิน?”
ส่วนฉินเยว่วิ่งออกมาพร้อมเสียงหัวเราะ “คุณอาเล็ก!”ทำให้เฉินชางอึ้งงันไปทันที
ฉินเย่วหมิงหัวเราะฮ่าๆ “ต่อไป เรียกผมว่าอาเล็กเหมือนเยว่เย
ว่นะครับ!”
เฉินชางมองฉินเย่วหมิงแวบหนึ่งแล้วมองฉินเสี้ยวยวน ถึงว่า
เจอกันคราวก่อนรู้สึกหน้าคุ้นๆ ที่แท้ก็เป็นแบบนี้!
เฉินชางหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก “สวัสดีครับอาเล็ก!”
หลังจากพูดจบ เฉินชางเองก็อดตะลึงในรากฐานอันมั่นคงของ
ตระกูลฉินในวงการแพทย์ไม่ได้!
ยังไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น ในเมืองอันหยางก็มีผู้อำนวยการ
ระดับมณฑลสองคนแล้ว!
ฉินเสี้ยวยวนเป็นลูกคนโต มีน้องชายคนหนึ่ง ทำงานระบบผสม
แต่ไม่ได้อยู่ในเมืองอันหยาง อยู่ในเมืองหลวง เป็นผู้ปฏิบัติงานระดับ
ฝ่ายอย่างแท้จริง และน้องสาวอีกคนทำธุรกิจ ดูจากมาดของอาเขย
เฉินชางคิดว่าฐานะทางบ้านก็น่าจะมั่นคงมาก
เห็นทุกคนแล้ว เฉินชางเองก็อดส่ายหน้าไม่ได้ดูเหมือนว่ายัยฉินขี้ประจบที่ตนได้มาเป็นภรรยาจะเป็นทายาท
เศรษฐีจริงๆ เสียแล้ว
อาหารมื้อนี้ไม่ได้เหมือนสอบสวนอย่างที่คิดเอาไว้ แต่สามัคคี
ปรองดองกันมาก
ฉินเย่วหมิงให้ความสำ คัญกับเฉินชางมาก ถึงขั้นถามเฉิน
ชางว่าอยากไปพัฒนาต่อที่โรงพยาบาลหลอดเลือดหัวใจหรือไม่
ทว่าแปลกมากที่ครั้งนี้เหล่าฉินไม่ปฏิเสธ
หลังจากกินข้าวเสร็จ พวกอาๆ และฉินเสี้ยวยวนก็เรียกเฉิน
ชางไปคุย
ส่วนใหญ่เป็นเรื่องอนาคตของเฉินชางและการวางแผนชีวิต
ของพวกเขา
ฉินเสี้ยวยวนมองเฉินชางพร้อมพูดว่า “ตอนแรกผมคิดว่า
ปีหน้าจะเปลี่ยนแปลงสักหน่อย แต่คิดไม่ถึงว่าเสี่ยวเฉินจะเก่งเกินไป
สร้างชื่อเสียงให้กับโรงพยาบาลอันดับสองครั้งแล้วครั้งเล่า ผมคิดว่า
ต้นปีนี้ อย่างมากเดือนมิถุนายนผมก็จะไปเป็นอธิบดีที่มหาวิทยาลัย
การแพทย์แห่งมณฑลตงหยางแล้ว”คำพูดนี้ทำให้ทุกคนหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก!
ฉินหย่งอี้กับฉินเย่วหมิงสบตากัน อดยิ้มไม่ได้ “พี่ชาย
ได้ประโยชน์ขนาดนี้ยังทำเป็นลำบากใจอีก”
ฉินเสี้ยวยวนอดหัวเราะฮ่าๆ ไม่ได้
ฉินเย่วหมิงพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม “ใช่ ครอบครัวอื่นพ่อตา
สนับสนุนลูกเขย ครอบครัวพี่กลับกัน กลายเป็นลูกเขยสนับสนุน
พ่อตา พี่ไม่พิจารณาตัวเองหน่อยเหรอ”
ฉินเสี้ยวยวนอดหัวเราะฮ่าๆ ไม่ได้ ไม่เพียงไม่โกรธ กลับยัง
หัวเราะ “เหอะๆ ก็หมายความว่าเราสองคนมีบุญสัมพันธ์กัน เมื่อ
ไม่กี่วันก่อนผมได้ไปหาเทพองค์หนึ่งมา ท่านบอกว่าชาตินี้ผมจะเจอ
ผู้มีพระคุณมากมาย โดยเฉพาะคนที่อยู่ตรงหน้า มีบุญอย่างมาก!”
ทุกคนหัวเราะฮ่าๆ เห็นเป็นเรื่องล้อเล่น
“เฉินชาง หลังจากไปเมืองหลวงแล้ว มีเรื่องอะไรให้โทรหาอา
สองนะ ไม่ต้องเกรงใจ” ฉินหย่งอี้สุภาพเรียบร้อย พูดพร้อมรอยยิ้ม
เฉินชางพยักหน้า “ต้องได้รบกวนอาสองอย่างแน่นอนครับ”ฉินหย่งอี้ได้ยินแล้วอดหัวเราะฮ่าๆ ไม่ได้ “ฉันกลับอยากให้คุณ
รบกวนฉัน เป็นผู้มีพระคุณของฉันบ้าง! เดี๋ยวนี้ฉันได้ยินชื่อคุณจาก
สำ นักงานคณะกรรมการอาหารและยาด้วย คุณสุดยอดมาก”
ฉินหย่งอี้อยู่ในระบบสาธารณะสุข เขาไม่ได้อยู่ในหน่วยงาน
กำกับดูแล แต่เป็นหัวหน้าศูนย์แลกเปลี่ยนและความร่วมมือ
ระหว่างประเทศของสำ นักงานคณะกรรมการสุขภาพ ซึ่งเป็นบริษัท
ในเครือของสำ นักงานคณะกรรมการสุขภาพและการแพทย์แห่งชาติ
เมื่อไม่นานมานี้ เรื่องของบริษัท VOLB ฮือฮาไปช่วงหนึ่ง
ทว่าพอทำความเข้าใจแล้วก็ทำให้เขาประหลาดใจมากว่า ที่แท้
คนที่ค้นพบเรื่องนี้กลับเป็นหลานเขย!
หน้าที่หลักๆ ของศูนย์แลกเปลี่ยนและความร่วมมือ
ระหว่างประเทศก็เป็นดั่งชื่อ คือเป็นการเสริมสร้างการแลกเปลี่ยน
และความร่วมมือในด้านการแพทย์ทั้งในและต่างประเทศ และยัง
ดำเนินงานที่เกี่ยวข้องหลายอย่าง เช่น ความช่วยเหลือ
ทางการแพทย์และการกู้ภัยในต่างประเทศทว่าเรื่องนี้ทำให้ฉินหย่งอี้ยิ่งประหลาดใจในตัวเฉินชาง วันนี้
จึงอุตส่าห์มาเจอหลานเขยคนนี้!
สำ หรับคำพูดล้อเล่นของทุกคน เฉินชางอดยิ้มไม่ได้
คุยเรื่องของเฉินชางจบ ทุกคนก็คุยเรื่องอื่นกัน หลักๆ คือ
พัฒนาการของทุกคน รวมถึงการโยกย้ายของบุคลากรที่เกี่ยวข้อง
โดยไม่มีท่าทีที่จะกันเฉินชางออกเลย
ตำแหน่งของฉินเยว่หมิงคงไม่เปลี่ยนแล้ว ฉินหย่งอี้เองก็เพิ่ง
เลื่อนตำแหน่งได้ไม่นาน
ทั้ง
ครอบครัวเริ่มคิดวิเคราะห์ขึ้นมาว่าอนาคตจะพัฒนาไปใน
ทิศทางไหนและอย่างไร…
พอคุยถึงการพัฒนาในอนาคตของเฉินชาง พวกอาๆ ต่าง
หารือกันว่าต้องทำอย่างไรบ้าง
ทำให้เฉินชางประทับใจมาก
ที่ประทับใจไม่ใช่ว่าฐานะของพวกเขาสูงส่งแค่ไหน แต่เป็น
ความตั้งใจที่คอยเสนอแนะและคิดหาหนทางให้เฉินชาง!วันถัดมา โรงพยาบาลอันดับสองเริ่มทำงานอย่างเป็นทางการ
แล้ว
และเฉินชางก็ไปทำเรื่องที่แผนกฝ่ายกิจการแพทย์ รับพวก
ใบสมัครเข้าฝึกงานและอื่นๆ
แผนกผู้ป่วยนอกหยุดรับคิวของเฉินชางแล้ว หัวหน้าแผนก
ผู้ป่วยนอกเจอเฉินชางแล้วยิ้มพูด “หัวหน้าเฉิน คุณคงยังไม่รู้ว่าคนที่
จองคิวคุณเยอะขึ้นเรื่อยๆ ฉันคิดว่าอีกสองสามวันคงมีคนบ่นอีกแล้ว
!”
ที่หลิวอวี้พูดเป็นความจริง เธอเองยังประหลาดใจว่าทำไม
อัตราการจองคิวซ้ำ ของเฉินชางจะสูงขนาดนี้ สูงกว่าพวกหัวหน้า
เก่าแก่หลายคนเสียอีก
หลังจากจัดการเรื่องทุกอย่างแล้ว กลางคืนเฉินชางเลี้ยงข้าว
หมอและพยาบาลในแผนก
ทุกคนต่างรอคอยการกลับมาอย่างแข็งแกร่งของเฉินชาง
“ฉลองให้กับแผนกฉุกเฉิน ชน!”
“ฉลองให้กับหัวหน้าเฉิน ชน!”“ปีหน้าหัวหน้าเฉินจะพาเราเข้าสู่ตึกใหม่!”
ทุกคนดีใจมาก ส่วนพวกเสี่ยวหลินยังคงอาลัยอาวรณ์เล็กน้อย
สมาชิกทีมกู้ชีพอย่างจางเหวินฟู่ หวังข่ายอัน หวังเชียนเองก็
รู้สึกว่าภาระหน้าที่แบกรับหนักอึ้งกว่าเดิมแล้ว
ครั้งนี้เฉินชางไปเป็นปีเลย!
เจอกันใหม่ปีหน้า!