เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 85 พวกเราสองคนกลายเป็นผู้ช่วยของเฉินชางไปแล้วหรือ?
บ่ายวันจันทร์ ข่าวหนึ่งกำลังแพร่ไปในโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว!
“คุณรู้หรือเปล่า? วันนี้แผนกศัลยกรรมทรวงอกจะถูกยุบแล้ว สือฉีถูกย้ายไปเป็นรองหัวหน้าแผนกเต้านมแล้ว” ฉินเยว่ก็เหมือนคนที่เพิ่งได้รู้ข่าวใหญ่ทั่วไป เธอเดินมากระซิบข้างๆ เฉินชางด้วยท่าทางลึกลับ
เฉินชางที่กำลังเขียนประวัติผู้ป่วยชะงักไปเล็กน้อย!
เร็วขนาดนี้เชียวหรือ?
เพิ่งวันเดียว บอกจะยุบแผนกศัลยกรรมทรวงอกก็ยุบเลยหรือ
ตอนนี้หวังเชียนที่เป็นหนึ่งในสามสมาชิกผู้เฝ้าห้องทำงานก็พูดขึ้นมาว่า “สมน้ำหน้า! สือฉีคนนั้นทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง ผมจะบอกอะไรให้ ตอนงานเลี้ยงรวมตัวกับเพื่อนๆ ผมอายที่จะพูดถึงแผนกศัลยกรรมทรวงอกของโรงพยาบาลพวกเราจริงๆ”
“คราวที่แล้วมีผู้ป่วยเป็นหนองในช่องอก ผมนัดมาตรวจโรคร่วมกันแล้ว แต่สือฉีคนเก่งกลับไม่ยอมมา ผมต้องเร่งลงไปถึงจะเอ้อระเหยมาให้ มาแล้วพูดว่ายังไงรู้หรือเปล่า? บอกว่านี่ไม่ใช่ผู้ป่วยเกี่ยวกับโรคในแผนกของพวกเขา ให้ผมไปเชิญหมอแผนกปอดมาตรวจโรคร่วมกัน ให้ตายเถอะ ไม่รู้จริงๆ ว่าเป็นหัวหน้าแผนกศัลยกรรมทรวงอกได้ยังไง”
เฉินชางพยักหน้า สือฉีเป็นแบบนั้นจริงๆ ทุกคนในโรงพยาบาลต่างก็รู้กันหมด
แต่การกลับไปทำงานเดิมได้ก็เป็นเรื่องดี อย่างไรเสียแผนกศัลยกรรมทรวงอกก็เป็นแผนกที่ดูแลโรคอันตราย ถ้าคุณเป็นหมอรักษาโรคเกี่ยวกับเต้านมแต่กลับจะไปทำศัลยกรรมทรวงอกจะไม่ใช่เรื่องไร้สาระหรืออย่างไร?
เดิมทีการพัฒนาศัลยศาสตร์ของโรงพยาบาลอันดับสองก็ไม่ใช่ว่าจะดีอะไร หลายแผนกมีแค่ชื่อเสียงจอมปลอม ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นหน้าเป็นตาในฐานะโรงพยาบาลชั้นนำสามอันดับแรกเท่านั้น
ต้องทราบว่าโรงพยาบาลชั้นนำสามอันดับแรกต้องรักษาคุณสมบัติของโรงพยาบาลชั้นนำสามอันดับแรกเอาไว้ จำเป็นต้องมีแผนกต่างๆ มากมาย ต้องแบ่งฝ่ายอย่างละเอียด หากว่ากันตามจริง หลายปีมานี้โรงพยาบาลอันดับสองจ่ายเงินสร้างตัวตนไปไม่น้อย และใช้ทางลัดไม่น้อยเลยทีเดียว
ดังนั้นการพัฒนาทางด้านศัลยศาสตร์จึงค่อนข้างอืดอาด ไม่ต้องพูดถึงระดับประเทศเลย แค่ในมณฑลตงหยางก็ไม่นับเป็นอะไรได้แล้ว แต่เรื่องพวกนี้ไม่ใช่เรื่องที่บุคลากรตัวเล็กๆ อย่างพวกเขาต้องใส่ใจ
ตอนนี้เอง จู่ๆ หวังหย่งก็เดินพรวดพราดเข้ามา เมื่อเห็นทั้งสามอยู่ในห้องก็รีบพูดขึ้นด้วยสีหน้าร้อนรน “วันนี้จะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นแล้ว!”
ทั้งสามเงยหน้าขึ้นพร้อมกัน “หมายความว่ายังไง?”
หวังหย่งพูดด้วยท่าทีลึกลับ “เมื่อกี้หัวหน้าแผนกกำลังเตรียมการผ่าตัด อยู่ดีๆ ผู้อำนวยการก็เรียกประชุม ว่ากันว่ามีผู้นำระดับสูงมาด้วย ดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับแผนกฉุกเฉินของพวกเรา!”
……
……
ภายในห้องประชุมของโรงพยาบาล สือฉีนั่งอยู่ที่นั่น วันนี้เขาคือ “ตัวละครหลัก”
นี่อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้เข้าร่วมประชุมที่นี่ คาดว่าตำแหน่งหัวหน้าแผนกสือจะต้องกลายเป็นรองหัวหน้าแผนกสือเสียแล้ว
หัวข้อสำคัญของการประชุมในวันนี้ก็คือการเรียกคืนห้องผ่าตัดของแผนกศัลยกรรมทรวงอก ตลอดจนประเด็นที่ว่าห้องผ่าตัดหมายเลขแปดที่ว่างอยู่จะมอบให้ใครกันแน่
ไม่ว่าใครก็อยากได้!
ห้องผ่าตัดก็เหมือนกับเตียงผู้ป่วยของโรงพยาบาล เป็นทรัพยากรที่แต่ละแผนกแย่งชิงกัน
หากมีเตียงผู้ป่วยมาก เท่ากับว่าผลประโยชน์ของแผนกจะเพิ่มขึ้นไม่น้อย ส่วนเรื่องการมีห้องผ่าตัดเป็นของแผนกตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นแผนกไหนก็ถือเป็นโอกาสในการพัฒนาแผนก ต่อไปก็ไม่ต้องทำการผ่าตัดที่ต้องคอยสังเกตสีหน้าคนอื่นอีก ทั้งยังบุกเบิกการผ่าตัดใหม่ๆ ได้อีกมากมาย
จางโหย่วฝูหน้าดำคร่ำเครียด “ผมคิดว่าห้องผ่าตัดควรให้แผนกที่จำเป็นกว่านี้นะครับ ตอนนี้แผนกศัลยกรรมทั่วไปของพวกเรากำลังเตรียมจัดตั้งทีมตับและถุงน้ำดี ถ้ามอบห้องผ่าตัดนี้ให้พวกเราจะทำให้ศัลยศาสตร์ของโรงพยาบาลเราพัฒนาไปได้มาก มีส่วนช่วยในการยกระดับศัลยศาสตร์และอิทธิพลของโรงพยาบาลอันดับสองของพวกเราเป็นอย่างมาก”
“ส่วนแผนกฉุกเฉิน ในฐานะที่เป็นแผนกจัดสรรผู้ป่วยก่อนส่งเข้าโรงพยาบาล พวกเราแต่ละแผนกก็ต้องช่วยกันดูแลผู้ป่วยอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องมอบห้องผ่าตัดให้แผนกฉุกเฉินหรอกครับ เพราะไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดฉุกเฉินเคสไหนก็ทำสำเร็จด้วยตัวคนเดียวไม่ได้ ถ้าให้ห้องผ่าตัดกับแผนกฉุกเฉิน นี่จะไม่…เป็นการสิ้นเปลืองหรือ?”
เมื่อจางโหย่วฝูพูดจบก็ไม่มีเสียงใครคัดค้าน!
หลี่เป่าซานก็ไม่ได้แก้ต่างหรือพูดอะไรมากมาย เขารู้ว่าเถียงไปก็ไม่มีความหมายอะไร เพราะตอนนี้การตัดสินใจต้องมาจากผู้นำระดับสูงของรัฐบาล ซึ่งพิมพ์เอกสารด้วยตัวอักษรดำบนกระดาษขาวประทับตราแดงมาเรียบร้อยแล้ว นี่เป็นการประชุมเพื่อประกาศผล ไม่ใช่การประชุมเพื่อถกเถียง ต่อให้เขาจะแย่งชิงอย่างไรก็ไม่มีความหมาย
เมื่อหันมามองทางถานลี่กั๋ว พบว่าเขาพูดขึ้นอย่างเรียบเฉย “ผมว่านี่เป็นการทดลองที่ไม่เลวเลยนะครับ ในฐานะที่แผนกฉุกเฉินเป็นแผนกสำคัญแผนกหนึ่ง พวกเราควรให้ความช่วยเหลือจริงๆ พวกเราทุกแผนกต้องร่วมมือทำงานกับแผนกฉุกเฉินให้ดี”
จางโหย่วฝูชะงักไปโดยพลัน เงยหน้าขึ้นมองถานลี่กั๋ว เมื่อเห็นท่าทางของอีกฝ่ายก็ไม่พูดอะไรอีก
ความจริงพูดได้ว่าการเปลี่ยนแปลงในคราวนี้มารวดเร็วดั่งพายุสายฟ้า ในเวลาเพียงหนึ่งวันข่าวก็แพร่ไปทั่วแล้ว ไม่ต้องพูดถึงจางโหย่วฝูเลย แม้แต่ถานลี่กั๋วก็ไม่ได้เตรียมตัวให้ดี
จางโหย่วฝูมองไปยังถานลี่กั๋วด้วยท่าทางครุ่นคิด เขารู้ดี ที่พูดว่าให้ร่วมมือทำงานกับแผนกฉุกเฉินหมายความว่าอย่างไร
การร่วมมือนี้คงมีเรื่องราวมากมายเลยทีเดียว
เช้าวันต่อมา ในช่วงเปลี่ยนเวรของแผนกฉุกเฉิน หลี่เป่าซานถือเอกสารจั่วหัวสีแดงของโรงพยาบาลเอาไว้ มองไปยังทุกคนก่อนจะพูดขึ้นว่า “วันนี้ประชุมกันหน่อยนะครับ ทุกคนนั่งก่อน”
ในช่วงเปลี่ยนเวร ทุกคนในแผนกฉุกเฉินชินกับการยืนแล้ว สาเหตุเป็นเพราะเรื่องที่นั่งไม่พอและเรื่องความกระตือรือร้น
หลี่เป่าซานพูดขึ้นว่า “ผลการประชุมวันนี้ แผนกฉุกเฉินของพวกเราจะมีห้องผ่าตัดเป็นของตัวเองแล้วนะครับ ห้องผ่าตัดที่พวกเราได้ก็คือห้องผ่าตัดหมายเลขแปดและหมายเลขเก้า แบบนี้แผนกของพวกเราก็ทำการผ่าตัดได้ด้วยตัวเองแล้ว หัวหน้าพยาบาล คุณต้องใส่ใจเรื่องการจัดการและจัดสรรงานด้านการผ่าตัดให้ดีนะครับ จัดการเรื่องพยาบาลในห้องผ่าตัดด้วย ทำงานนี้ให้ดีๆ…”
มีห้องผ่าตัดเพิ่มขึ้นมาอีกสองห้องเท่ากับต้องจัดการเรื่องการแบ่งงานในแผนกใหม่ทั้งหมด
ทุกคนต่างคาดหวัง งานของตนจะเปลี่ยนแปลงหรือไม่?
ถ้า…ตนได้ห้องผ่าตัดห้องหนึ่งจะดีขนาดไหนกัน!?
หลี่เป่าซานพูดต่อไป “หลังจากวันนี้ไป งานของทุกคนจะมีการโยกย้ายเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย เดี๋ยวผมจะพูดสักหน่อย”
“ต่อไปให้หัวหน้าอันรับผิดชอบฝ่ายศัลยกรรมฉุกเฉิน ดูแลห้องผ่าตัดเบอร์แปด พวกเราต้องรีบสร้างฝ่ายศัลยกรรมขึ้นมาให้เร็วๆ หวังเชียนรับช่วงต่องานเดิมของหัวหน้าอัน เริ่มดูแลผู้ป่วยด้วยตัวเอง ต่อไปนี้เฉินปิ่งเซิงรับผิดชอบดูแลห้องผ่าตัดเบอร์เก้าของพวกเรา ดูแลเรื่องเคสผ่าตัดฉุกเฉินที่พบได้ทั่วไป ส่วนเฉินชางรับช่วงต่องานเดิมของเฉินปิ่งเซิง ดูแลผู้ป่วยด้วยตัวเอง”
เมื่อหลี่เป่าซานประกาศแผนออกมาเช่นนี้ พริบตาเดียวทุกคนก็รู้สึกอิจฉาขึ้นมาทันที
ฝ่ายศัลยกรรมฉุกเฉินมีพนักงานชั่วคราวและพนักงานสัญญาจ้างอยู่เท่าไหร่กันเชียว ก่อนหน้านี้พวกเขาก็ร่วมกันทำงานจิปาถะต่างๆ
คิดไม่ถึงว่าตอนนี้เฉินชางจะได้กลายเป็นแพทย์ดูแลไข้ ได้ดูแลผู้ป่วยด้วยตัวคนเดียวแล้ว ทำให้พวกเขาอิจฉาและรู้สึกปลงอนิจจัง
“สือน่า งานของคุณไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่ต่อไปคุณต้องรับหน้าที่เป็นแนวป้องกันที่สองของผู้ป่วยทั้งหมดที่พักอยู่ในแผนกฉุกเฉิน เป็นหัวหน้าย่อยของเฉินชางและหวังเชียน หวังเชียน เฉินชาง ต่อไปนี้ถ้ามีอะไรก็ไปปรึกษาสือน่านะครับ”
สือน่าได้ยินดังนั้นพลันดวงตาเปล่งประกาย!
เท่ากับว่าสือน่าได้เลื่อนขั้นอย่างไม่ต้องสงสัยเลย นี่มีตำแหน่งเทียบเท่ารองหัวหน้าแผนกเลยทีเดียว
ผลงานและโบนัสของแผนกแบ่งตามค่าสัมประสิทธิ์ ยิ่งมีผู้ป่วยในมือมาก รายรับของคุณก็ยิ่งมาก ตอนนี้เธอรับผิดชอบสมาชิกสามคน จะไม่ตื่นเต้นได้อย่างไร?
ตอนนี้ฉินเยว่นิ่งไปแล้ว!
แล้วฉันล่ะ?
แล้วฉันล่ะ?
หวังเชียนได้พลิกฐานะเป็นเจ้าคนนายคนแล้ว แม้แต่เฉินชางก็ได้ดูแลผู้ป่วยด้วยตัวเอง แล้วเธอล่ะ?
ฉันยังต้องทำงานเบ็ดเตล็ดอยู่อีกหรือ?
หวังหย่งก็เบิกตากว้าง พูดถึงใครหลายคนไปแล้ว แล้วตัวเขาล่ะ?
หลี่เป่าซานพูดต่อไปว่า“เฉินชาง คุณก็รับผิดชอบเรื่องผ่าตัดให้มากหน่อย ส่วนเรื่องดูแลห้องผู้ป่วยก็ให้หวังหย่งไปทำ หวังหย่ง ต่อไปนี้คุณต้องให้ความร่วมมือกับเฉินชาง ดูแลผู้ป่วยให้ดีนะครับ”
“ฉินเยว่ ส่วนคุณก็เอาแบบนี้นะครับ ต่อไปคุณไม่ต้องดูแลห้องผู้ป่วยแล้ว ไปช่วยหัวหน้าอัน เฉินปิ่งเซิงและเฉินชางในด้านการผ่าตัด รับผิดชอบเรื่องสถิติข้อมูลให้ดี งานหลักของคุณก็คือทำความคุ้นเคยกับสถิติด้านการผ่าตัด ศึกษาข้อมูลของแผนก”
เมื่อพูดออกมาเช่นนี้ ฉินเยว่และหวังหย่งพลันมองหน้ากัน!
นี่พวกเราสองคนกลายเป็นผู้ช่วยของเฉินชางไปแล้วหรือ?