เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 88 ระบบศิษย์อาจารย์กำลังจะเปิดใช้งานแล้ว
สองวันต่อมา ผู้หญิงที่หมดสติไปเพราะระดับน้ำตาลในเลือดสูงเฉียบพลันฟื้นแล้ว การฟื้นฟูสภาพร่างกายอยู่ในระดับดี การรักษาขั้นต่อไปต้องรักษาที่ระบบต่อมไร้ท่อ
หญิงคนนี้ชื่อเฉิงฟาง ในตัวมีเงินอยู่ไม่กี่ร้อยหยวน เป็นคนนอกพื้นที่ อยู่ที่เมืองอันหยางมาสามปีแล้ว
ตั้งแต่เธอเข้าพักในโรงพยาบาล ผู้ชายคนนั้นก็ไม่เคยโผล่หน้ามาอีก เฉิงฟางก็ไม่ได้พูดอะไร ตั้งแต่ต้นจนจบไม่ได้พูดอะไรเลย และไม่ได้พูดเรื่องการชำระเงินด้วย
จนกระทั่งถึงตอนที่เธอต้องย้ายไปรักษาตัวที่แผนกอื่น เธอก็แอบหนีออกไปจากโรงพยาบาล
ด้วยเหตุนี้เฉินชางจึงถูกตำหนิ
ในขณะที่ทุกคนคิดว่าเรื่องนี้สิ้นสุดลงแล้ว เย็นวันศุกร์หลังเลิกงาน เฉิงฟางก็มาหาเฉินชาง คุกเข่าโขกศีรษะให้เฉินชางต่อหน้าทุกคนในห้องทำงานก่อนจะลุกแล้ววิ่งออกไป
ตอนนั้นคนในห้องต่างมองจนตาค้าง!
ตอนที่คิดจะตามไป เฉินชางจึงค่อยพบว่าเฉิงฟางวิ่งไปไกลแล้ว
หัวหน้าพยาบาลโทรมาบอกเฉินชางว่าค่ารักษาพยาบาลของเฉิงฟางถูกชำระเรียบร้อยแล้ว
ช่วงสองวันมานี้ ขณะทำงาน หวังหย่งได้แต่รู้สึกผิดในใจ พอเลิกงานตอนเย็น เฉินชางกำลังจะกลับบ้าน หวังหย่งจึงเข้ามาเรียกเฉินชางไว้
“คืนนี้มีธุระหรือเปล่าครับ?” หวังหย่งพูดพลางเกาศีรษะ แววตาดูไม่เป็นธรรมชาตินัก
เฉินชางยิ้ม “ไม่มีธุระอะไรครับ ทำไมหรือ?”
หวังหย่งพูดขึ้นว่า “คือ…คืนนี้ไปกินข้าวด้วยกันเป็นไงครับ?”
เฉินชางพยักหน้ายิ้มๆ “ได้ครับ”
ทั้งสองไม่ได้ไปสถานที่หรูหราอะไร พวกเขาไปแถวๆ เขตต้าหม่า หาร้านปิ้งย่างนั่งกิน อยากกินเบียร์สักลังและปิ้งย่างสักหน่อย
หวังหย่งรินเบียร์ให้เฉินชางเต็มแก้ว พูดขึ้นว่า “มา เฉินชาง พวกเราดื่มกันสักแก้ว”
เมื่อเบียร์ลงท้องไปแก้วหนึ่ง กัดกุ้งไปอีกคำหนึ่ง เฉินชางพลันรู้สึกสบายไปทั้งตัว!
เฉินชางเผ็ดจนต้องดื่มลงไปอีกหนึ่งอึก
ผู้ชายสองคนดื่มเบียร์กัน ถ้าไม่คุยกันให้มากก็ต้องดื่มให้มาก
เห็นได้ชัดว่าหวังหย่งมีเรื่องในใจ ดื่มไปไม่กี่แก้วก็เริ่มพูดมากขึ้นเรื่อยๆ
“ชางเอ๋อร์ คุณว่าผมจะทำยังไงดี?” หวังหย่งมองเฉินชางพลางเอ่ยถาม
เฉินชางพยักหน้าพลางชูแก้วให้ “แสงแดดสาดส่อง สั่งสมสร้างแรงบันดาลใจ เห็นเสี่ยวหลินบอกว่าคุณเกิดเป็นวีรบุรุษในสมัยโบราณ อิจฉาจนกลายเป็นแค้น จึงชอบกระทำการกล้าหาญและยุติธรรม”
หวังหย่งได้ยินก็หัวเราะ พูดเย้ยหยันตัวเอง “หึ! ผมน่ะหรือวีรบุรุษ ยังห่างชั้นอีกไกล ขอพูดตามตรงเลยนะ ชางเอ๋อร์ ผมมีคำพูดจากใจอยากจะบอกคุณน่ะ บางครั้งผมก็อิจฉาคุณจริงๆ! อิจฉาจนถึงขั้นริษยา!”
“พวกเราสองคนเข้ามาทำงานที่โรงพยาบาลด้วยกันใช่หรือเปล่า? พอเข้ามาแล้ว ผมก็คิดว่าผมสร้างผลงานได้ดีมาก คอยติดตามหัวหน้าแผนกไปผ่าตัดตลอด แล้วปกติผมก็เข้าร่วมกิจกรรมของแผนกอยู่บ่อยๆ ความจริง ผมว่านะ อย่างผมนี่เรียกว่ากระตือรือร้นเลยนะครับ”
“พูดให้ชัดก็คือ ระหว่างเพื่อนร่วมงานยังไงก็ต้องเปรียบเทียบกันไม่ใช่หรือ? ผมก็ชอบเปรียบเทียบกับคุณ ตอนนี้ถึงได้รู้ว่าคุณเก่งจริงๆ! แต่ปกติไม่ยอมเผยความเก่งออกมาเท่านั้น! พวกเราเป็นคนกลุ่มเดียวกัน ชางเอ๋อร์ คุณมั่นคงและถ่อมเนื้อถ่อมตัวที่สุด ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องโรงงานเคมีระเบิดครั้งที่แล้ว ผมคงไม่รู้ว่าคุณอยู่ในระดับไหน จริงๆ นะครับ!”
“ตอนนั้นผมถึงได้รู้ว่าผมห่างชั้นจากคุณขนาดนี้โดยไม่ทันรู้ตัว”
เฉินชางทอดถอนใจ “นิสัยของเราสองคนไม่เหมือนกัน ผมไม่ถนัดเรื่องการสื่อสารกับคนอื่น ปกติอยู่ว่างๆ ก็ชอบอ่านหนังสือ คุณก็ไม่เหมือนกัน หวังหย่ง คุณลองดูสิว่าโรงพยาบาลของเรามีใครบ้างไม่รู้จักคุณ?”
“ดังนั้นคุณอย่าคิดมากไปเลยครับ ครั้งนี้ก็สู้ฝ่าฟันสักหน่อย ปล่อยให้การทดสอบคราวนี้เป็นอดีตไปซะ ตอนนี้การงานกับรายได้ก็พอๆ กัน อัตราจ้างกับบุคลากรบรรจุก็แตกต่างกันไม่มากหรอก”
คำปลอบใจของเฉินชางมีประโยชน์จริงๆ หวังหย่งถอนใจออกมา “เฮ้อ…ผมเองก็อยากเป็นเหมือนคุณ มีความสามารถโดดเด่น ไปทำงานที่โรงพยาบาลใหญ่ๆ! ให้พ่อแม่ได้รับรู้และภาคภูมิใจ”
“ผมเรียนสู้คุณไม่ได้ สอบเข้าปริญญาโทก็ไม่ผ่าน เข้ามาที่โรงพยาบาล ทำงานเป็นพนักงานชั่วคราวได้ก็ดีแล้ว จะให้เป็นหัวหน้าอะไรนั่นยังไม่กล้าคิดเลย สิ่งที่ผมคิดก็คือ ศึกษาเพิ่มความสามารถสักหน่อย ภายภาคหน้าจะได้ไม่ตกงาน”
“ตอนแรกที่ผมได้ยินหัวหน้าแผนกบอกให้ผมทำงานกับคุณ ในใจผมก็โกรธมากจนคิดจะลาออกเลย จริงๆ นะครับ!”
“ผมคิดว่าคุณเก่งกว่าผมก็จริง แต่จะเก่งกว่าผมสักเท่าไหร่กันเชียว? ผมติดตามคุณแล้วจะได้เรียนรู้อะไรมากเท่าไหร่กันเชียว? ผมหวังหย่ง คิดอย่างไรก็พูดอย่างนั้น คุณก็อย่าหัวเราะผมล่ะ นี่เป็นคำพูดจากใจของผม”
“แต่ระยะนี้ผมถึงค่อยรู้ตัวว่าผมมันสายตาคับแคบ ประเมินตัวเองสูงเกินไป ผมยังห่างจากคุณมาก ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่นเลย แค่เรื่องเฉิงฟางนั่นน่ะ ถ้าเธอเกิดเป็นอะไรไปในโรงพยาบาลของพวกเราจริงๆ ผมคงคิดในแง่ดีไม่ได้ ไม่ถูกไล่ออกก็บุญแล้ว!”
“ดังนั้นวันนี้ผมเรียกคุณมาเพราะอยากขอโทษคุณ คุณอย่าทิ้งผมนะครับ ผมพูดจริงนะ ต่อไปนี้ผมจะเชื่อฟังคุณจริงๆ แล้ว ชางเอ๋อร์ ต่อไปนี้ผมก็คือแพทย์ใต้บังคับบัญชาของคุณ ผมจะเชื่อฟังคุณ มาๆๆ พวกเราชนแก้วกันสักหน่อย!”
เบียร์หมดไปแล้วเก้าขวด เฉินชางดื่มไปสี่ขวด หวังหย่งดื่มไปห้าขวด ดื่มกันไปมากเลยทีเดียว
และคุยกันมากด้วย!
คำพูดจากใจก็มากเช่นกัน
เมื่อดื่มเบียร์ลงไป บางคนก็ชอบพูดโอ้อวด บางคนก็ชอบร้องไห้ บางคนก็ชอบพูดความจริงจากใจ บางคนก็ชอบเงียบไม่ยอมพูดอะไร…
ส่วนเฉินชางชอบไปฉี่
เมื่อกลับมา หวังหย่งก็จ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว
เฉินชางเห็นว่าเหนือศีรษะหวังหย่งมีเครื่องหมายคำถามปรากฏอยู่
มีภารกิจหรือ?
[ติ๊ง! ภารกิจช่วยเหลือหวังหย่ง: ช่วยหวังหย่งชิงตำแหน่งพนักงานสัญญาจ้างมาให้ได้
หลังจากสำเร็จภารกิจจะได้รับรางวัล: 1. สุ่มรับการฝึกทักษะ 1 ครั้ง 2. ระดับ +1 ระดับ 3. เปิดระบบศิษย์อาจารย์]
เฉินชางตกตะลึงไปแล้ว!
ได้รางวัลมากขนาดนี้เชียวหรือ?
ความจริงหวังหย่งเป็นคนไม่เลวเลย แม้จะใจแคบไปบ้าง แต่ใครไม่ใจแคบบ้างล่ะ? ใครไม่คิดถึงอนาคตตัวเองบ้างล่ะ?
อย่างน้อยคนคนนี้ก็มีนิสัยจริงใจ คิดอย่างไรพูดอย่างนั้น จิตใจมั่นคงหนักแน่น ถือว่ามีข้อดี
เฉินชางกดรับภารกิจ
พรุ่งนี้เป็นวันเสาร์ เฉินชางต้องเข้าเวร ไปคลินิกศัลยกรรมไม่ได้ เขาจึงโทรไปลางานกับจางจื้อซิน
จางจื้อซินบอกเฉินชางว่า “พรุ่งนี้ผลการศัลยกรรมของพี่เสี้ยวจะออกมาแล้วนะครับ”
เฉินชางได้ยินดังนั้นก็ดวงตาเปล่งประกาย!
ใช่แล้ว!
พรุ่งนี้ก็เกือบอาทิตย์หนึ่งแล้ว การฟื้นตัวคงเร็วกว่าปกติ อาการบวมก็คงลดน้อยลง ส่วนจะฟื้นตัวได้ถึงขั้นไหนก็ยังไม่แน่
เมื่อเฉินชางฟังจบก็หัวเราะออกมา “พรุ่งนี้ถ่ายรูปให้ผมดูหน่อยนะครับ”
จางจื้อซินพยักหน้า “ไม่มีปัญหา”
พูดจบ จางจื้อซินก็พูดขึ้นมากะทันหัน “เสี่ยวเฉิน ผมมีเรื่องจะพูดกับคุณหน่อยน่ะครับ”
“ก่อนหน้านี้สองวัน หัวหน้าแผนกของพวกเรามาคุยกับหมอในแผนก เป็นเรื่องเกี่ยวกับแผนกฉุกเฉิน คราวนี้หัวหน้าแผนกจางไม่พอใจกับวิธีการของแผนกฉุกเฉินมาก และได้มอบหมายภารกิจให้พวกเราด้วย”
“ต่อไปนี้ เคสอาการป่วยทางด้านศัลยกรรมภายนอกที่แผนกฉุกเฉินรับเข้ามา ขอแค่เป็นเคสที่พวกคุณทำไม่ไหวและต้องเชิญพวกเราไปหารือ หรือไปผ่าตัด ก็จะถือว่าเป็นเคสของแผนกพวกเราทั้งหมด จะต้องมอบให้แผนกพวกเราไปจัดการ ไม่งั้นจะไม่ยอม”
เฉินชางได้ยินดังนั้นก็คิดว่าจางโหย่วฝูเป็นคนถ่อยจริงๆ
พูดได้ก็ทำได้!
คิดกลยุทธ์แบบนี้ออกมาได้ ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ!
เฉินชางพยักหน้า “ขอบคุณมากครับอาจารย์จาง วันหน้าถ้ามีเวลาผมจะไปนะครับ”
จางจื้อซินยิ้ม “พวกเราสองคนเป็นอะไรกันแล้ว ไม่จำเป็นต้องพูดขอบคุณหรอกครับ! วันหลังคุณมาด้วยนะครับ”
เมื่อวางโทรศัพท์ไปแล้ว จางจื้อซินก็หัวเราะออกมา เรื่องทิ้งอย่าไปพูดถึงเลย ความสามารถของเฉินชางเพียงพอที่จะทำให้จางจื้อซินหวั่นไหวเลยด้วยซ้ำ
ถึงอย่างไรเฉินชางก็เป็นนักออกแบบชั้นยอด ต้องทำเรื่องยิ่งใหญ่ที่ดีต่อการพัฒนาคลินิกของพวกเขาได้แน่
รอให้ผลการผ่าตัดของเสี้ยวเถียนฮวาออกมาก่อน เขาจะไปคุยกับเถ้าแก่ทั้งหลาย หารือเรื่องผลประโยชน์ในสัญญาของเฉินชางสักหน่อย หรือจะแบ่งหุ้นให้ก็ยังได้!
ถ้าลากเฉินชางมาลงเรือลำเดียวกันได้ นั่นย่อมเป็นเรื่องที่ดีที่สุด