เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 986 วิกลจริตหรือ ไม่! ความรักต่างหาก!
วันถัดมา เฉินชางเพิ่งถึงโรงพยาบาล ตอนนี้ยังไม่ถึงแปดโมง ด้วยซ้ำ
ช่วงเช้าแผนกฉุกเฉินคนเยอะมาก เฉินชางเองก็รีบเตรียมตัวไป ช่วย
ทว่าตอนนี้เอง จู่ๆ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
“มีคนแก่ลื่นตกบันไดในหน่วยที่สามของหอพักโรงงานใบเลื่อย ในเขตไห่เตี้ยน ตอนนี้หมดสติไปแล้ว รีบส่งรถพยาบาลไปช่วยหน่อย ครับ”
ได้ยินแบบนี้ เฉินชางรีบพาพยาบาลเฉิงอี๋ออกเดินทาง
ตกบันไดเป็นเรื่องที่อันตรายมากสำ หรับคนแก่
มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นทุกปี
ตอนนี้คนไข้หมดสติไปแล้ว แต่มือยังติดอยู่ที่ราวบันได เฉินชา งอดกลั้นหายใจไม่ได้
หอพักโรงงานใบเลื่อยเป็นวิทยาเขตเก่า ล้วนเป็นตึกขนาดหก
ชั้น บ้านในพื้นที่นี้ก็กำ ลังจะถูกรื้อถอนแล้ว ราวบันไดขึ้นสนิมเล็กน้อย เฉินชางกับเสี่ยวเฉิงเข้าประตูไปก็
เห็นสถานการณ์ของคนแก่ทันที ในที่สุดก็ได้รู้ว่ามือถูกราวบันไดแทงจนทะลุได้อย่างไร เพราะหลังจากราวบันไดเสื่อมโทรมแล้วไม่มีคนซ่อม ทำ ให้
เหล็กบางตำ แหน่งของราวบันไดหักออกมา หลังจากคนแก่ตกบันไดมา ตอนที่กำ ลังตื่นตระหนกทำ อะไรไม่
ถูกก็ใช้มือตะเกียกตะกาย แต่กลับถูกเหล็กแทงเข้าระหว่างนิ้วทั้งสอง เลือดสดสาดกระเซ็น ตอนนี้มือทั้งช้ำ ทั้งบวม เลือดสดย้อมหลัง
มือจนแดง และหญิงชราหมดสติไปแล้ว ทว่าเฉินชางเห็นฉากนี้แล้วลำ บากใจเล็กน้อย เพราะเหล็กแทงเข้าหลังมือแล้ว จำ เป็นต้องเลื่อยออกมา
ผู้อยู่อาศัยในเขตวิทยาลัยเก่าแห่งนี้โดยพื้นฐานแล้วล้วนเป็น คนแก่ คนหนุ่มสาวอาศัยอยู่ไม่เยอะ และต่างไปทำ งานกันแล้ว
ตอนนี้ประมาณเจ็ดแปดโมง ลุงคนหนึ่งถือเลื่อยเดินเข้ามา
“มา ผมเลื่อยให้ จะได้ไปโรงพยาบาลได้” เฉินชางได้ยินแล้วพยักหน้า ให้พวกลุงป้าน้าอาที่ล้อมกันอยู่
สลายตัว ไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่มาก ไม่จำ เป็นต้องขอความช่วยเหลือ
จากหน่วยกู้ภัย และคุณลุงก็ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า คุณลุงก็คือคุณลุง ภายใต้
ความช่วยเหลือของเลื่อย แท่งเหล็กถูกเลื่อยออกมา เฉิงอี๋รีบขนเปลมาในทันใด ทว่าสิ่งที่เฉินชางเป็นห่วงที่สุดตอนนี้ไม่ใช่บาดแผลภายนอกที่
แขน แต่กำ ลังคิดว่ากระดูกในส่วนต่างๆ ของร่างกายจะหักหรือไม่ การเคลื่อนย้ายในเวลานี้จะต้องระมัดระวังอย่างมาก ภายใต้การชี้แนะของเฉินชาง คุณลุงหลายคนเคลื่อนย้ายหญิง
ชราขึ้นเปลอย่างระมัดระวัง ประคองศีรษะไว้ ไม่ให้บาดเจ็บซ้ำ สอง เฉินชางมองคนรอบข้างแล้วถามขึ้น “คนไข้มีญาติไหมครับ”
ตอนนี้เอง คุณลุงคนหนึ่งก็พูดขึ้น “สามีเสียชีวิตไปแล้ว มี
ลูกชายคนหนึ่งมาเยี่ยมอยู่บ่อยๆ ในโทรศัพท์ของเธอมีเบอร์โทรครับ
คุณลองโทรดู” เฉินชางล้วงโทรศัพท์รุ่นเก่าออกจากกระเป๋าหญิงชรา แล้ว
ปลดล็อกผ่านปุ่มโทรออกและปุ่มสี่เหลี่ยมโดยไม่ต้องใช้รหัสด้วยซ้ำ จากนั้นรีบโทรหาผู้ติดต่อล่าสุด เพิ่งจะโทรติด เสียงอันคุ้นหูก็ดังขึ้น “ฮัลโหล แม่ มีอะไรหรือเปล่าครับ” เสียงดังและดูใจเย็นมาก เฉินชางรีบพูดว่า “สวัสดีครับ ผมเฉินชางจากศูนย์ฉุกเฉินเมือง
หลวงครับ เมื่อเช้าแม่คุณตกบันได ตอนนี้หมดสติไปแล้ว และมือก็
ถูกวัตถุโลหะแทงทะลุ ตอนนี้เราเตรียมจะพาคนไข้ไปที่โรง
พยาบาล…จำ เป็นต้องขอความร่วมมือจากคุณครับ!” ชายหนุ่มได้ยินแบบนี้ก็อึ้งงันไปทันที “ได้ครับๆ คุณหมอ ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้เลยครับ ต้องช่วยแม่ผม
ให้ได้นะครับ เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา ช่วยแม่ผมด้วยนะครับ!”
เฉินชางยื่นโทรศัพท์มือถือให้เฉิงอี๋ ให้เธอเล่ารายละเอียด ก่อน จะบอกให้รถพยาบาลเตรียมออกตัว
หลังจากเชื่อมจอภาพคลื่นไฟฟ้าหัวใจ เฉินชางก็โล่งอกไปที
สัญญาณชีพปกติ
หญิงชราอาจจะตกใจจนหมดสติไป คิดได้แบบนี้ เฉินชางพลัน พูดว่า “ให้ออกซิเจนความเข้มข้นต่ำ ”
จากนั้นเฉินชางเริ่มตรวจอาการของคนไข้อย่างระมัดระวัง ดู เหมือนจะไม่มีบาดแผลที่ชัดเจนนัก
ตอนนี้ต้องรอให้หญิงชราฟื้นขึ้นมาก่อนค่อยว่ากัน
ถ้าเพียงแค่ตกใจจนหมดสติและหลังมือโดนแทงทะลุ ก็ไม่ได้ เป็นปัญหาที่ใหญ่มากนัก
หลังจากรถมาจอดหน้าประตูแผนกฉุกเฉิน เจ้าหน้าที่ก็รีบเข็น เตียงคนไข้ลงบนพื้นเรียบ กลัวว่าสันหลังของคนไข้จะได้รับบาดเจ็บ
และตอนนี้เอง จู่ๆ คุณป้าก็ลุกขึ้นนั่ง มองรอบๆ อย่างตื่น ตระหนก “ที่นี่โรงพยาบาลเหรอ ฉันมาอยู่ที่โรงพยาบาลได้อย่างไร ใครพาฉันมา”
คุณป้ามีสติดีมาก
เฉินชางจึงอธิบายว่า “เมื่อเช้าคุณตกบันไดครับ มือโดนราว เหล็กแทง เป็นแผลตรงนี้ครับ เพื่อนบ้านเลยโทรหา 120”
คุณป้ามองมือแวบหนึ่ง พลันสูดหายใจเข้าด้วยความ ตกใจ…เห็นได้ชัดว่าเพิ่งจะตระหนักได้ว่าตนเจ็บมือมาก!
เฉินชางถามต่อว่า “คุณป้าครับ รู้สึกเจ็บตรงไหนอีกหรือเปล่า ครับ”
คุณป้าคนนี้ถือว่าเก่งมาก ตอบว่า “ตอนนี้ฉันรู้สึกเจ็บมืออย่าง เดียวค่ะ อย่างอื่นไม่ได้รู้สึกอะไร พวกคุณให้ฉันลงไปเดินหน่อยได้ ไหมคะ จะได้ดูว่าเป็นอะไรหรือเปล่า”
พูดจบเจ้าหน้าที่ก็หยุดเข็นเตียง ให้คุณป้าลงมาเดิน ซึ่งก็ไม่ได้ มีอาการผิดปกติอะไร
คุณป้าคลี่ยิ้ม “ไม่ได้เป็นอะไรค่ะ แค่เป็นแผลที่มือ”
เฉินชางพยักหน้า “ครับ เราไปถ่ายเอกซเรย์สักหน่อย ดูว่า อาการเป็นอย่างไร จริงสิ เราติดต่อลูกชายคุณแล้วนะครับ เขากำ ลัง มา ไม่ต้องกังวลนะครับ”
คุณป้าได้ยินคำ พูดของเฉินชาง สีหน้าพลันเปลี่ยนไปทันที รีบ พูดว่า “ไม่ได้นะคะ คุณหมอ ฉันแค่เป็นแผล เย็บสักหน่อยก็หายแล้ว ไม่ต้องตามลูกชายฉันมาค่ะ ตอนนี้เขาเรียนมัธยมศึกษาปีที่หกอยู่ กดดันมาก กำ ลังจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย อย่ารบกวนเขานะคะ!”
เฉินชางอึ้งงันไป!
คนแก่คนนี้…อายุหกสิบกว่าปีแล้วมั้ง
ลูกชายเพิ่งเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายหรือ
ไม่ค่อยตรงตามหลักความเป็นจริงเท่าไร!
เฉินชางมองคุณป้า จู่ๆ ก็อึ้งงันไป “คุณป้าครับ คุณป้าอายุ เท่าไรแล้วครับ”
คุณป้าชะงักไป “เอ่อ…ฉันเองก็จำ ไม่ค่อยได้แล้ว หมอคะ ฉัน ไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ ค่ะ อย่าตามลูกชายฉันมาเลยนะคะ”
หลังจากถ่ายเอกซเรย์ก็พบว่า คุณป้ากระดูกหัก เส้นเอ็นบาด เจ็บ
แต่มีแท่งเหล็กคาอยู่ จึงทำ เอ็มอาร์ไอไม่ได้
จำ เป็นต้องรีบผ่าตัดเพื่อดึงเหล็กออกมา จากนั้นรักษาแผลให้ หาย
หลังจากเฉินชางกลับห้องฉุกเฉิน ไม่นานก็มีชายคนหนึ่งวิ่งเข้า มา
“คุณหมอ คุณพยาบาลครับ แม่ผมชื่อจางเหลียนฮวา ผมเป็น ลูกชายที่คุณหมอโทรหาเมื่อครู่นี้ ตอนนี้แม่ผมเป็นอย่างไรบ้างครับ” ชายหนุ่มหายใจหอบมองพยาบาลพร้อมพูดเสียงดัง
เฉินชางพาคุณป้ากลับมาพอดี หลังจากเห็นชายหนุ่มก็รีบพูด ว่า “อยู่ตรงนี้ครับ”
ชายหนุ่มหมุนตัว หลังจากเห็นหญิงชราก็รีบวิ่งมา มองมือเธอ พร้อมยกมือทั้งคู่ขึ้นมาอย่างสั่นๆ หมายจะจับ ปวดใจจนน้ำ ตาเกือบ ไหลออกมา
“แม่…”
เฉินชางมองชายหนุ่มที่สวมชุดทำ งาน ท่าทางดูเป็นผู้ใหญ่ แต่…ใบหน้าของเขาดูคุ้นจังเลย
นี่มัน…ชายชุดนักเรียนที่เจอบนรถไฟฟ้าใต้ดินไม่ใช่เหรอ
คุณป้าเห็นชายหนุ่มเรียกตนว่าแม่ก็อดพูดไม่ได้ “คุณเป็นใคร คะ ฉันไม่ใช่แม่คุณนะคะ คุณจำ ผิดคนแล้วค่ะ!”
เฉินชางเองก็อึ้งงันไป!
ตอนนี้เอง ชายหนุ่มพลันรู้สึกตัว หันไปสะพายกระเป๋าเดินเข้า ห้องน้ำ ไป ไม่นานก็สวมชุดนักเรียนวิ่งออกมา
เพียงแต่หน้าท้องใหญ่จนนูนออกมา…
“แม่ครับ แม่เป็นอย่างไรบ้างครับ” ชายหนุ่มถามอย่างปวดใจ
คุณป้ามองชายหนุ่ม พลันพูดอย่างละอายใจ “ลูกมาทำ ไม มอ หกเรียนหนัก ลูกอย่าหนีเรียนนะ แม่ไม่ได้เป็นอะไร ลูกรีบไปเรียน เถอะ!”
คำ พูดนี้ทำ ให้ทุกคนตกใจ
ชายหนุ่มส่งสายตาให้เฉินชาง เฉินชางไปส่งคุณป้าที่ห้องแล้ว รีบให้คนมาเจาะเลือดไปตรวจ
และตอนนี้เอง ชายหนุ่มก็หยิบบัตรประจำ ตัวประชาชนและ ทะเบียนบ้านออกมาด้วรอยยิ้มขื่น “แม่ผมเป็นอัลไซเมอร์ครับ จำ ได้ แค่ผมตอนม.ปลาย ภายหลังผมพบว่า ถ้าผมใส่ชุดนักเรียน แม่จะจำ
ผมได้ ถ้าไม่ใส่จะจำ ไม่ได้…ของพวกนี้ ผมพกติดตัวตลอด กลัวว่า แม่ผมเป็นอะไรขึ้นมาแล้วคนอื่นจะเข้าใจผิด!”
เฉินชางได้ยินแบบนี้ก็เงียบไปทันที
นึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่เจอบนรถไฟฟ้าเมื่อวาน จู่ๆ เฉินชางก็ เข้าใจกระจ่างแจ้งแล้ว ที่แท้ก็เป็นแบบนี้…
เป็นลูกชายที่กตัญญูมาก!
ทำ ในสิ่งที่เขาคิดว่าลูกคนหนึ่งควรทำ โดยที่ไม่สนว่าคนอื่นจะ มองอย่างไร
ดูเหมือนเป็นเรื่องง่าย แต่กลับต้องแบกรับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ และแรงกดดัน
แต่ชายหนุ่มกลับยอมรับอย่างเงียบๆ
นี่คือความรักที่ลูกมีต่อแม่สินะ