เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 990 หมอเฉิน คุณอยากได้ลูกศิษย์เพิ่มไหม
จะหาว่าหวงเฮ่าไม่มีคุณธรรมก็ไม่ได้!
พูดได้แค่ว่าเจ้าหมอนี่ไม่รู้กาลเทศะ!
ถึงอย่างไรสำ หรับวงการแผนกศัลยกรรมมือในปัจจุบัน วิธีของ
เฉินก็ถือว่าเทียบเท่ากับวิธีของทังแล้ว
แม้เป็นแค่การเผยแพร่ในวงแคบ แต่แน่นอนว่าหวงเฮ่าพอ
จะรู้เรื่องวงใน
ถึงขั้นที่ศาสตราจารย์ทังจินปอเองก็เข้าร่วมทีมฟื้นฟูกล้ามเนื้อ
นี้ นอกจากศาสตราจารย์ทัง ยังมีหวังอวี้ซาน ว่าที่ผู้อำนวยการแห่ง
มัวตู และฉางหงเหล่ย กู้หงเหมยแห่งโรงพยาบาลจีสุ่ยถาน
โดยพื้นฐานแล้วทั้งสี่คนถือว่าเป็นบุคคลชั้นยอดของแผนก
ศัลยกรรมด้านมือในประเทศแล้ว
แต่ตอนนี้ ทั้งสี่ร่วมกันยื่นขอเงินทุนเฉพาะด้านของประเทศเพื่อ
สร้างศูนย์ฟื้นฟูเส้นเอ็น
ที่สำ คัญที่สุดคือ ผู้รับผิดชอบของโครงการนี้คือเฉินชาง!นี่เป็นข่าวที่น่าตกใจมาก!
แม้หวงเฮ่ารู้ว่าตนไม่ได้มีพรสวรรค์อะไร แต่ถ้า…ถ้าเรียนจน
ทำเป็นล่ะ
ถือเป็นเรื่องที่ดีไม่ใช่หรือ
หวงเฮ่าจึงอดพูดไม่ได้ “หมอเฉิน ถ้าคุณไม่ถือสา…รับลูกศิษย์
ไว้อีกสักคนนะครับ”
เฉินชางอึ้งงันไป พลันเผยรอยยิ้ม “หัวหน้าหวงเกรงใจกัน
เกินไปแล้ว เรียกว่าแลกเปลี่ยนความรู้กันดีกว่าครับ ต่อไปถ้ามีเคส
ผ่าตัดอีก เรียกผมได้เลยนะครับ ถ้าผมว่าง จะมาแน่นอนครับ”
ได้ยินเฉินชางพูดแบบนี้ หวงเฮ่าอดผิดหวังไม่ได้
แต่คำพูดของเสี่ยวจูที่อยู่ข้างๆ กลับแตกต่าง “อาจารย์เฉิน
ครับ…ถ้าไม่ถือสา ให้ลูกศิษย์ของอาจารย์รับลูกศิษย์เพิ่มอีกสักคน
ได้ไหมครับ”
คำพูดนี้ ทำให้หวงเฮ่าหนังหัวชาวาบ
เหี้ยมโหดเกินไปแล้ว!
ทว่า การที่อายุน้อยก็เป็นต้นทุนอย่างหนึ่งนี่ทำให้เฉินชางมึนงงเล็กน้อย!
หมายความว่าอย่างไร
เสี่ยวจูพลันพูดว่า “ผมอยากเรียนวิธีของเฉินครับ เดี๋ยวผมไป
เมืองอันหยางเอง อยากให้อาจารย์เฉินเขียนหนังสือแนะนำให้หน่อย
ครับ!”
เฉินชางได้ยินแล้วเข้าใจทันที อืม…แบบนี้เหมือนจะเป็นไปได้
ทว่าเฉินชางมองหวงเฮ่าแวบหนึ่ง แล้วหันกลับมามองเสี่ยวจู
ในสายตาไม่ได้มีประสงค์จะยุแหย่ให้แตกแยกกันอย่างแน่นอน
และได้สื่อออกมาอย่างชัดเจนแล้วว่า: ปัญหาระหว่างพวกคุณ
พวกคุณจัดการเอง
ส่วนหวงเฮ่าที่อยู่ข้างๆ ก็มองเสี่ยวจูด้วยสีหน้าถมึงทึง
เฉินชางกระแอมทีหนึ่ง “ผมไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ”
หวงเฮ่ามองจูเทาด้วยสีหน้ามืดมนโดยไม่ได้พูดอะไร
ส่วนจูเทาพูดเสียงเบา “อาจารย์ต้องเปลี่ยนความคิดนะครับ
เดี๋ยวผมไปเรียนแล้วกลับมาสอนอาจารย์ อาจารย์จะได้ไม่ต้อง
ถวายตัวเป็นศิษย์ ใช่ไหมล่ะครับ ไม่อย่างนั้นถ้าอาจารย์เฉินถวายตัวเป็นศิษย์ของหัวหน้าอวี๋ ต่อไปเวลาอาจารย์เจอหัวหน้าอวี๋จะเรียก
เขาว่าอะไร อึดอัดมากนะครับ ผมมาอยู่ที่ศูนย์ฉุกเฉินก็ไม่ได้
ตำแหน่งอะไร ตั้งปีหน้ากว่าผมจะเรียนจบ ออกไปเรียนรู้ตั้งแต่
ตอนนี้ เดี๋ยวกลับมาผมจะเขียนวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับวิธีของเฉิน
อาจารย์ก็ได้หน้าด้วย!”
ต้องยอมรับว่า ลูกศิษย์ของบุคคลระดับผู้อำนวยการจะเหมือน
คนทั่วไปได้อย่างไร ทั้งการพูดจาและการกระทำ หลักการและ
เหตุผลชัดเจนมาก!
หวงเฮ่าฟังแล้วยังหวั่นไหวเล็กน้อย เขาใคร่ครวญครู่หนึ่งก่อน
จะพูดว่า “ตั้งใจเรียนนะครับ!”
เฉินชางที่อยู่ในห้องน้ำ ปัสสาวะไปสามนาทีแล้ว รอไม่ไหว
อีกต่อไปแล้ว พึมพำในใจว่า สองคนนั้นจะคุยกันจบหรือยังนะ
เขาทำได้เพียงออกไปดูอย่างจนปัญญาก่อน
พอออกมาเห็นว่าทั้งสองคุยกันอย่างยิ้มแย้มแจ่มใสก็โล่งอกไป
ที โชคดีที่ไม่ได้มีเรื่องกัน และไม่ได้กลายเป็นศัตรูกัน!ในห้องผ่าตัดถูกจัดการทำความสะอาดเสร็จแล้ว อุปกรณ์ที่ยึด
อยู่บนมือของจางเหลียนฮวาก็ถูกเอาออกแล้ว
หลังจากนี้จะต้องใส่เฝือกเพื่อหลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหว
ขั้น
ตอนเหล่านี้ให้เสี่ยวจูเป็นคนทำ
หวงเฮ่าที่อยู่ข้างๆ ถอนหายใจ “เฮ้อ หมอเฉินครับ ความจริง
จูเทาไหวพริบดีมาก ผมแก่แล้ว แต่คนหนุ่มสาวยังพอสอนได้ ผม
แนะนำคุณได้นะครับ หลังจากไปอยู่ที่ศูนย์ฟื้นฟูเส้นเอ็น คงต้องการ
กำลังคนอย่างแน่นอน และเสี่ยวจูเองก็พร้อมทุกด้าน ถือว่าไปเป็น
คนของคุณ”
เฉินชางพยักหน้า “ครับ เดี๋ยวผมกลับไปเขียนหนังสือแนะนำ
ให้เขาไปติดต่อหัวหน้าอันโดยตรง หัวหน้าอันเป็นคนแรกที่เรียนวิธี
ของเฉินกับผม ถือว่าเป็นหมอที่มีความสามารถมากครับ”
หวงเฮ่าได้ยินแล้วรีบพยักหน้า “ได้ครับๆ! งั้นรบกวนหมอเฉิน
ด้วยนะครับ”
หลังจากผ่าตัดเสร็จ เฉินชางก็พาจางเหลียนฮวาออกมาหลัวหมิงรออยู่หน้าห้องผ่าตัดอย่างร้อนรน พอเห็นพวกเฉิน
ชางออกมาก็รีบลุกขึ้น “หมอเฉิน…แม่ผม…”
เฉินชางยังไม่ทันได้พูดอะไร จางเหลียนฮวาก็รีบพูดว่า “แม่ไม่
เป็นอะไรจริงๆ ไม่ต้องเป็นห่วงนะ”
เฉินชางยิ้มพร้อมพยักหน้าพูด “ใช่ครับ การผ่าตัดราบรื่นดีมาก
ครับ แต่มือจะยังขยับไม่ได้สักระยะ ต้องระวังหน่อยนะครับ…ส่วน
รายละเอียดเราไปคุยกันที่ห้องผู้ป่วยนะครับ”
หลัวหมิงยิ้มพูด “ได้ครับ ขอบคุณหมอเฉินมากจริงๆ ครับ”
หลังจากกลับมาถึงแผนกฉุกเฉิน พวกพยาบาลเห็นหลัวหมิง
เดินมาก็ดูลนลานเล็กน้อย แต่พอเห็นจางเหลียนฮวามาด้วย ทุกคน
ก็ไม่ได้พูดอะไร
ทว่าหลังจากจางเหลียนฮวาเข้าห้องไป พยาบาลสาวคนหนึ่งก็
ตามตัวหลัวหมิงออกมา
“พี่หลัวคะ มีคนถ่ายคลิปพี่ไปลงในติ๊กต็อกค่ะ…ทำเกินไปจริงๆ
ทำให้พี่ต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง…พวกเราบอกให้เขาลบ แต่เขาก็
ไม่สนใจ!”ขณะนี้เอง เฉินชางก็เดินเข้ามา “หมายความว่าไงครับ”
หลัวหมิงเห็นแบบนี้ก็อดซาบซึ้งใจไม่ได้ พลันเผยรอยยิ้ม
“ขอบคุณทุกคนมากนะครับ ผมรู้เรื่องนี้แล้ว กลับไปผมจะติดต่อ
ทนาย ให้อีกฝ่ายลบคลิปและขอโทษ”
แม้คนลงคลิปไม่ได้วิพากษ์วิจารณ์อะไร แค่ลงคลิปและ
ใส่เพลง แต่เรื่องการทำยชื่อเสียงของเขา เขายังต้องปรึกษา
ทนายความ
และตอนนี้เฉินชางก็ได้ดูคลิปวิดีโอจบแล้ว
หลังจากดูจบ เขาก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาทันที
เขาคิดว่าเรื่องแบบนี้ควรสร้างพลังบวก เผยแพร่พลังบวก ไม่
ใช่เอามาเป็นเรื่องตลกเพื่อความบันเทิง
เขามองหลัวหมิงที่คอยติดตามดูแลแม่ สวมชุดนักเรียน ทำตัว
เป็นนักเรียนต่อหน้าแม่
เขาคิดว่าตนควรทำอะไรสักอย่าง!
เฉินชางคิดถึงตรงนี้พลันหันหลังกลับ เริ่มคิดหาวิธี
ใครรู้จักคนในของติ๊กต็อกเขาคิดอยู่นานก็คิดไม่ออกว่ามีใคร
ตอนนี้เอง จู่ๆ โทรศัพท์ของเฉินชางก็ดังขึ้น “เสี่ยวเฉิน ช่วงบ่าย
คุณว่างไหมครับ”
เป็นสายจากซุนกว่างอวี่
“มีอะไรหรือเปล่าครับหัวหน้าซุน”
ซุนกว่างอวี่ครุ่นคิดครู่หนึ่งจึงพูดว่า “มีผู้นำอาวุโสท่านหนึ่ง
ช่วงนี้ไม่ค่อยสบาย แต่ตรวจไปหลายครั้งก็ยังไม่พบสาเหตุ ช่วงบ่าย
จำ เป็นต้องประชุมเพื่อหาสาเหตุ ผมได้เชิญผู้เชี่ยวชาญหลายท่าน
มาร่วมด้วย ถ้าคุณว่างมาช่วยหน่อยนะครับ”
เฉินชางพยักหน้า “ได้ครับ เดี๋ยวช่วงบ่ายผมไป”
หลังจากวางสาย เฉินชางหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา ลังเลอยู่
ครู่ใหญ่ ตอนนี้เองจู่ๆ เขาก็รู้แล้วว่าควรโทรหาใคร
ใครที่จะช่วยหลัวหมิงได้
ให้เจ้าของคลิปลบคลิปวิดีโอและขอโทษเหรอ
เฉินชางคิดว่าเท่านี้ยังไม่พอ!
แบบนี้แก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุไม่ได้เฉินชางคิดไปคิดมา จู่ๆ ก็ตาเป็นประกาย เขามีวิธีที่ดีกว่านี้
หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรหาเลขาคนหนึ่ง “เลขาเหอครับ ผม
เฉินชางนะครับ ผมมีเรื่องจะปรึกษารัฐมนตรีเสี้ยวน่ะครับ”